เลือกหน้า

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เผยบทบาทลมใต้ปีก หนุน 30 เครือข่ายภาคอีสานร่วมสร้างนิเวศสื่อที่ดี ยกนครพนมเป็นฐานขับเคลื่อนเข้มแข็ง เครือข่ายผุดไอเดีย “รสโขงวัฒนธรรมกินได้”

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เผยบทบาทลมใต้ปีก หนุน 30 เครือข่ายภาคอีสานร่วมสร้างนิเวศสื่อที่ดี

ยกนครพนมเป็นฐานขับเคลื่อนเข้มแข็ง เครือข่ายผุดไอเดีย “รสโขงวัฒนธรรมกินได้”

(วันที่ 14 – 15 ธันวาคม 2567) คณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จัดเวที “สัมมนา 4 ภาค ขับเคลื่อนเครือข่ายสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ สู่ชุมชน สร้างสังคมเข้มแข็ง” ปีที่ 2 ครั้งที่
3 ที่จังหวัดนครพนม พื้นที่ตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เนื่องด้วยนครพนมมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ชาติพันธุ์ และมีเครือข่ายเข้มแข็ง จึงเป็นฐานที่ดีในการขับเคลื่อนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ของภาคอีสาน และยังมีเครือข่ายจากหนองคาย อุดรธานี สกลนคร ยโสธร อำนาจเจริญ มุกดาหาร รวมแล้วกว่า 30 เครือข่ายเข้าร่วมงาน โดยเครือข่ายผุดไอเดียเจ๋ง “รสโขงวัฒนธรรมกินได้”

นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ ประธานอนุกรรมการเกี่ยวกับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวเปิดงานว่า “วัตถุประสงค์ของเวทีสัมมนา 4 ภาคฯ เพื่อสร้างเครือข่ายในภูมิภาคต่าง ๆ เพราะระยะเวลาเกือบ 10 ปี ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ มีองค์ความรู้และข้อมูลมากมาย ถ้าเครือข่ายในภูมิภาคต่าง ๆ นำองค์ความรู้ของกองทุนฯ ไปผลิตเป็นสื่อที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ ก็จะช่วยกันสร้างนิเวศสื่อที่ดี ช่วยให้ประชาชนรู้เท่าทันสื่อ โดยกลุ่มเป้าหมายมี 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสื่อมวลชน กลุ่มคนผลิตสื่อในรูปแบบต่าง ๆ และกลุ่มที่ใช้สื่อขับเคลื่อนสังคม”

สำหรับบรรยายหัวข้อ 10 ปี กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงสู่เส้นทางอนาคต” โดย นายวีระพงษ์ กังวานนวกุล ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสร้างเครือข่ายกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้กล่าวว่า บทบาทของกองทุนฯ คือลมใต้ปีก ที่สนับสนุนเครือข่ายให้ผลิตสื่อและใช้สื่อที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ในการขับเคลื่อนสังคม มีภารกิจหลักคือสร้างการมีส่วนร่วม ส่งเสริมและเฝ้าระวังสื่อ รวมถึงยกระดับงานวิจัย มีงบประมาณเพียงปีละ 300 ล้านบาท จึงคาดหวังเห็นการยกระดับความร่วมมือของเครือข่าย โดยหยิบใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ มาสร้างความรู้ให้คนในชุมชนและสร้างข้อมูลข่าวสารที่ดีให้กับชุมชน

จากนั้น นางสาวจิตติ  วิสัยพรม เจ้าหน้าที่บริหารโครงการ ฝ่ายส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสร้างเครือข่าย กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้บรรยายพิเศษหัวข้อ “คิด เขียน ข้อเสนอโครงการฯ ขับเคลื่อนและพัฒนาเครือข่ายสื่อฯ ที่ยั่งยืน” โดยกล่าวว่า องค์ประกอบของการยื่นข้อเสนอ มีดังนี้ ชื่อโครงการต้องน่าสนใจ ผู้รับผิดชอบคือใคร  หลักการคืออะไร เหตุผลในการนำเสนอ วัตถุประสงค์และเป้าหมาย ต้องชัดเจนว่าเพื่ออะไร มีความเป็นไปได้อย่างไร ระยะเวลาในการทำงานคือ 1 ปี วิธีการดำเนินการ แผนการปฏิบัติงาน งบประมาณ  รวมถึงผลกระทบหรือประโยชน์ที่จะได้รับ โดยต้องสอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ ที่สำคัญสามารถวัดผลได้ โดยเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่  https://www.thaimediafund.or.th/

          ส่วนเวทีเสวนา “แลกเปลี่ยน เรียนรู้ ร่วมกันสร้างนิเวศสื่อปลอดภัยสู่สังคม” ได้รับเกียรติจากวิทยากรที่เป็นตัวแทนของภาคอีสาน ได้แก่ คุณศรีมาลาฌ์ ยะภักดี ผู้รับทุนโครงการนครเรืองแสง จากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ นำเสนอการท่องเที่ยวชุมชนผสมผสานกับประวัติศาสตร์ ผ่านคลิปวิดีโอสารคดีท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ 10 ตอน เผยแพร่ใน Facebook Page และ YouTube นครเรืองแสง จัดฉายตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น สถานพินิจและคุ้มครองเยาวชน จังหวัดนครพนม จัดเทศกาลท่องเที่ยว 3 วัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำโขง “ไทย-เวียดนาม-ลาว ในนครพนม” คาดหวังร่วมสร้างนิเวศชุมชนที่ดีขึ้น สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้สังคม สร้างความสุขให้ชุมชน

ขณะที่ ธีร์ – ธีรยุทธ์ วีระคำ ผู้กำกับสารคดีอิสระ ได้ถอดบทเรียนสำคัญตลอดระยะเวลา 3 ปี ในการทำ “พนมนครรามา” ให้เป็น Micro cinema หรือพื้นที่ฉายหนังอิสระที่นำไปสู่บทสนทนา โดยจัดฉายภาพยนตร์ทางเลือกและจัดวงเสวนาพูดคุยในประเด็นต่าง ๆ เช่น เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องครอบครัว พบว่าเป็นการเปิดพื้นที่ของเมืองมากกว่า ซึ่งเมืองต้องการพื้นที่แบบนี้ ภาพยนตร์เป็นเพียงเครื่องมือดึงคนมารวมกัน สร้างแรงบันดาลใจและเกิดการตั้งคำถามกับสังคม นำไปสู่บทสนทนาเพื่อแก้ปัญหานั้น โดยในวงสนทนาของพนมนครรามา ทุกคนเท่ากันหมด ไม่ว่าจะเรียนอยู่ ม.6 หรืออายุ 60 ปี ก็มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น มีเสียงเท่ากัน มีเวลาเท่ากัน

คุณอ้อมบุญ ทิพย์สุนา ประธานสมาคมเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน กล่าวว่า สมาคมทำงานวิจัยร่วมกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของลุ่มน้ำโขง มาร่วม 15 ปี พยายามย่อยข้อมูลวิชาการให้เป็นเรื่องง่าย เพื่อให้ชาวบ้านนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์และสื่อสารกับคนทั่วไป และสมาคมทำหน้าที่เป็นแหล่งข่าวในการกระจายข่าวสารที่ถูกต้อง ไม่บิดเบือนไปยังสื่อกระแสหลัก ดูแลทั้งหมด 7 จังหวัด แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เกาะติดจังหวัดเลยและหนองคายเป็นพิเศษ อีก 5 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ทั้งกรณีภัยพิบัติเรื่องน้ำท่วม และวิถีชีวิตของคนริมโขง คาดหวังให้คนรุ่นใหม่ในพื้นที่มาร่วมผลิตสื่อ

          ส่วนการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ มีการระดมความคิดและนำเสนอแผนงานภายใต้โครงสร้าง Problem-based Design” โดยตัวแทนจากภาคีเครือข่ายจากภาคอีสาน นำเสนอเรื่อง “รสโขงวัฒนธรรมกินได้” อาหารจากชุมชนลุ่มน้ำโขงทั้ง 7 จังหวัด ในรูปแบบของแผนที่อาหารแม่น้ำโขง เชฟชุมชน คลิปวิดีโอสูตรอาหารแม่น้ำโขง มหกรรมอาหารจากแม่น้ำโขง เชื่อมโยงกับสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์แม่น้ำโขง นอกจากนั้นก็ยังมีโครงการ “NOPOD หัวใจไร้ควัน” รณรงค์และสร้างการตระหนักรู้โทษและผลกระทบของ Pod หรือบุหรี่ไฟฟ้าขนาดเล็กที่กำลังนิยมในหมู่วัยรุ่น โครงการ “Online On ใจ วัยใสเข้าถึงสื่ออย่างปลอดภัย” และโครงการ “มหัศจรรย์หมาน้อย”การนำหมาน้อย สมุนไพรพื้นบ้านของสกลนครมาพัฒนาเพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัวผู้พิการออทิสติกในจังหวัด

ทั้งนี้ กิจกรรมเวที “สัมมนา 4 ภาค ขับเคลื่อนเครือข่ายสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ สู่ชุมชน สร้างสังคมเข้มแข็ง” ปีที่ 2 ครั้งที่ 4 จะจัดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 18-19 มกราคม 2568  ณ โรงแรมบรรจงบุรี จ.สุราษฎร์ธานี (ภาคใต้

กองทุนพัฒนาสื่อฯ มอบรางวัล “หนูได้ธรรม”  โชว์ผลงานเด็กไทยผลิตสื่อธรรมมะในชีวิตประจำวัน

วันที่ 14 ธันวาคม 2567  กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เปิดตัว Virtual Exhibition รวบรวมข้อมูลสารสนเทศด้านสื่อพระพุทธศาสนาไว้ในระบบออนไลน์  ในงานมหกรรมพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข ปีที่ 3 “สื่อ เตือน สติ”  โดยมี ดร.ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์  ผู้บริหารกองทุนพัฒนาสื่อฯ  ภาคีเครือข่าย และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้าร่วมงาน  ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

ภายในงานมีพิธีมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะการประกวดคลิปสั้นหนูได้ธรรม ในหัวข้อ “การให้ข้อคิดธรรมะในชีวิตประจำวัน” โดยกองทุนพัฒนาสื่อฯ เปิดพื้นที่ให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาจากทั่วประเทศ ส่งผลงานเข้าประกวด ได้รับเกียรติจาก ดร.ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้มอบรางวัลให้กับผู้ชนะการประกวด
โดยมีผู้ได้รางวัล ดังนี้

รางวัลชนะเลิศ 1 รางวัล ได้แก่

ผลงาน : Little great thing ผลงานจาก : ทีม Tortake House
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี วิทยาเขตบางขุนเทียน

 รางวัลรองชนะเลิศ 2 รางวัล ได้แก่

  1. ผลงาน : ในวันนี้ที่ไม่มี…  ผลงานจาก : นายพงศกร แซ่อึ้ง

วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา

  1. ผลงาน : จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว  ผลงานจาก : ทีมเปรี้ยวกว่าหัวน้ำส้ม ไก่ต้มน้ำปลา

มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา วิทยาเขตนครปฐม

รางวัลชมเชย 10 รางวัล ได้แก่

  1. ผลงาน : 5 หลักธรรม นำชีวิต ผลงานจาก : ทีมโรงเรียนชัยบาดาล T02
    โรงเรียนชัยบาดาลวิทยา จังหวัดลพบุรี
  1. ผลงาน : ผีตื่นธรรม  ผลงานจาก : ทีม SRL
    โรงเรียนเทศบาล 3 บ้านเหล่า จังหวัดอุดรธานี
  1. ผลงาน : ทัณฑ์บน ผลงานจาก : ทีม jodfilm
    โรงเรียนควนเนียงวิทยา จังหวัดสงขลา
  1. ผลงาน : ความสำเร็จของ ด.ญ.วารี  ผลงานจาก : ทีมรวมใจ
    โรงเรียนอนุบาลเมืองใหม่ชลบุรี
  1. ผลงาน : ผูกมิตรด้วยสังคหวัตถุ 4 ผลงานจาก : นายจิรเมธ น้อยเมือง
    มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสมุทรปราการ
  1. ผลงาน : Real or Fake สัจจะ 5 ประการ ผลงานจาก : ทีม Real or Fake
    โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช  จังหวัดนครศรีธรรมราช
  1. ผลงาน : AI ตื่นธรรม  ผลงานจาก : ทีม DEKWCS
    โรงเรียนวรนารีเฉลิม  จังหวัดสงขลา
  1. ผลงาน : คบคนพาลพาลพาไปหาผิด แล้วถ้าคบบัณฑิตชีวิตได้อะไร ?
    ผลงานจาก : ทีมโรงเรียนบ้านหนองบัว โรงเรียนบ้านหนองบัว จังหวัดชัยภูมิ
  1. ผลงาน : หลักธรรมประจำใจ สุ จิ ปุ ลิ หัวใจนักปราชญ์
    ผลงานจาก : ด.ช.ณฐชยนต์ ชยาวิวัฒน์กุล โรงเรียนวัดเขียนเขต จังหวัดปทุมธานี
  1. ผลงาน : สมาธิสู่ปัญญา ผลงานจาก : ทีมพุทธาทีม
    โรงเรียนพุทธชินราชพิทยา จังหวัดพิษณุโลก

ดร.ธนกร กล่าวว่า กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เล็งเห็นถึงความสามารถของเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษาในปัจจุบัน ที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตสื่อ กองทุนพัฒนาสื่อฯ จึงใช้พื้นที่ในงานมหกรรมพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข  ปีที่ 3 “สื่อ เตือน สติ”  จัดโครงการประกวดคลิปสั้น “หนูได้ธรรม” โดยนำเสนอประเด็นเรื่องใกล้ตัวธรรมะในชีวิตประจำวันมาเป็นหัวข้อในการประกวด ปีนี้ได้รับการตอบรับที่ดีมาก       มีเยาวชนส่งผลงานคลิปสั้นเข้าประกวดเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนถึงเท่าตัว  ซึ่งเป็นเรื่องที่ชื่นชมและภูมิใจที่เด็กไทยนำเวลามาสร้างสรรค์สื่อที่มีประโยชน์  กองทุนพัฒนาสื่อฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมและสนับสนุนการประกวดในครั้งนี้

 โดยกิจกรรมภายในงานมหกรรมพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข ปีที่ 3 “สื่อ เตือน สติ”  มีการจัดแสดงนิทรรศการแบบผสมผสาน กิจกรรมสุขาใจ โดยทีมอาสาธนาคารสติ เครือข่ายชีวิตสิกขา รับฟังการเสวนาสื่อสารธรรมจากวิทยากร พระสุธีวชิรปฏิภาณ (พระมหาวีรพล), คุณกิ๊ก มยุริญ ผ่องผุดพันธ์ และคุณแอน ศศวรรณ จิรายุส  สนทนาเพลงธรรมะพุทธประวัติ รำลึก “ครูเพลิน พรหมแดน”  โดย ดร. ธนกร ศรีสุขใส, คุณศิรินทรา นิยากร และคุณแพนเค้ก ดร.เขมนิจ จามิกรณ์   สามารถติดตามสื่อธรรมมะนิทรรศการออนไลน์ในรูปแบบ Virtual Exhibition มหกรรมพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข  ปี 3 “สื่อ เตือน สติ”  ได้ทาง  www.tmfbuddhistmedia.thaimediafund.or.th

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เดินหน้าจัดงานมหกรรมพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุขต่อเนื่องปีที่ 3 ภายใต้แนวคิด “สื่อเตือนสติ” 

วันที่ 13 ธค. 2567  ท่านพระครูวินัยธรจีรเดช จิรเตโช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม (ประธานพิธีฝ่ายสงฆ์) กล่าวสัมโมทนียกถา นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงวัฒนธรรม) (ประธานพิธีฝ่ายฆราวาส) กล่าวเปิดงาน โดยมี ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์  ประชาชนนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ  ร่วมพิธีเปิดงานมหกรรมพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข  ปี 3  “สื่อ เตือน สติ” ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร

นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม มีนโยบายในการส่งเสริมสร้างสรรค์ ผลักดันทุนทางวัฒนธรรมให้เป็นทุนทางเศรษฐกิจ เสริมสร้างระบบนิเวศและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจวัฒนธรรม พัฒนาพื้นที่ทางศิลปวัฒนธรรมและพื้นที่สร้างสรรค์ใหม่ ๆ เพื่อเสริมพลังสร้างสรรค์ให้คนเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจวัฒนธรรมและสังคม กระทรวงวัฒนธรรม มีความยินดีที่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เล็งเห็นถึงความสำคัญของศิลปวัฒนธรรมไทย และการส่งเสริมสถาบันพระพุทธศาสนา โดยเผยแพร่ข้อมูลในรูปแบบกิจกรรมสื่อผสมผสานอันเป็นประโยชน์แก่ประชาชนทั้งภายในและต่างประเทศ ให้เข้าถึงได้โดยง่าย ผ่านการจัดงานมหกรรมพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข ปีที่ 3 ในรูปแบบ On Ground Event  ซึ่งได้รับความกรุณาจาก วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ในการจัดงานมหกรรมพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข ปีที่ 3 ภายใต้แนวคิด “สื่อ เตือน สติ”  เผยแพร่สื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนาไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ที่เดินมายังวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร  ระหว่างวันที่ 13-14 ธันวาคม 2567

ดร.ธนกร ศรีสุขใส กล่าวว่า เพื่อให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์  จึงได้สร้างสรรค์กิจกรรมทั้งในรูปแบบ On Ground Event และ Online Event  สร้างพื้นที่ให้เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับสื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนา เผยแพร่ให้ประชาชนทั้งภายในและ ต่างประเทศเข้าถึงสื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนาได้โดยง่าย  โดยการจัดงานพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข  ปี 3   ปีนี้จัดภายใต้แนวคิด “สื่อ เตือน สติ” ซึ่งกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์  มุ่งเน้นที่จะให้ผู้ที่มาชมงานครั้งนี้  ได้รับสาระ ความรู้ หลักธรรม หลักคิด รวมถึงความสนุกสนานเบิกบานใจ ต้องการให้ทุกท่านมีสติในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยใช้หลักธรรมอิทธิบาท 4 และหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาการเจริญปัญญาโดยการคิดแบบโยนิโสมนสิการ มาประยุกต์เป็นให้เป็นหลักธรรมนำสุข 
โดยในวันที่ 13 ธันวาคม 2567 ได้มีการเปิดงานมหกรรมพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข  ปี 3  “สื่อ เตือน สติ”
ในรูปแบบ On Ground Event เพื่อให้ประชาชน ผู้สนใจ ได้เข้าชม

ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมนิทรรศการแบบผสมผสาน กิจกรรมสุขาใจ นำโดยครูโกโก้ กกกร ทีมอาสาธนาคารสติ เครือข่ายชีวิตสิกขา รับฟังการเสวนาธรรมจากวิทยากร รศ.สุเชาว์ พลอยชุม, คุณเพชรี พรหมช่วย,คุณฤดีมาส ปางพุฒิพงศ์   และการแสดงจากผู้รับทุนโครงการเมตะดนตรีไทย ระนาดไทยเมตะเวิร์ส  โดยงานมหกรรมพุทธธรรมนำสื่อสร้างสันติสุข  ปี 3  “สื่อ เตือน สติ”  จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 ธันวาคม 2567  ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น.   ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร 

และวันที่ 14 ธันวาคม 2567 จะเป็นการเปิดงานในรูปแบบ Online Event  ซึ่งประชาชนผู้สนใจ สามารถศึกษาธรรมในรูปแบบดิจิทัล ได้อย่างสะดวกผ่านระบบออนไลน์ทาง www.tmfbuddhistmedia.thaimediafund.or.th ซึ่งจะเผยแพร่ข้อมูลธรรมะอันเป็นประโยชน์แก่ประชาชนทั้งภายในและต่างประเทศ ให้เข้าถึงได้โดยง่าย โดยรวบรวมผลงานด้านพุทธศาสนามาแบ่งเป็น 5 หมวดหมู่ ได้แก่ อ่านธรรม ดูธรรม ฟังธรรม ท่องเที่ยวธรรม และ สนทนาธรรม

รับฟังและเข้าใจ

ในวันที่นัดสัมภาษณ์ คุณ “ณัฐโฆษิต ศรีธำรงวัชร์” หัวหน้าโครงการค้อน กรรไกร กระดาษ (ภาพยนตร์ขนาดกลาง เรื่องราวของคนหูหนวกถ่ายทอดผ่านลูกที่เป็นคนหูดี) วันนั้น คุณ ณัฐโฆษิต ไม่ได้เป็นผู้รับสายเอง แต่เป็นผู้ช่วยของคุณณัฐโฆษิต ซึ่งในครั้งนั้นผู้ช่วยก็อธิบายว่าคุณ ณัฐโฆษิต เป็นคนหูหนวกซึ่งต้องมีล่ามช่วยสื่อสาร ในวันสัมภาษณ์จริงผ่านวีดีคอล ล่ามที่เป็นทั้งผู้ใช้ภาษามือสื่อสารกับคุณณัฐโฆษิต และใช้ภาษาพูดเพื่อสื่อสารกับคนสัมภาษณ์ คุณณัฐโฆษิตเองพยายามอย่างมากที่จะเล่าถึงตัวภาพยนตร์ค้อน กรรไกร กระดาษ ที่ได้ดำเนินการสร้างไปแล้วภายใต้การสนับสนุนของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ล่ามที่เป็นผู้แปลภาษามือและภาษาพูดก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำหน้าที่เป็นคนกลางสื่อสารให้ตรงกับที่ทั้งสองฝ่ายต้องการ คนสัมภาษณ์เองก็ตั้งใจที่สุดที่จะรับฟังจับประเด็นและนำมาเขียนบอกเล่าเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้จากมุมมองของหัวหน้าโครงการเอง

สิ่งที่เกิดขึ้นข้างต้นเป็นประเด็นเดียวกันที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่อง “ค้อน กรรไกร กระดาษ” ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องถึงปัญหาหาความสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่เกิดขึ้นจากปัญหาการสื่อสารกันในครอบครัวที่คนเป็นพ่อเป็นคนหูหนวกแม่เป็นคนหูหนวก ซึ่งอยู่กับลูกสาวสองคน คนเล็กมีแนวโน้มที่จะหูหนวก และครอบครัวพึ่งสูญเสียคนเป็นแม่ไป และนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้คนเป็นพ่อมีภาวะซึมเศร้าเกิดขึ้น ภาวะซึมเศร้าที่เกิดขึ้นกับคนเป็นพ่อก็ไม่ง่ายที่จะบอกกับใครว่าตัวเองนั้นมีปัญหาทางใจเรื่องอะไร ไม่ง่ายที่จะปรับทุกข์กับใคร ไม่ง่ายเลยเมื่อความซึมเศร้านั้นเกิดขึ้นกับคนหูหนวก ในคนที่ไม่ใช่คนหูหนวกที่มีภาวะซึมเศร้าก็มีความยากลำบากไม่น้อยแล้วที่จะเอ่ยปากปรึกษาหรือหาคนมาเข้าใจ ในกลุ่มคนหูหนวกเมื่อมีภาวะซึมเศร้ายิ่งยากลำบากเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว เมื่อการสื่อสารการบอกความทุกข์ใจเป็นเรื่องที่ใช้พลังงานอย่างมากอยู่แล้ว และยิ่งอยู่ในภาวะซึมเศร้าที่ทำให้พลังงานในการใช้ชีวิตลดทอนลงไปอีกนั้น ความยากลำบากในการสื่อสารเล่าความทุกข์ในใจของพวกเขายิ่งลำบากขึ้นอีกเป็นทวีคูณ

คุณ ณัฐโฆษิต เล่าว่า คิดว่าประเด็นภาวะซึมเศร้าของคนหูหนวกนี้นับเป็นประเด็นสำคัญ เป็นประเด็นที่ถูกละเลย คนหูหนวกหลายคนที่พบนั้นมักมีภาวะซึมเศร้า และตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับภาพยนตร์เรื่องค้อน กรรไกร กระดาษ และนั้นนับเป็นที่มาให้เกิดโครงการค้อน กรรไกร กระดาษฯ เพื่อที่จะสะท้อนประเด็นดังกล่าวขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สังคม ครอบครัว หรือแม้ตัวคนหูหนวกเอง ควรให้ความสนใจใส่ใจและนำไปสู่การช่วยกันดูแลรักษาภาวะซึมเศร้าที่เกิดขึ้นต่อไปโดยผ่านรูปแบบของภาพยนตร์ ซึ่งคุณ “ณัฐโฆษิต ศรีธำรงวัชร์” เชื่อว่า ภาพยนตร์จะบอกเล่ารูปธรรมของปัญหาความซึมเศร้าในคนหูหนวกได้อย่างดีที่สุด และไม่ใช่แค่ประเด็นเรื่องความซึมเศร้าในคนหูหนวกเท่านั้น ภาพยนตร์ยังมีประเด็นของความยากลำบากในการสื่อสารระหว่างคนหูหนวกกับคนหูปกติในเรื่องยากๆของชีวิตให้ได้ตระหนักร่วมกันไปอีกด้วย เช่น คนที่เป็นคนหูดีที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ มักบอกเล่าถึงความประทับใจต่อเนื้อหาของภาพยนตร์ หลายคนเมื่อดูแล้วบอกเล่าว่า เป็นประเด็นเป็นเรื่องราวที่นึกไม่ถึงว่าจะมีอยู่ อย่างความซึมเศร้าที่เกิดกับคนหูหนวก หรือ ประเด็นพ่อแม่ที่หูหนวกทั้งสอง และมีลูกที่เป็นคนหูปกติ หรือที่เรียกกันว่า CODA (Child of Deaf Adults) และเสียงบอกเล่าเดียวกันของผู้ชมคนดูที่หูปกติที่เน้นว่า การสื่อสารกันและกันจึงสำคัญ และสำคัญกว่านั้นอีกคือการใส่ใจเข้าไปในการสื่อสารของผู้รับและผู้ส่งสารนั้นเอง
.
ติดตามรับชมภาพยนตร์ค้อน กรรไกร กระดาษ ได้ที่
https://youtu.be/SQCAe2PiOg0?si=pr0-7OVqCQoL8PnW

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นองค์ประธานการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิอารยศิลป์สิริวัณณวรีนารีรัตน์ ครั้งที่ 1/2567

(10 ธ.ค. 67) สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นองค์ประธานการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิอารยศิลป์สิริวัณณวรีนารีรัตน์ ครั้งที่ 1/2567

ณ ห้องประชุม 109 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

โดยมีระเบียบวาระต่าง ๆ อาทิ การพระราชทานทุนรางวัล โครงการทุนเรียนดีของมูลนิธิฯ สำหรับนิสิตนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา, การถวายทุนการศึกษาระดับดุษฎีบัณฑิตศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, รายงานการศึกษาและการสำเร็จการศึกษาของผู้รับพระราชทานทุนระดับปริญญาเอก, การให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านภัณฑารักษ์ ในต่างประเทศ, กิจกรรม Imaginasia สนับสนุนทุนสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านศิลปะของนักศึกษามหาวิทยาลัยในภูมิภาคเอเชีย, แผนการดำเนินงานของมูลนิธิฯ ประจำปี 2568

ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ดร.ชำนาญ งามมณีอุดม รองผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยสร้างสรรค์ ทูลเกล้าฯ ถวายสื่อสำหรับใช้ในการเผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิอารยศิลป์ สิริวัณณวรีนารีรัตน์

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา มีพระประสงค์ที่จะส่งเสริม สนับสนุนศิลปะและบุคลากรที่มีทักษะด้านศิลปะแขนงต่าง ๆ เพื่อให้มีการพัฒนาและเผยแพร่ผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ อันจะนำมาซึ่งประโยชน์ต่อประเทศชาติในเชิงศิลปกรรม จึงมีพระดำริให้จัดตั้งมูลนิธิอารยศิลป์ สิริวัณณวรีนารีรัตน์ขึ้น โดยทรงดำรงตำแหน่งเป็นประธานมูลนิธิฯ และพระราชทานเงินเป็นทุนเริ่มแรก ที่ผ่านมา ได้สนับสนุนทุนการศึกษาและให้ทุนการวิจัย สร้างองค์ความรู้แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา ครู อาจารย์ และบุคลากร ที่มีความสามารถทางด้านศิลปะ รวมทั้ง จัดหาอุปกรณ์ เครื่องมือ เกี่ยวกับศิลปะประเภทต่าง ๆ ส่งเสริม พัฒนา สร้างสรรค์ ผลิตผลงาน รวบรวม นำเสนอและเผยแพร่ผลงานด้านศิลปะเพื่อเป็นเครื่องมือให้เกิดสาธารณประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ

สามารถรับชมสื่อผลงานได้ที่ : มูลนิธิอารยศิลป์สิริวัณณวรีนารีรัตน์