“พ่อหยุดซักวันไม่ได้เหรอครับ” คำถามสั้น ๆ จากลูกชายที่พูดกับพ่อที่นั่งพักเหนื่อยจากการตระเวนรับซื้อของเก่า ตั้งแต่เช้ายันค่ำ อาทิตย์ละ 7 วัน ทำงานแบบไม่มีวันหยุด กลายเป็นจุดเปลี่ยนของครอบครัวหอมสุวรรณ หลังพ่อยอมหยุดงาน 1 วันในวันอาทิตย์ ทำให้สมาชิกในครอบครัว ได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันด้วยการเล่นกีฬาแบบเอ็กซ์ตรีม โดยพ่อซึ่งเป็นอดีตนักกีฬาจักรยานผาดโผน หันมาเล่นสกู๊ตเตอร์ฟรีสไตล์ ลูกชายเล่นสเก็ตบอร์ดสตรีท
ลูกสาวเล่นอินไลน์สเก็ตซ์ ส่วนแม่เล่นสเก็ตบอร์ดออกกำลังกาย ทุกคนสนุกสนาน
กับการออกกำลังกายด้วยกัน จากทุก ๆ วันอาทิตย์ ขยายเพิ่มเป็นออกกำลังกายด้วยกัน
ทุกเย็น ได้เห็นรอยยิ้มและความสุขของครอบครัวนี้มากขึ้น
.
กลายเป็นเรื่องราวประทับใจที่ถ่ายทอดในสารคดี กีฬาสามัญประจำบ้าน ในตอน ”ขอเวลานอก” ซึ่งไม่ได้เป็นการขอเวลานอกในการแข่งขันกีฬา แต่กลับเป็นการขอเวลานอกของครอบครัว
และยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเมื่อลูกชายที่พัฒนาฝีมือจนได้เป็นตัวแทนแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติและเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น แต่ด้วยความรักความเข้าใจในครอบครัว ที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับปัญหาไปด้วยกัน
.
“ระหว่างการฝึกซ้อมที่มุ่งมั่นมาก ๆ ได้เกิดอุบัติเหตุขาหัก จนทีมงานต้องกลับมาคุยกันใหม่ว่าจะเอาไงต่อ เรากะว่าตอนจบของเรื่องนี้จะแฮปปี้เอนดิ้ง ประมาณว่าจากที่พ่อแม่ลูกออกกำลังกายด้วยกัน เล่นกีฬาด้วยกัน ซัพพอร์ตกัน จนลูกได้ไปแข่ง ได้เหรียญคล้องคอ มีภาพสวย ๆ ก็ต้องปรับแผนใหม่ทั้งหมด ต้องไปศึกษาว่าเขาดูแลจิตใจกันยังไง”
สุริยัน สุวรรณกาล อาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หัวหน้าโครงการและผู้ควบคุมการผลิตสารคดีกีฬาสามัญประจำบ้าน เล่าถึงความประทับใจและความยากลำบากในการถ่ายทำสารคดีตอนนี้ ซึ่งทั้ง 12 ตอน แม้จะวางพล็อตเรื่องครอบครัวกับกีฬาไว้แล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ใหม่ ๆ หรือปัญหาเฉพาะหน้าขึ้นระหว่างถ่ายทำ กลายเป็นความท้าทายในการปรับการนำเสนอเรื่องราวให้ดูจริงมากที่สุด ซึ่งกลายเป็นเสน่ห์ของสารคดีชุดนี้
“อย่างตอนพ่อลูกตะลุยเทรล เราคิดว่าความสัมพันธ์พ่อลูกก็เด่นแล้ว แต่ตอนที่ไปถ่ายทำที่จังหวัดตาก จากที่คิดว่าเช้านั้นฟ้าจะใส ๆ ได้ถ่าภาพสวย ๆ ปรากฏว่าฝนตก เราก็ได้ไปเห็นอีกมิติหนึ่ง ครอบครัวเพื่อนของน้อง รวมทั้งตัวเพื่อนอีกคนหนึ่งที่ไปวิ่งเทรลกับน้อง เขาจะซัพพอร์ตกันยังไง มันก็เกิดความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวขึ้น”
สุริยันเล่าย้อนด้วยรอยยิ้ม เมื่อนึกถึงความพลิกผันระหว่างการถ่ายทำสารคดีชุดนี้ในหลาย ๆ ตอน ซึ่งแต่ละตอนต้องนัดถ่ายทำอย่างน้อย 3 ครั้ง บางครั้งถ่ายทำแล้วนำมาตัดต่อ ต้องขอนัดเพิ่ม ถ่ายเพิ่ม ให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด แม้แต่ตอน Man of the match ที่นำเสนอเรื่องราวของคุณตาสว่าง นักกรีฑาวัย 102 ปี ที่ยังมุ่งมั่นในการแข่งขันและสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายให้กับคนรุ่นลูกรุ่นหลานมากมาย ทีมงานเน้นการถ่ายทำให้เป็นสารคดีกึ่งเรียลลิตี้ ให้เห็นชีวิตประจำวันของคุณตา รวมไปถึงตอนซ้อมและบรรยากาศการแข่งขันได้อย่างสนุกสนานและเต็มอิ่ม
“ฟีดแบคจากผู้ชม ส่วนใหญ่บอกว่าชอบตรงที่มันแปลกใหม่ คือไม่ได้ดูแล้วรู้สึกว่าได้แรงบันดาลใจ แล้วอยากไปออกกำลังกาย จะได้เป็นฮีโร่ ได้เหรียญทองโอลิมปิกเหมือนน้องเทนนิส แต่เป็นการฉายให้เห็นมิติว่า ความสำเร็จของคนหนึ่งคน มีมิติของครอบครัวเข้ามาซับพอร์ตอย่างไร”
โดยสารคดีชุดกีฬาสามัญประจำบ้าน ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ประเภทเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปี 2564 ออกอากาศทางช่อง9 MCOT HD หมายเลข 30ไปแล้วตั้งแต่กลางปีที่แล้ว แต่ยังสามารถชมย้อนหลังได้ทางยูทูบช่องกีฬาสามัญประจำบ้าน และที่สำคัญสารคดีชุดนี้ยังกลายเป็นสื่อการเรียนการสอนให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และใช้เป็นสื่อการสอนให้นิสิตนำไปใช้ในการฝึกสอน เป็นการขยายต่อยอดเพื่อให้คนไทยทุกครอบครัวได้ใช้ยาวิเศษอย่างกีฬา ให้กลายเป็นกีฬาสามัญประจำบ้านของทุกครอบครัวด้วย
.
#กองทุนสื่อ #กีฬาสามัญประจำบ้าน
#เล่าสื่อกันฟัง #บทความเล่าสื่อกันฟัง
#ผลงานผู้รับทุนกองทุนสื่อ
#สื่อสร้างสรรค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
.
ติดตาม “กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์” ได้ที่
Website : www.thaimediafund.or.th
Facebook : www.facebook.com/ThaiMediaFundOfficial
Youtube : www.youtube.com/c/ThaiMediaFund
Line Official : @thaimediafund
ความเห็นล่าสุด