มาตรการการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด 19 สู่โรคประจำถิ่น มีอะไรบ้าง
ในปัจจุบันประชาชนยังสามารถรักษาโรคโควิด 19 ได้ทุกที่ ส่วนในอนาคต ผู้ป่วยโควิด จะรักษาฟรีตามสิทธิของแต่ละคน และประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่การปรับแผนโควิดให้เป็นโรคประจำถิ่นโดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
เป้าหมายของการปรับโควิด 19 สู่โรคประจำถิ่น มีดังนี้
– การเข้าถึงการดูแลรักษาได้อย่างรวดเร็ว มีคุณภาพ อัตราป่วยตายไม่เกิน 0.1%
– ความครอบคลุมวัคซีนเข็มกระตุ้นมากกว่าหรือเท่ากับ 60%
– สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และความร่วมมือของประชาชนในการรับมือ และปรับตัว เพื่ออยู่ร่วมกับ โควิด 19 จาก Pandemic Endemic อย่างปลอดภัย
สำหรับสาระสำคัญของแผนและมาตรการของการปรับโควิด 19 สู่โรคประจำถิ่น แบ่งเป็น 4 ด้าน ดังนี้
1.ด้านสาธารณสุข
– เร่งการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นมากกว่าหรือเท่ากับ 60%
– ปรับระบบการเฝ้าระวัง เน้นการระบาดเป็นกลุ่มก้อน และผู้ป่วยปอดอักเสบ
– ผ่อนคลายมาตรการสำหรับผู้เดินทางจากต่างประเทศ
– ปรับแนวทางแยกกักตัวผู้ป่วย และกักกันผู้สัมผัส
2.ด้านการแพทย์
– ปรับแนวทางการดูแลรักษาแบบผู้ป่วยนอก (OPD)
– ดูแลผู้ป่วยที่เสี่ยงอาการรุนแรง และมีอาการรุนแรง รวมทั้งภาวะ Long COVID
3.ด้านกฎหมายและสังคม
– บริหารจัดการด้านกฎหมายในทุกหน่วยงานให้สอดคล้องกับการปรับตัวเข้าสู่ Post pandemic
– ผ่อนคลายมาตรการทางสังคม ลดการจํากัดการเดินทางและการรวมตัวของคนหมู่มาก
– ทุกภาคส่วนส่งเสริมมาตรการ UP, COVID Free Setting
4.ด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์
– ทุกภาคส่วนร่วมสร้างความรู้ความเข้าใจ และพฤติกรรมให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตร่วมกับโควิด 19 อย่างปลอดภัย (Living with COVID-19)
– สื่อสารประชาสัมพันธ์เชิงรุกอย่างครอบคลุมให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และสร้างความร่วมมือของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา
5.ไทม์ไลน์ของการดำเนินการ แบ่งเป็น 4 ระยะ ดังนี้
– ระยะ Combatting (ระดับ 4) เริ่มตั้งแต่ 12 มี.ค. – ต้นเม.ย.2565
– ระยะ Plateau (ระดับ 3) ตั้งแต่ เม.ย. – พ.ค. 2565
– ระยะ Declining (ระดับ 2) ตั้งแต่ปลาย พ.ค. – มิ.ย. 2565
– ระยะ Post pandemic (ระดับ 1) ตั้งแต่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป
ดังนั้นหากติดเชื้อโควิดหลังจากที่รัฐบาลประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นแล้วประชาชนต้องศึกษาหลักเกณฑ์การใช้สิทธิ์หรือเงื่อนไขให้ดีในการที่จะเข้ารับการรักษา
ความเห็นล่าสุด