เลือกหน้า

(9 มี.ค. 64) ดร.ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ประธานอนุกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เป็นประธานพิธีเปิด “แสดงความร่วมมือในการรับมือกับข่าวปลอม Fake News” ร่วมด้วย ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พร้อมด้วยเสวนาระดมความคิดในประเด็นการรับมือกับข่าวปลอม (Fake News) ดำเนินรายการโดย นายอภิรักษ์ หาญพิชิตวณิชย์ มีผู้เข้าร่วมเสวนา ดังนี้ ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต, คุณตรี บุญเจือ, คุณนันทรัศมิ์ เทพดลไชย ฯลฯ นอกจากนี้ยังขอเชิญทุกท่านร่วมฟังภาคีเครือข่ายแนะนำโครงการที่ร่วมขับเคลื่อนประเด็นข่าวปลอม (Fake News) กว่าสิบโครงการฯ คาดหวังเยาวชนและประชาชนเกิดองค์คงามรู้ในการรับข่าวลวง

ดร.ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ปัจจุบันสื่อสังคมออนไลน์(Social Media) ในประเทศไทยมีอัตราการเจริญเติบโตมากยิ่งขึ้น คนไทยที่ใช้เฟสบุ๊กมีจำนวนถึง 49 ล้านคน โดยนับเป็นอันดับ 8 ของโลก ทำให้ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ในหลาย ๆ ข้อมูล

ถูกแพร่กระจายออกไปก่อนที่จะได้รับการตรวจสอบ หรือกลั่นกรองข้อมูลมาก่อน ซึ่งบางข้อมูลเป็น ข้อมูลที่ผิด ข้อมูลลวง หรือที่เราเรียกกันว่า ข่าวปลอม (Fake news) ซึ่งมีกรณีเชิงประจักษ์มากมายที่สะท้อนว่า “ข้อมูลเท็จ” เหล่านั้นก่อให้เกิดปัญหาตั้งแต่ระดับส่วนรวม ถึงระดับปัจเจก ส่งผลเสียหายต่อประเทศและประชาชนในด้านความรู้ ความคิด ความมั่นคง ไปจนถึงชื่อเสียง และอาจถึงแก่ชีวิตและยังเป็นสิ่งสะท้อนที่ชัดเจนถึงความจำเป็นที่ประชาชนจะต้องมีความรู้เท่าทันสื่อในด้านต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และกระทรวงวัฒนธรรม จึงพร้อมที่จะผลักดัน และส่งเสริมนักผลิตสื่อที่เห็นถึงความสำคัญของการรับมือกับข่าวปลอม (Fake news) และกล่าวขอบคุณผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งทุกข้อคิดเห็นต่าง ๆ ข้อติชมในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการนำไปปรับปรุง และพัฒนาสื่อที่ปลอกภัยและสร้างสรรค์ต่อไป

ด้าน ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่าในปัจจุบันโซเซียลมีเดียได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกระจายข่าวปลอมหรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง อีกทั้งยังทวีความรุนแรงได้มากพอที่จะส่งผลกระทบไปถึงความมั่นคง

ในระดับประเทศ ซึ่งมีการวิจัยของ มหาวิทยาลัย Massachusetts Institute of Technology (MIT) ว่าการแพร่กระจายของข่าวปลอมในโซเชียลมีเดีย รวดเร็วถึง 6 เท่า จากการแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วของข่าว กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ จากสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้มีการสนับสนุนโครงการที่เข้าร่วมขับเลื่อนประเด็นข่าวปลอม ดังนี้
1. โครงการฐานข้อมูลต้นแบบเพื่อรับมือกับข่าวปลอม
2. โครงการผลิต 4 ภาพยนตร์สั้นส่งเสริมความเข้าใจและตีแผ่ภัยรู้เท่าทันสื่อยุคปัจจุบัน
3. โครงการเช็ก ชัวร์ แชร์
4. โครงการเครือข่ายพระสงฆ์เฝ้าระวังสื่อชวนเชื่อทางศาสนา
5. ภาพยนตร์ชุด เรื่อง บางกอก ซีโร่
6. โครงการ ข่าวจริงป่ะ
7. โครงการ การพัฒนาเกมสืบสวนและเกมโชว์ออนไลน์เพื่อการรับมือกับข่าวปลอมสำหรับประชาชนทั่วไป
8. โครงการ Fake News Fighter : การสร้างเครือข่ายเพื่อสร้างองค์ความรู้และกลไกในการแก้ปัญหาข่าวปลอม
9. โครงการ Check ก่อน Share วัยรุ่นยุคใหม่ รู้จริง ไม่มี Fake
10. โครงการพัฒนาการตรวจจับข่าวปลอมโดยการเรียนรู้ของเครื่องและการตรวจสอบข้อเท็จจริงของประชาชน
11. โครงการพัฒนาศูนย์ตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลข่าวสารและเครือข่ายระดับประเทศในการรับมือกับข่าวปลอม
  ด้วยเหตุนี้กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จึงจัดกิจกรรมแถลงความร่วมมือการรับมือกับข่าวปลอม (Fake News) เพื่อรณรงค์สร้างความตระหนัก เรื่องพิษภัยและผลกระทบ เพื่อให้ประชาชนสามารถแยกแยะ ตรวจสอบข่าวปลอมได้ รวมถึงส่งเสริมความรู้และความตระหนักในปัญหาข่าวปลอมสำหรับประชาชนทั่วไป

ภายในงานยังมีการเสวนาระดมความคิดในประเด็นการรับมือกับข่าวปลอม (Fake News) ดำเนินรายการโดย นายอภิรักษ์ หาญพิชิตวณิชย์ มีผู้เข้าร่วมเสวนา ดังนี้ ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต,

คุณตรี บุญเจือ, คุณนันทรัศมิ์ เทพดลไชย ฯลฯ นอกจากนี้ยังขอเชิญทุกท่านร่วมฟังภาคีเครือข่ายแนะนำโครงการที่ร่วมขับเคลื่อนประเด็นข่าวปลอม (Fake News)
ทั้งนี้ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เผยว่า ในการศึกษาเรื่องของการแพร่กระจายของข่าวปลอมในโซเชียลมีเดียของมหาวิทยาลัย Massachusetts Institute of Technology (MIT) ซึ่งเป็นการวิจัยการแพร่กระจายของข่าวปลอมในโซเชียลมีเดีย มีผลการศึกษาที่บ่งบอกว่าข่าวปลอมถูกแบ่งปันมากกว่าข่าวจริงและแพร่กระจายได้เร็วกว่าถึง 6 เท่า จากการแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วของข่าวปลอมนี้เอง ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ ระงับข่าว และแก้ไข ซึ่งส่งผลเสียอย่างมหาศาลตามมาในภายหลัง การแพร่กระจายอย่างรวเร็วของข้อมูลเท็จ ซึ่งมีกรณีเชิงประจักษ์มากมายที่สะท้อนว่า “ข้อมูลเท็จ” เหล่านั้นก่อให้เกินปัญหาตั้งแต่ระดับ ส่วนรวม ถึงระดับปัจเจก ส่งผลเสียหายระดับประเทศและประชาชนในด้านความรู้ ความคิด ความมั่นคง ไปจนถึงชื่อเสียง และอาจถึงแก่ชีวิต และยังเป็นสิ่งสะท้อนที่ชัดเจนถึงความจำเป็นที่ประชาชนต้องมีความรู้เท่าทันสื่อในด้านต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรู้เท่าทันสื่อด้านสุขภาพ สื่อด้านเศรษฐกิจ สื่อด้านสังคม หรือแม้กระทั่งสื่อด้านการเมือง “Fake News” เป็นประเภทของการสื่อสารมวลชนหรือการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลที่ไม่ใช่ข่าวจริง หรือเป็นข้อมูลที่หลอกลวง แพร่กระจายผ่านการพิมพ์แบบดั้งเดิม และเผยแพร่ข่าวหรือสื่อออนไลน์ทางสังคมออนไลน์ Fake News เขียนขึ้นโดยมีเจตนาที่จะหลอกลวงเพื่อสร้างความเสียหายแก่สังคม แก่หน่วยงานหรือหวังผลทางการเมือง รวมทั้งการสร้าง Fake News เพื่อเป็นการโฆษณาสินค้าและบริการแฝงไปกับข่าว เพื่อเพิ่มจำนวนผู้อ่านหรือการแชร์ออนไลน์

ดังนั้นจึงได้จัดกิจกรรม เพื่อรณรงค์สร้างความตระหนัก เรื่องพิษภัยและผลกระทบ เพื่อให้ประชาชนสามารถแยกแยะ ตรวจสอบข่าวปลอมได้ รวมถึงส่งเสริมความรู้และตระหนักในปัญหาข่าวปลอมสำหรับประชาชนทั่วไป วัตถุประสงค์ 1. เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร องค์ความรู้ที่เกี่ยวกับการต่อต้าน/การรับมือกับข่าวปลอม 2. เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลหรือองค์ความรู้ที่ได้จากโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ในประเด็นการรับมือข่าวปลอม 3. เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเกิดองค์ความรู้ในการรับมือกับข่าวลวง รวมถึงส่งเสริมความรู้และความตระหนักในปัญหาข่าวปลอมสำหรับประชาชน   ณ M Space ชั้น 3 เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน