เลือกหน้า

กรกฎาคม 66 ประเด็นการเมืองยังเป็นที่สนใจของสื่อสังคมออนไลน์ โดยมี Facebook, TikTok, Twitter เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยม

10 ประเด็นที่ได้รับความสนใจ มีการสื่อสาร และมีส่วนร่วมมากที่สุดในโลกออนไลน์ เดือนกรกฎาคม 2566

อันดับที่ 1 การโหวตนายกฯ และท่าทีของพรรคก้าวไกล

ส่วนใหญ่มาจากช่องทางอย่างเป็นทางการของพรรคก้าวไกลใน TikTok โดยประเด็นที่ได้รับความสนใจจะเป็นแถลงการณ์ให้ความเชื่อมั่นต่อประชาชนในการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 1 ส่วนโพสต์อื่น ๆ จะมีทั้งการทำคลิปให้กำลังใจพรรคก้าวไกลจากประชาชน นักร้อง นักแสดง รวมถึงโพสต์จากสื่อต่าง ๆ ที่มีประชาชนเข้าไปแสดงความคิดเห็นต่อท่าทีของพรรคก้าวไกล

อันดับที่ 2 ความนิยมของละครมาตาลดา

มาจากการตัดคลิปละครสั้น ๆ โดยเฉพาะฉากที่มีนางเอกเต้ย จรินทร์พร โดยเสียงตอบรับของผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ยังคงชื่นชอบละครเรื่องนี้ทั้งในเรื่องความสนุก มีสาระ นอกจากนั้นยังมีการแสดงความคิดเห็นว่าละครเรื่องนี้มีส่วนให้สังคมไทยผ่อนคลายความเครียดจากการดูข่าวการเมือง

อันดับที่ 3 พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

หลังจากการโหวตนายกทั้ง 2 ครั้งไม่สำเร็จ ทำให้พรรคก้าวไกลต้องถอยให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ด้วยท่าทีทางการเมืองที่พรรคเพื่อไทยจะไปรวมกับพรรคฝ่ายอดีตรัฐบาล ทำให้ผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์โพสต์เตือนสติพรรคเพื่อไทย ต่อมาพรรคเพื่อไทยประกาศร่วมกับพรรคอดีตรัฐบาล ส่งผลให้ได้รับคำตำหนิเป็นจำนวนมาก  

อันดับที่ 4 ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.

ในช่วงการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญได้สั่งให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. โดยโพสต์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดเป็นโพสต์จากสำนักข่าวที่เสนอภาพช่วงพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เดินออกจากห้องประชุมสภาฯ ส่วนความเห็นของผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ส่วนใหญ่ตำหนิความไม่เป็นธรรมของศาลรัฐธรรมนูญ

อันดับที่ 5 การโหวตครั้งที่ 2 ให้พิธาเป็นนายกฯ

เป็นการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมรัฐสภามีมติให้การเสนอชื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งนั้นขัดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา รวมทั้งกล่าวถึงการมีองค์กร เช่น สภาทนายความออกแถลงการณ์ให้การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีซ้ำ สามารถทำได้เนื่องจากไม่มีข้อจำกัดในรัฐธรรมนูญ ทั้งไม่สามารถอ้างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41 ที่ใช้กับการยื่นญัตติทั่วไปมาบังคับใช้

อันดับที่ 6 พรรคก้าวไกลและเพื่อไทยเสนอวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาฯ

ก่อนหน้าการเสนอชื่อวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาฯ มีข่าวลือว่าพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับพรรคก้าวไกลที่จะได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ส่งผลให้มีการประชุมของทั้งสองพรรคที่ได้ข้อสรุปว่าจะยกตำแหน่งประธานสภาฯ ให้กับวันมูหะมัดนอร์ มะทา และหลังจากที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้ผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ตำหนิพรรคเพื่อไทยอย่างมาก ในทางตรงกันช้ามก็ให้กำลังใจพรรคก้าวไกลที่แม้จะได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งแต่กลับไม่ได้ตำแหน่งใดในสภา

อันดับที่ 7 พลายศักดิ์สุรินทร์เดินทางจากศรีลังกากลับไทยเนื่องจากอาการป่วย

พลายศักดิ์สุรินทร์เป็นช้างที่ทางการไทยส่งไปเป็นทูตสันถวไมตรีที่ศรีสังกา ตั้งแต่ปี 2544 ภายหลังพบว่าพลายศักดิ์สุรินทร์มีสุขภาพที่ย่ำแย่เนื่องจากการถูกใช้งานอย่างหนัก ทางภาครัฐนำโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ กระทรวงการต่างประเทศได้ติดต่อรัฐบาลศรีลังการเพื่อให้นำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมารักษาที่ประเทศไทย โดยผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์เห็นไปในทิศทางเดียวกันคือ ขอบคุณทางการไทยที่นำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมารักษาที่ประเทศไทย

อันดับที่ 8 #ธุรกิจสว. และ #เมียน้อยสว. ตอบโต้ สว. ที่ไม่โหวตนายกฯ จากพรรคก้าวไกล

การที่พรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วนหนึ่งมาจาก สว. ไม่ให้การรับรอง ส่งผลทำให้เกิดการตอบโต้จากผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่พอใจ สว.ด้วยการติดแฮชแท็ก #ธุรกิจสว. เพื่อแบนธุรกิจของ สว.และครอบครัว รวมไปถึงภาคธุรกิจบางส่วนที่ไม่ให้สว. กกต. หรือ บุคคลที่เกี่ยวข้องมาใช้บริการธุรกิจของตน ส่วนการติดแฮชแท็ก #เมียน้อยสว. เป็นการนำภาพเก่าของสว.คนหนึ่งที่ถ่ายภาพคู่กับผู้หญิงที่ไม่ใช้ภรรยาของตนมาประจานบนสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว

อันดับที่ 9 สส. เสรีพิศุทธ์ ให้พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน

จากเหตุการณ์ที่ สส. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ร่วมแถลงการณ์กับพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยโดยมีถ้อยคำที่ต้องการผลักให้พรรคก้าวไกลเสียสละไปเป็นฝ่ายค้านที่สื่อนำไปเผยแพร่เป็นข่าว ทำให้ผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ตำหนิ สส. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช เป็นวงกว้าง โดยเฉพาะจากกลุ่มคนที่โหวตเลือกพรรคก้าวไกลและคาดหวังให้ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

อันดับที่ 10 การอภิปรายของ สส. ชาดา ในการโหวตครั้งที่ 1 ให้พิธาเป็นนายกฯ

ข่าวการอภิปรายของ สส. ชาดา ไทยเศรษฐ์ ในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งแรก โดยมุ่งเน้นที่การไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่มีจุดยืนในการแก้ไข มาตรา 112  รวมทั้งท่าทีและท่วงทำนองการอภิปรายที่ดุดัน ทำให้เกิดเป็นกระแส และสร้างความสนใจในสื่อสังคมออนไลน์ในการสืบหาประวัติของ สส. ชาดา เป็นจำนวนมาก

ด้วยทิศทางการสื่อสารในโลกออนไลน์ของเดือนกรกฎาคม 2566 จาก 5 แพลตฟอร์มที่เป็นหน่วยศึกษา คือ 1) Facebook 2) Twitter 3) Instagram 4) YouTube และ 5) TikTok พบว่า ส่วนใหญ่เป็นประเด็นการเมือง  Media Alert และ Wisesight จึงเห็นพ้องกันในการเลือกศึกษา 3 ประเด็นทางการเมืองที่ได้รับความสนใจและวิพากษ์วิจารณ์บนสื่อสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ในอันดับต้น ๆ จากจำนวน Engagement ตลอดเดือนกรกฎาคม 2566 คือ 1) การโหวตนายกฯ และท่าทีของพรรคก้าวไกล 2) พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และ 3) ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

เห็นได้ว่า Engagement ส่วนใหญ่มาจากสองช่องทางหลัก คือ TikTok 43% และ Facebook 34%  โดยประเด็นที่มี Engagement มากที่สุด 2 อันดับแรกมาจาก TikTok Official Account ของพรรคก้าวไกลโดยได้ Engagement เฉลี่ยโพสต์ละ 1.7 ล้าน Engagement ส่วนอันดับที่ 3 มาจาก Account Themodevan ที่แต่งเพลงให้กำลังใจพรรคก้าวไกล ได้ Engagement ประมาณ 1.2 ล้าน Engagement

ด้านผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับประเด็นของพรรคก้าวไกลโดยเฉพาะโพสต์ประกาศจัดตั้งรัฐบาลตามเจตนารมณ์ของประชาชนเพื่อหยุดการสืบทอดอำนาจ โพสต์แถลงการณ์จากพรรคก้าวไกลก่อนวันเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 1 และโพสต์แถลงการณ์ของพรรคก้าวไกลหลังไม่สามารถได้เสียงโหวตพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีจากประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 เมื่อแยกตามประเภทผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ พบว่า เป็นบุคคลทั่วไปมากถึง 52 ล้าน Engagement รองลงมาได้แก่ ผู้มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์ 30.3 ล้าน สื่อหรือสำนักข่าว 10.7 ล้าน พรรคการเมือง 6.4 ล้าน และอื่น ๆ ประมาณ 7,000 Engagement ตามลำดับ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการให้กำลังใจพรรคก้าวไกล การชื่นชมศิลปินที่แต่งเพลงสนับสนุนพรรคก้าวไกลโดยผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมาก

Engagement ส่วนใหญ่จะมาจากสองช่องทางหลัก คือ Facebook 41% และ TikTok 35% โดยประเด็นที่ถูก Engagement มากที่สุด 3 อันดับแรกมาจาก TikTok Zocialnews ที่โพสต์ข่าวพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในประเด็นหากก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จจะหลีกทางให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล, จาก Account Facebook Paul Pattarapon พอล ภัทรพล ที่โพสต์เตือนสติพรรคเพื่อไทยไม่ให้ไปรวมกับพรรคอดีตรัฐบาล และ จาก TikTok Pondonnews ที่กล่าวถึงเพลงเสียดสีพรรคเพื่อไทยของแอ๊ด คาราบาว

ด้านความสนใจเกี่ยวกับประเด็นพบว่า มาจากสื่อจำนวน 25 ล้าน Engagement รองลงมาได้แก่ผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ 8.3 ล้าน Engagement  มาจากพรรคการเมืองและนักการเมือง 3.3 ล้าน ผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ 3.2 ล้าน และอื่น ๆ เช่น แบรนด์ และภาครัฐประมาณ 3 ล้าน Engagement ตามลำดับ โดยเสียงส่วนใหญ่เรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยเคารพการตัดสินใจของประชาชนและจับมือกับพรรคก้าวไกลไปจนกว่า สว. จะหมดสมาชิกภาพ รวมไปถึงการเหน็บแนมแอ๊ด คาราบาวถึงที่ดินที่เขากระโดงหลังจากที่แอ๊ดแต่งเพลงเสียดสีพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล

Engagement ส่วนใหญ่จะมาจากสองช่องทางหลัก คือ Facebook 38% และ TikTok 27% โดยประเด็นที่มี Engagement มากที่สุด 3 อันดับแรกมาจากช่อง PPTV และจากช่อง ONE31 เป็นข่าวพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เดินออกจากรัฐสภาหลังจากศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่, คลิปจากสำนักข่าว BBC ในประเด็นพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ถูกศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่

ด้านความสนใจของผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นนี้พบว่า มาจากสื่อจำนวน 17.3 ล้าน Engagement รองลงมาได้แก่ผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ 15 ล้าน, ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต 9.7 ล้าน Engagement , มาจากพรรคการเมืองและนักการเมือง 303,669 Engagement ตามลำดับ โดยส่วนใหญ่ไปในทิศทางเดียวกัน คือ ตำหนิการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีบางส่วนกล่าวว่าไม่ศรัทธาในคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญและตั้งคำถามถึงที่มาขององค์กรอิสระอื่นอย่าง กกต. สว. ที่ไม่ได้มาจากประชาชน

กล่าวโดยสรุป ในเดือนกรกฎาคม 2566 ผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ยังคงให้ความสนใจในประเด็นทางการเมืองมากถึง 8 จาก 10 ประเด็น โดยประเด็นที่ได้รับความสนใจส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการโหวตนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคก้าวไกลทั้งสองครั้ง, ประเด็นพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากพรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งได้สำเร็จ โดยอีก 2 ประเด็นที่เหลือเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสื่อ สิ่งบันเทิง อย่างละครมาตาลดา และประเด็นเกี่ยวกับสัตว์ คือพลายศักดิ์สุรินทร์เดินทางกลับเมืองไทย

ศักยภาพ Soft Power วัฒนธรรมท้องถิ่น ใช้สื่อสร้างสรรค์ ยกระดับสินค้า จากความหลากหลายของชีวภาพท้องถิ่น

(21 กันยายน 2566)
กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน)

เพื่อร่วมส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ Soft Power ทางวัฒนธรรมชุมชนท้องถิ่น นำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืน

ผ่านการยกระดับผลิตภัณฑ์สินค้า บริการ และอาหารจากความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น

ณ สำนักงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

โดย ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

และ นางสุวรรณา เตียรถ์สุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน)ได้ร่วมลงนาม โดยมีผู้บริหารของทั้ง2 หน่วยงาน ร่วมเป็นพยาน

ทั้งนี้ MOU ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ ทั้งเพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ Soft Power ทางวัฒนธรรมชุมชนท้องถิ่นนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืนผ่านการยกระดับผลิตภัณฑ์สินค้า บริการ และอาหารจากความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น

เพื่อพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรมให้กับชุมชนท้องถิ่น การใช้ความหลากหลายทางชีวภาพ และภูมิปัญญาเพื่อถ่ายทอดอัตลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่นไปสู่การยกระดับการท่องเที่ยว ผ่านการมีส่วนร่วมของชุมชนและท้องถิ่น

เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดทักษะการรู้เท่าทันและเฝ้าระวังสื่อที่ไม่ปลอดภัยและไม่สร้างสรรค์

พัฒนาชุดองค์ความรู้เพื่อการสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการสำรวจและรวบรวมข้อมูลทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น

เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ภาคีเครือข่ายในการแลกเปลี่ยนข้อมูลให้มีสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อย่างทั่วถึงจากความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น

เพื่อส่งเสริม สนับสนุนการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารด้านการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จากการพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน และไปสู่สาธารณชนในวงกว้าง

ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า
ภายใต้ความร่วมมือฉบับนี้
ต่างมีวัตถุประสงค์ร่วมกันเพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ Soft Power ทางวัฒนธรรมชุมชนท้องถิ่นนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืน ผ่านการยกระดับผลิตภัณฑ์สินค้าบริการให้ไปสู่สากลได้

รวมถึงการสนับสนุนให้เกิดทักษะการรู้เท่าทันและเฝ้าระวังสื่อที่ไม่ปลอดภัยและไม่สร้างสรรค์

ช่วยพัฒนาชุดองค์ความรู้เพื่อการสื่อสารในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการสำรวจและรวบรวมข้อมูลทรัพยากร เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน การทำให้คนเข้าใจในความหลากหลายทางชีวภาพนับเป็นวัคซีนอย่างดีที่จะช่วยอนุรักษ์ และ รักษาชุมชนท้องถิ่นได้

‘วันนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขับเคลื่อน สร้างการรับรู้ให้กับสังคมในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน ให้ไปสู่สาธารณชนในวงกว้างอย่างทั่วถึง’

นางสุวรรณา เตียรถ์สุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ(องค์การมหาชน) กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่ 2 หน่วยงานได้ร่วมมือกัน
โครงการสนับสนุนพัฒนาสื่อปลอดภัยสร้างสรรค์ ในการพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ

การเผยแพร่องค์ความรู้การให้บริการการเข้าถึงและใช้ประโยชน์เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ และภูมิปัญญาของชุมชนและท้องถิ่น

ซึ่งความร่วมมือนี้เป็นโอกาสดีที่จะร่วมสนับสนุนเผยแพร่การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน และไปสู่สาธารณชน บนฐานการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพในท้องถิ่น

‘ความร่วมมือนี้ เป็นก้าวแรกเพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ Soft Power ทางวัฒนธรรมชุมชนท้องถิ่นนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืน’

อย่างไรก็ตาม นายชำนาญ งามมณีอุดม รองผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

และ นายธนิต ชังถาวร รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ ได้ร่วมลงนามเป็นพยานใน MOU ด้วย

fuse. Kids film festival 2023 : เปิดพื้นที่ให้เยาวชนทำหนังสรรค์สร้างผลงาน

เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2566 ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ มอบหมายให้ ผศ.ดร.ศรัญญ์ทิตา ชนะชัยภูวพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ สำหรับเด็กและเยาวชน เข้าร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์ fuse. Kids film festival 2023 โครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ประเภทเปิดรับทั่วไป ประจำปี 2566

ณ โรงภาพยนตร์คิดส์ ซีเนม่า พารากอน ซีนีเพล็กซ์

งานเทศกาลภาพยนตร์ fuse. Kids film festival 2023 ได้รับผลงานส่งประกวดจากเด็กเยาวชนถึง 242 เรื่อง และมีหนังเข้าชิงทั้งหมดกว่า 14 สาขารางวัล โดยรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจะได้ร่วมเดินทางไปเรียนรู้ที่เมืองภาพยนตร์ปูซาน ประเทศเกาหลีใต้

ในส่วนของคณะกรรมการตัดสินรางวัล มีผู้ที่มีความรู้ ความชำนาญ เข้าร่วม อาทิ
เปรมปพัทธ ผลิตผลการพิมพ์ – ผู้อำนวยการเทศกาล และที่ปรึกษาชมรม Young filmmakers of Thailand, ผศ.ดร.มรรยาท อัครจันทโชติ – ภาควิชาการสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , นภสร ลิ้มไชยาวัฒน์ – ภาควิชาภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, สิโรรส เอ็มอธิ สุรฐาชัยวัฒน์ – นักแสดงภาพยนตร์และละครเวที

ผศ.ดร.ศรัญญ์ทิตา กล่าวว่า การได้รับโอกาสถือเป็นสิ่งสำคัญในการต่อยอดสร้างสรรค์ผลงานและเป็นสิ่งที่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์มีความตั้งใจที่จะสนับสนุนให้เกิดเทศกาล fuse. Film Festival ขึ้น รวมถึงในอนาคตทั้งทาง fuse. และกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (Thai Media Fund) จะยังคงสนับสนุนพื้นที่ให้เยาวชนได้สร้างสรรค์สื่อเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมบันเทิงประเทศไทย

ทั้งนี้ผลงานที่ได้รับรางวัล มีรวมทั้งหมด 14 รางวัล ประกอบด้วย

1. Best Film Award (ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า)
– The Sound of Blooming Flowers เสียงดอกไม้บาน โดย บัญญพนต์ ไชยทอง

2. Best Film Award (ระดับอุดมศึกษาและมากกว่าหรือเทียบเท่า)
– Sharenting โดย ธนภัทร พ่วงสุวรรณ, องค์อร จงประสิทธิ์

3. Best Documentary Film Award (ระดับอุดมศึกษาและมากกว่าหรือเทียบเท่า)
– 600 Miles โดย เจษฎา ขิมสุข

4. Best Animation Film Award (ระดับอุดมศึกษาและมากกว่าหรือเทียบเท่า)
– Sharenting โดย ธนภัทร พ่วงสุวรรณ, องค์อร จงประสิทธิ์

5. Best Director Award (ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า)
– บัญญพนต์ ไชยทอง จาก The Sound of Blooming Flowers เสียงดอกไม้บาน

6. Best Director Award (ระดับอุดมศึกษาและมากกว่าหรือเทียบเท่า)
– ธีรดา จิตต์ใจฉ่ำ จาก ฉิงชู

7. Best Performance Award (ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า)
– สุนิษา ถือศีล จาก Heart to Heart

8. Best Performance Award (ระดับอุดมศึกษาและมากกว่าหรือเทียบเท่า)
– ชมพูนุท จิรานันท์สิริ จาก The Dog หมาหัวเน่า และ พัชรกันย์ ศาลาวงศ์ จาก ฉิงชู

9. Best Screenplay Award (ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า)
– เสียงไร้สัญชาติ โดย อัมพล วงค์ปันนา

10. Best Screenplay Award (ระดับอุดมศึกษาและมากกว่าหรือเทียบเท่า)
– Shelf Life ชีวิตชั้น โดย ฐิตาภรณ์ ชูโต

11. Best Cinematography Award (ระดับอุดมศึกษาและมากกว่าหรือเทียบเท่า)
– เฮมิเมตา โดย กฤษฎา บุญฤทธิ์

12. Best Art Direction Award (ระดับอุดมศึกษาและมากกว่าหรือเทียบเท่า)
– ฉิงชู โดย ภัทราพร ไตรย์เทน, ศิษฏ ศรียาภัย

13. Best Film Editing Award (ระดับอุดมศึกษาและมากกว่าหรือเทียบเท่า)
– Sharenting โดย ธนภัทร พ่วงสุวรรณ

และ 14. Best Recording and Sound Mixing Award (ระดับอุดมศึกษาและมากกว่าหรือเทียบเท่า) – เฮมิเมตา โดย ฐิติพงษ์ กลั่นชื่น, ธนธรณ์ วีรดิษฐกิจ

‘เป้าหมายของโครงการนี้ เพื่อสร้างพื้นที่ให้เยาวชนคนทำหนัง มีโอกาสต่อยอดและสร้างสรรค์ผลงาน รวมถึงการสนับสนุนให้เกิดสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์โดยเยาวชน พัฒนาศักยภาพของผู้ผลิตสื่อรุ่นใหม่ ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนสามารถใช้สื่อในการพัฒนาตนเองและสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง เพื่อให้เกิดการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อย่างทั่วถึงผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์’
ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชน กล่าว

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้คะเนน ITA ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ระดับผ่านดี ด้วยคะเเนน 91.11

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้คะเเนน ITA การประเมินคุณธรรม และความโปร่งใส ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

ระดับผ่าน   ด้วยคะเเนน 91.11

แบบฟอร์มการขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและแบบฟอร์มแจ้งเหตุรั่วไหลของข้อมูล