เลือกหน้า

             ถามจริง เคยคิดกันบ้างไหมว่า เราจะตายเมื่อไหร่ หรือถ้าอีก 7 วันเราจะตาย ต้องเตรียมตัวอย่างไร ถึงจะตายดี ไม่มีสิ่งใดที่ต้องห่วงหรือทำให้คนที่อยู่ข้างหลังต้องวุ่นวาย ถ้ายังไม่เคยคิด ต้องลองติดตามเรื่องราวเหล่านี้ ในสารคดีกึ่งเรียลลิตี้ อีก 7 วันฉันจะตายดี อาจจะช่วยให้รับมือกับความตายและช่วยให้เตรียมตัวตายดีได้ในอนาคต

สภาวะของคนที่มีผู้ป่วยระยะสุดท้ายอยู่ในบ้าน แล้วเราต้องดูแลเอง โดยไม่ได้เอาไว้ที่โรงพยาบาล คือ พ่อเราเขาไม่อยากไปอยู่โรงพยาบาล เราต้องดูแลเขาเองทั้งวันทั้งคืน ซึ่งมันเหนื่อยและเพลียมาก และในขณะเดียวกันเราก็ทุกข์ใจ เพราะเห็นว่าเขากำลังจะจากไปแน่ๆ และก็เห็นเขาในสิ่งที่ไม่พร้อมและไม่ยอมรับมัน เราเห็นเขาทุกข์กับความเจ็บป่วย เราก็ทุกข์ไปด้วย และเราก็ไม่สามารถแชร์หรือบอกอะไรกับเขาได้เลย จะถามว่าพ่อกลัวตายไหม ยังไม่กล้าเลย เพราะเขารับไม่ได้แน่ ๆ มันทุกข์และอึดอัดมาก

สมศักดิ์ สมจิตร หัวหน้าโครงการและผู้ควบคุมการผลิตสารคดีชุด อีก 7 วันฉันจะตายดี เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อย้อนไปถึงวันที่เฝ้าดูแลพ่อที่ป่วยด้วยมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้ายตลอด 1 ปี ก่อนที่พ่อจะจากไป แม้จะพยายามเตรียมตัวเตรียมใจมาระยะหนึ่งแล้วทั้งคนที่ยังมีชีวิตและคนที่กำลังจะจากไป แต่สมศักดิ์ พบว่ามันยังไม่พอสำหรับการตายดี

           “ประเด็นอยู่ที่ว่ามันไม่พร้อมจะรับสภาพ เพราะไม่ได้ถูกเตรียมการมาก่อน ที่สำคัญคือเรื่องการสื่อสาร เรารู้เลยว่า เราไม่สามารถไปคุยได้ว่า ถ้าพ่อตาย พ่อจะทำอะไร ต้องเตรียมอะไรไว้ก่อนไหม สมบัติทั้งหลายจะทำยังไง มันพูดไม่ได้เลย เพราะยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งตอกย้ำ ในช่วงท้าย ๆ เรารู้เลยว่าเขามีภาระซึมเศร้า เพราะว่าเขารับไม่ได้ที่เขาจะต้องตาย มันเห็นหมดแล้ว จนรู้สึกว่าเราไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับใคร และถ้ามันมีการเตรียมการไว้ก่อน พูดคุยกันล่วงหน้าและไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องต้องห้าม สามารถเปิดใจคุยกันได้ในรายละเอียด ว่าจะเยียวยาความรู้สึกหรือระบายออกมายังไง หลัก ๆ คือมันไม่เคยเตรียมไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน

และเมื่อพ่อจากไป ครอบครัวก็ยังต้องเผชิญกับความยุ่งยากในการจัดการทรัพย์สินต่าง ๆ ที่พ่อไม่ได้จัดการไว้ กลายเป็นประสบการณ์ที่เป็นแรงผลักดันให้ สมศักดิ์ ซึ่งคร่ำหวอดในงานด้านโปรดักชั่นผลิตสารคดีมาหลายปี ได้นำเสนอโครงการต่อกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ประเภทเปิดรับทั่วไป ประจำปี 2565 เพื่อขับเคลื่อนและสื่อสารกับสังคมผ่านสารคดีกึ่งเรียลลิตี้ อีกเจ็ดวันฉันจะตายดี

สารคดี 7 ตอน ความยาวตอนละ 30 นาที ที่บอกเล่าเรื่องราวการเตรียมตัวตายและอยากให้สังคมยอมรับการพูดถึงความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องอัปมงคล และให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ทำความเข้าใจและใคร่ครวญกับความตายในสถานการณ์สมมุติ ถ้ามีชีวิตได้อีกแค่ 7 วัน อยากทำอะไรร่วมกับใคร เที่ยวที่ไหน  กินข้าวมื้อสุดท้ายกับใคร อยากขอบคุณ อยากขอโทษใคร เตรียมตัวแบบไหนเพื่อให้ตายดี กับ 7 ภารกิจ ทั้งซ้อมตาย อาหารมื้อสุดท้าย ตายตาหลับ สมุดเบาใจ ออกแบบงานศพ ระยะท้ายและลมหายใจสุดท้าย ผ่านชีวิตจริงของคน 7 คน ตัวแทนคน 7 กลุ่มของสารคดี 7 ตอน   ทั้งคนที่เคยเป็นมะเร็ง , แคนแก่อายุ 80ปี , LGBTQ , ครู , เด็ก หรือแม้แต่เจ้าของธุรกิจ กลายเป็นสารคดีแห่งชีวิต ที่ต้องร่วมภารกิจที่ใกล้ชิดกับความตายมากขึ้น และให้คนดูได้เรียนรู้ไปด้วยพร้อม ๆ กันกับเรื่องราวชีวิตที่เข้มข้นของแต่ละตอน ทำให้เห็นหลากหลายอารมณ์ความรู้สึกและหยดน้ำตาระหว่างการกินข้ามมื้อสุดท้ายกับคนที่พวกเขารัก 

แม้แต่ชีวิตของคนที่ไม่พร้อมจะตาย อย่างพี่นก คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ป่วยด้วยมะเร็งระยะที่3 ซึ่งหาเงินดูแลทุกคนในครอบครัว ทั้งแม่ที่ติดเตียง พ่อที่เป็นโรคไตต้องฟอกเลือดวันละ 4 ครั้ง  ลูก ๆ อีก 3 คน คนเล็กยังอยู่แค่ ป.3 ที่ต้องร่วมบททดสอบชีวิต หากมีชีวิตเหลืออยู่อีกแค่ 7 วัน ซึ่งเต็มไปด้วยความกังวล ความเป็นห่วงคนข้างหลัง ซึ่งสารคดีสะท้อนชีวิตและการร่วมภารกิจ ทำให้เริ่มเตรียมตัว ทั้งจดรหัสเอทีเอ็ม ได้พูดคุย ได้ว่ายน้ำกับลูก ได้กินอาหารอิตาเลียนที่ลูก ๆ ชอบ ได้ยิ้ม ได้กอดคนที่รัก จนพร้อมจะก้าวสู่การเตรียมตัวตายดี

             เช่นเดียวกับภารกิจของอีก 6 ชีวิต ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ทั้งเข้มข้น สะเทือนใจ ประทับใจ และบางครั้งอาจจะยิ้มทั้งน้ำตากับบททดสอบ หากต้องมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้แค่อีก 7 วัน

             โดยสารคดีชีวิต “อีก 7 วันฉันจะตายดีทั้ง 7 ตอน เผยแพร่ผ่านช่องยูทูบ กินดี อยู่ดี ไปดี และเพจ Peaceful Death และเพจสวนโมกข์กรุงเทพฯ สารคดีที่ทุกคนควรดู เพราะความตายเป็นเรื่องที่ทุกคนทุกครอบครัวต้องเจอ และจะดีกว่าหากเราเข้าใจและเตรียมพร้อม หากอีก 7 วันฉันจะตายดี