เลือกหน้า

“น้ำหนึ่งใจเดียว” เป็นคำที่หลายคนเคยได้ยินและเข้าใจความหมายอย่างถ่องแท้ ว่าหมายถึงความสมัครสมานสามัคคี แต่คำนี้ถูกนำมาประยุกต์ใหม่เป็น “น้ำหนึ่งไทยเดียว” หนึ่งในโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ประเภทเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Grant) ประจำปี 2564

ซึ่งคุณกฤติกา เกลี้ยงกลม หัวหน้าโครงการ มองว่า ปัจจุบันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้ต่างคนต่างอยู่ และ
อยู่ในสภาวะที่ไม่ค่อยได้คุยกัน จึงอาจมีความเห็นที่ขัดแย้งกัน นำไปสู่การขาดความสามัคคีในที่สุด จึงได้คิดริเริ่มโครงการนี้ขึ้น โดยเน้นสร้างความสามัคคีจากคนกลุ่มเล็ก เริ่มต้นในครอบครัว ชุมชน แล้วขยายผลความสามัคคี
สู่สังคมระดับประเทศ

เมื่อได้รับการสนับสนุนทุนจากกองทุนฯ แล้ว ทีมงานจึงได้เริ่มต้นโครงการ แต่เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้บางชุมชนที่มีความโดดเด่นเรื่องความสามัคคีต้องปิดชุมชน ทีมงานจึงไม่สามารถเข้าไปถ่ายทำรายการได้ จำเป็นต้องหาชุมชนสำรองและนำเสนอต่อคณะทำงานติดตามและประเมินผลโครงการฯ เพื่อพิจารณาใหม่ ส่วนบางชุมชนที่ไม่ติดปัญหาเรื่องโควิด 19 แต่เป็นชุมชนที่ผ่านพ้นปัญหามานานแล้ว โดยอาศัยความร่วมมือร่วมใจและความสามัคคีในอดีต จนกระทั่งก้าวข้ามปัญหาต่าง ๆ มาได้ ทำให้ภาพที่จะสื่อออกมาเป็นรูปธรรมค่อนข้างยาก เพราะปัจจุบันปัญหาเหล่านี้ไม่มีอยู่แล้ว เช่น ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า เขาหัวโล้น ปัญหาน้ำท่วม
ภัยแล้ง ซึ่งตรงนี้จะติดขัดเรื่องภาพของปัญหา ทีมงานจึงจำเป็นต้องไปค้นหาแฟ้มภาพ หรือบางปัญหาเป็นเรื่องยาเสพติด บุคคลที่เคยทำเรื่องดังกล่าวไม่อยู่แล้ว เพราะปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว ทีมงานก็ต้องไปค้นคว้า
หาข้อมูลที่เป็นต้นกำเนิดในการแก้ปัญหาเหล่านั้น เพื่อนำมาสื่อสารสู่สาธารณะ

          สำหรับความท้าทายในการทำโครงการ “น้ำหนึ่งไทยเดียว” คุณกฤติกา เล่าว่า ในฐานะคนทำรายการโทรทัศน์จะต้องทำอย่างไรให้สิ่งที่จะสื่อออกมาเป็นภาพมีความสนุกและน่าสนใจ เพราะรายการมีความยาวประมาณ 25 นาที จึงต้องทำให้คนดูไม่รู้สึกเบื่อ ต้องดึงคนดูให้อยู่กับเราตั้งแต่เริ่มต้น และเนื่องจากปัญหาหลายอย่างได้รับการแก้ไขแล้ว ทำให้ภาพที่จะสื่อออกมาต้องจำลองขึ้นมาบ้าง เช่น ปัญหาเด็กติดยา มีการขนส่งยาในพื้นที่มุมอับ ก็ต้องเซ็ตสถานที่ขึ้นมา แต่ต้องทำอย่างไรให้ดูไม่ปลอม นอกจากนี้ยังต้องนำเสนอภาพเชิงสัญลักษณ์ ต้องมีวิธีการเล่าให้คนดูคล้อยตาม เช่น ปัญหาผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับการเหลียวแล แต่ปัจจุบันปัญหานี้ไม่มีอยู่แล้ว จำเป็นต้องจำลองเหตุการณ์ที่สื่อถึงความโดดเดี่ยว อยู่คนเดียวในอดีต ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นความท้าทายคนทำงานเป็นอย่างมาก

          ส่วนการร่วมงานกับกองทุนฯ นั้น ทีมงานมีความประทับใจมาก เพราะผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านให้ความเป็นกันเอง และให้มุมมองที่เป็นประโยชน์ บางครั้งทีมงานต้องการนำเสนอภาพของปัญหาให้ชัดเจน เช่น ปัญหาหนี้สินรุมเร้าจนเกิดคิดสั้นฆ่าตัวตาย ประเด็นอยู่ที่การร่วมกันแก้ปัญหาหนี้สินให้หมดไป แต่คณะทำงานติดตามและประเมินผลโครงการฯ มองว่าการนำเสนอเรื่องการฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่อ่อนไหว จึงให้นำเสนอในมุมอื่นแทน
เพื่อไม่ให้คนดูรู้สึกหดหู่หรือหมดกำลังใจตามไปด้วย     

นอกจากนี้ยังรู้สึกอิ่มเอมใจทุกครั้งที่ได้ทำโครงการ “น้ำหนึ่งไทยเดียว” โดยเฉพาะตอนที่ได้ลงพื้นที่ไปในชุมชน
ทุกคนจะต้อนรับขับสู้อย่างดี บอกเล่าเรื่องราวและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ให้ข้อมูลเชิงหลักการและเหตุผล หรือแม้แต่การเข้าไปถ่ายทำในพื้นที่ที่ไม่สามารถไปได้ คนในชุมชนก็จะคอยช่วยประสานจนงานทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

          ขณะเดียวกันยังมีความภาคภูมิใจที่รายการได้เผยแพร่ทั้งทางออนแอร์และออนไลน์ โดยออกอากาศทางช่อง 9 MCOT HD ทุกวันอาทิตย์ เวลา 09.30 น. ” ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2565 – วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 และทางเพจเฟซบุ๊ก “น้ำหนึ่งไทยเดียวซึ่งทั้ง 2 ช่องทางมีคนดูเข้ามาแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจ ส่วนคนในชุมชนก็ขอบคุณทีมงานที่นำเสนอเรื่องราวที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

          และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ที่ได้ตั้งโครงการดี ๆ อย่างนี้ขึ้น ทำให้ทีมงานได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ชุมชนให้มีต้นแบบ หรือมีตัวอย่างของชุมชนที่ดี เพื่อให้เขาสามารถนำไปใช้กับชุมชนอื่น ๆ ที่มีปัญหาได้ ทั้งในระดับครอบครัว ระดับสังคม และระดับประเทศ ก็สามารถนำไปใช้ได้ทั้งหมด

          นอกจากนี้คณะทำงานติดตามและประเมินผลโครงการฯ ยังได้รวบรวมโครงการ “น้ำหนึ่งไทยเดียว” จัดทำเป็นนิตยสารนำไปวางไว้ที่กองทุนฯ เพื่อที่ใครผ่านไปผ่านมาจะได้หยิบอ่าน ถือเป็นการขยายการรับรู้ให้กว้างขวางมากขึ้น แม้โครงการจะจบลงแล้ว แต่สิ่งที่ต้องการถ่ายทอดเกี่ยวกับ “ความสามัคคี” ยังคงอยู่ต่อไป