รายงานฉบับย่อ การศึกษารายการข่าวค่ำทีวีดิจิทัล 9 ช่องกับทิศทางของการกำหนดวาระข่าวสารและการประเมินคุณภาพข่าว

ข่าวโทรทัศน์กำลังเผชิญความท้าทายระหว่างการรักษาคุณค่าทางวารสารศาสตร์และแรงกดดันด้านเรตติ้ง รายการข่าวหลายรายการเน้นเนื้อหาที่เร้าอารมณ์และข่าวอาชญากรรมเพื่อดึงดูดผู้ชม ขณะที่ข่าวเชิงลึกกลับได้รับความสนใจน้อยลง สะท้อนถึงความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์สาธารณะและกลยุทธ์ทางธุรกิจ การศึกษานี้วิเคราะห์แนวทางการกำหนดวาระข่าว (Agenda Setting) ของรายการข่าวค่ำจาก 9 ช่องทีวีดิจิทัล โดยมุ่งเน้นการจัดลำดับความสำคัญของข่าว การกระจายสัดส่วนเนื้อหา (Content Proportion) และรูปแบบการนำเสนอ ตลอดจนประเมินคุณภาพข่าวผ่านปัจจัยสำคัญ เช่น ความถูกต้อง ความเกี่ยวข้อง ความหลากหลายของแหล่งข่าว และการปฏิบัติตามจริยธรรม เพื่อทำความเข้าใจทิศทางของข่าวโทรทัศน์ในยุคสื่อดิจิทัล
การศึกษานี้ใช้ การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) เพื่อวิเคราะห์แนวทางการนำเสนอข่าวภาคค่ำของ 9 ช่องทีวีดิจิทัล รายการข่าวที่ศึกษาได้รับการคัดเลือกผ่าน การสุ่มแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) โดยพิจารณาจากปัจจัยสำคัญ ได้แก่
✅ การเป็นรายการข่าวหลักที่ออกอากาศช่วงไพรม์ไทม์ (Prime Time)
✅ มีเรตติ้งสูงและมีอิทธิพลต่อกระแสข่าวในสังคม
✅ มีรูปแบบการดำเนินงานที่หลากหลาย เช่น ข่าววิเคราะห์ ข่าวเร้าอารมณ์ ข่าวเฉพาะเหตุการณ์ และข่าวเชิงโครงสร้าง
✅ เป็นช่องที่ครอบคลุมประเภทการให้บริการข่าว ทั้งในกลุ่ม บริการทางธุรกิจ หมวดหมู่ทั่วไปแบบความคมชัดสูง บริการทางธุรกิจ หมวดหมู่ทั่วไปแบบความคมชัดปกติ บริการสาธารณะประเภทที่ 1 และบริการทางธุรกิจ หมวดหมู่ข่าวสารและสาระ ได้แก่
บริการทางธุรกิจ หมวดหมู่ทั่วไปแบบความคมชัดสูง |
ช่อง 3 เรื่องเด่นเย็นนี้ |
ช่อง 7 ข่าวภาคค่ำ |
|
ช่องไทยรัฐทีวี ไทยรัฐนิวส์โชว์ |
|
ช่อง PPTV HD36 เข้มข่าวค่ำ |
|
ช่องอัมรินทร์ทีวี ทุบโต๊ะข่าว |
|
บริการทางธุรกิจ หมวดหมู่ทั่วไปแบบความคมชัดปกติ |
ข่าวค่ำ Nightly News ช่อง MONO |
ลุยชนข่าว: ช่อง 8 |
|
บริการสาธารณะประเภทที่ 1 |
ช่องไทยพีบีเอส ข่าวค่ำไทยพีบีเอส |
บริการทางธุรกิจ หมวดหมู่ข่าวสารและสาระ |
ช่อง TNN16: ข่าวค่ำ |
เก็บข้อมูล
- วิเคราะห์ข่าวจาก 9 ช่องทีวีดิจิทัล
- บันทึกเทปรายการข่าวสดจากโทรทัศน์ระหว่างวันที่ 13–19 มกราคม 2568 สุ่มเลือกวันเก็บข้อมูล 3 วัน (15, 17, 19 มกราคม 2568) ให้ครอบคลุมทั้งวันธรรมดาและวันหยุด ศึกษา ข่าวข้ามสื่อ (Cross-Media Analysis) โดยเก็บข้อมูลจาก YouTube, Facebook และ TikTok ของแต่ละช่อง รวมหน่วยการศึกษาทั้งหมด 994 ชิ้นข่าว
เป้าหมายของการศึกษา คือ การทำความเข้าใจ แนวทางการกำหนดวาระข่าว (Agenda Setting) การกระจายสัดส่วนเนื้อหา (Content Proportion) และ คุณลักษณะด้านคุณภาพข่าว (Quality Indicators) ของรายการข่าวค่ำ เพื่อนำเสนอแนวโน้มของวารสารศาสตร์โทรทัศน์ไทยในยุคสื่อดิจิทัล
จากการศึกษารายการข่าวค่ำของ 9 ช่องทีวีดิจิทัล ซึ่งครอบคลุมหน่วยการศึกษา 994 ข่าว เก็บข้อมูลจากการออกอากาศ 3 วัน (15, 17, 19 มกราคม 2568) และการสัมภาษณ์ตัวแทนสื่อที่ศึกษา พบว่าการกำหนดวาระข่าวสารไม่ได้ขึ้นอยู่กับบรรณาธิการข่าวเพียงอย่างเดียว แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการเลือกและจัดลำดับความสำคัญของข่าว
หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ เรตติ้งและตัวชี้วัดผู้ชม ยอดรับชมและ Engagement มีผลโดยตรงต่อการคัดเลือกประเด็นข่าว เนื่องจากรายการข่าวต้องแข่งขันเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชมให้มากที่สุด อีกทั้งพฤติกรรมของผู้ชมที่เลือกดูข่าวตามความสนใจของตนเอง ส่งผลให้กองบรรณาธิการต้องพิจารณาว่าข่าวแบบใด “ที่คนสนใจ” และข่าวแบบใด “ที่ควรรู้”
นอกจากนี้ การแข่งขันในตลาดข่าวก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้รายการข่าวต้องปรับกลยุทธ์เพื่อให้โดดเด่นกว่าคู่แข่ง โดยมีการวิเคราะห์พฤติกรรมของรายการข่าวอื่น ๆ และนำไปปรับใช้เพื่อสร้างความแตกต่าง เช่น การนำเสนอข่าวเชิงลึก หรือการใช้เทคนิคดึงดูดความสนใจมากขึ้น
ในแง่ของรายได้ โฆษณายังคงเป็นแหล่งรายได้หลักของสถานีโทรทัศน์ ซึ่งผู้ลงโฆษณามักเลือกสนับสนุนรายการที่มีเรตติ้งสูงมากกว่าคุณภาพข่าวที่นำเสนอ ทำให้รายการข่าวต้องเผชิญกับแรงกดดันในการรักษาสมดุลระหว่างการผลิตข่าวที่มีคุณค่าและการดึงดูดผู้ชมให้มากพอเพื่อคงความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ
Key takeaway สำคัญจากการศึกษานี้คือ ข่าวที่มีคุณค่า คือข่าวที่ตอบโจทย์ผู้ชมกลุ่มเป้าหมายได้ แต่ความหมายของ “คุณค่า” นั้นแตกต่างกันไปตามกลุ่มผู้ชม และสิ่งที่ถูกนำเสนอในรายการข่าวก็สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ของแต่ละช่องในการกำหนดวาระข่าวสารในบริบทของสื่อยุคดิจิทัล

จากการศึกษาพบว่า รายการข่าวค่ำของทีวีดิจิทัล 9 ช่องในการศึกษามีแนวทางการจัดรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามจุดเด่นของแต่ละช่อง โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้
- กลุ่มรายการข่าวที่เน้นสถานการณ์ปัจจุบันและประเด็นที่กระตุ้นความสนใจของสังคม ได้แก่ ทุบโต๊ะข่าว (อัมรินทร์ทีวี), ไทยรัฐนิวส์โชว์, และลุยชนข่าว (ช่อง 8) รายการเหล่านี้มีจุดเด่นคือการนำเสนอข่าวอาชญากรรมและข่าวที่กระตุ้นอารมณ์ผู้ชม โดยใช้กรอบข่าวที่เน้นความขัดแย้ง (Conflict Frame), ความรู้สึกของบุคคล (Human Interest Frame) และกรอบศีลธรรม/จริยธรรม (Morality Frame) อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้ทำให้รายการเหล่านี้มีแนวโน้มเน้นดราม่ามากกว่าการวิเคราะห์เชิงลึก บางครั้งอาจเสี่ยงต่อการละเมิดจริยธรรมข่าว
- กลุ่มรายการที่มีเรตติ้งสูงและแข่งขันด้วยการนำเสนอข่าวสถานการณ์ อาชญากรรม และ ข่าวที่ใกล้ตัว เหตุการณ์ในสังคมที่ดึงดูความสนใจของคนดูได้ ได้แก่ รายการทุบโต๊ะข่าว อัมรินทร์ทีวี รายการลุยชนข่าว ช่อง 8 รายการไทยรัฐ นิวส์โชว์ และรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง 3 รายการเหล่านี้มีจุดเด่นคือการนำเสนอข่าวอาชญากรรมและข่าวที่กระตุ้นอารมณ์ผู้ชม โดยใช้กรอบข่าวที่เน้นความขัดแย้ง (Conflict Frame), ความรู้สึกของบุคคล (Human Interest Frame) และกรอบศีลธรรม/จริยธรรม (Morality Frame) ในการนำเสนอข่าวมีลักษณะของการพยายามสืบสวนหาข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ แนวทางของการทำข่าวอาชญากรรมมีการใช้วงจรปิด การสืบหาข้อมูล พยานเหตุการณ์ และ การทดสอบจำลองเหตุการณ์เพื่อพิสูจน์สมมติฐาน หรือข้อสงสัย บางเรื่องมีการขยายประเด็นเพื่อให้เห็นลักษณะของอาชญากรรมโดยละเอียดจากหลายมุม ซึ่งผู้ผลิตข่าวมองว่า เป็นการช่วยทำให้สังคมเห็นรูปแบบของความผิดปกตินี้ บางข่าวที่สื่อสืบเสาะหาข้อมูลเพิ่ม ทำให้คนที่มีอำนาจสนใจและมาแก้ปัญหา หรือช่วยเหลือชาวบ้าน บางเรื่องก็เป็นส่วนในการคลี่คลายอาชญากรรมเหล่านั้น
ลักษณะการนำเสนอข่าวอาชญากรรม
ข่าวอาชญากรรมมักใช้ การเล่าเรื่องแบบเร้าอารมณ์ โดยเน้นประเด็นที่กระตุ้นความสนใจของสังคม เช่น คดีสะเทือนขวัญ ข่าวดราม่า หรือเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่ออารมณ์ผู้ชม การใช้ ภาพซ้ำ คลิปเหตุการณ์จริง และ การตัดต่อที่กระตุ้นความรู้สึก ทำให้ข่าวเหล่านี้ได้รับความสนใจสูง แต่ก็มักถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง การละเมิดจริยธรรม โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียหาย
การใช้เทคนิค “ข่าวกึ่งสืบสวน” (Semi-Investigative Journalism) แม้บางรายการข่าวพยายามใช้แนวทางสืบสวน เช่น การใช้ภาพจากกล้องวงจรปิด – เพื่อสร้างหลักฐานและความน่าเชื่อถือ การสัมภาษณ์พยานและผู้เกี่ยวข้อง – ตำรวจ ทนาย ครอบครัวผู้เสียหาย หรือประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์ การจำลองสถานการณ์ – เพื่อหาข้อสันนิษฐานหรือเติมเต็มช่องว่างของข้อมูล แต่โดยส่วนใหญ่ ขาดการสืบสวนเชิงลึกที่ตรวจสอบหลายแหล่งข้อมูล หรือวิเคราะห์เชิงโครงสร้างของปัญหา เช่น การขุดคุ้ยเครือข่ายอาชญากรรม หรือการตรวจสอบเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม การรายงานมักพึ่งพา คำให้การและข้อมูลจากแหล่งเดียว ซึ่งอาจมีความคลาดเคลื่อน
ข้อดีของเทคนิค “ข่าวกึ่งสืบสวน” ดึงดูดความสนใจของผู้ชม และช่วยให้ข่าวเข้าถึงง่าย ทำให้บางคดีได้รับความสนใจจากสาธารณะ และนำไปสู่การคลี่คลายปัญหา เปิดโอกาสให้สังคม
ข้อควรระวัง การใช้ภาพซ้ำและเน้นดราม่า อาจลดทอนความเป็นกลางของข่าว อาจละเมิดสิทธิ์ของผู้เสียหาย หรือพาดพิงบุคคลที่ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน การขาดการตรวจสอบข้อมูลหลายแหล่ง อาจนำไปสู่ความคลาดเคลื่อนและสร้างความเข้าใจผิดในสังคม
แนวทางพัฒนา เพิ่มการตรวจสอบแหล่งข่าวจากหลายมิติ ใช้ผู้เชี่ยวชาญช่วยอธิบายเพื่อเสริมความน่าเชื่อถือ ลดการใช้กรอบข่าวที่เน้นอารมณ์มากเกินไป คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้เสียหายและแหล่งข่าว
- กลุ่มที่ให้ความสำคัญกับข่าวเชิงโครงสร้างและการวิเคราะห์ ได้แก่ เข้มข่าวค่ำ (PPTV) ข่าวค่ำ ThaiPBS และข่าวค่ำ TNN16 รายการเหล่านี้มุ่งเน้นการอธิบายเชิงลึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ โดยใช้กรอบอธิบายเชิงโครงสร้าง (Thematic Frame) มาประกอบกับกรอบการรายงานเฉพาะเหตุการณ์ เพื่อมีการขยายข้อมูลให้บริบทของข่าว อย่างไรก็ตาม บางรายการยังขาดการสืบสวนข่าวในเชิงลึก (Investigative Journalism) หรือการนำเสนอทางออกของปัญหา (Solution Journalism) ประเภทข่าวในรายการกลุ่มนี้จะมีความหลากหลาย และมีสัดส่วนแตกต่างตามประเด็นข่าวสำคัญในแต่ละวัน
ความต้องการของผู้ชมเฉพาะกลุ่มที่เป็นฐานคนดูหลัก ทั้งสามช่องมีการวิเคราะห์ความต้องการของผู้ชมและพยายามสร้างเนื้อหาข่าวที่ตอบสนองความสนใจของกลุ่มเป้าหมายของตนเอง โดย ThaiPBS เน้นผู้ชมที่ต้องการข่าวสารที่สามารถอธิบายความเชื่อมโยงระหว่างสถานการณ์ข่าวกับโครงสร้างสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง จึงใช้กรอบการนำเสนอข่าวเชิงโครงสร้าง (Thematic Frame) ที่ให้ความรู้ความเข้าใจในระยะยาว ส่วน TNN ให้ความสำคัญกับผู้ชมที่สนใจข่าวต่างประเทศและข่าวเศรษฐกิจเป็นพิเศษ รายการข่าวของ TNN จึงมักเจาะลึกประเด็นด้านการลงทุน การเปลี่ยนแปลงในตลาดโลก และผลกระทบที่อาจเกิดกับประเทศไทย โดยยังต้องคำนึงถึงเรตติ้งและความนิยมของผู้ชมเพื่อตอบสนองเป้าหมายทางธุรกิจขององค์กร PPTV มีแนวทางการรายงานข่าวที่พยายามสร้างความแตกต่างจากช่องอื่น ด้วยการเจาะลึกข่าวเชิงการเมือง เศรษฐกิจ และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสังคมไทยในเชิงระบบ การใช้ประเด็นที่ดึงดูดความสนใจ แม้ว่าทั้งสามช่องจะเน้นการรายงานข่าวที่มีสาระสำคัญต่อสังคม แต่ก็ยังจำเป็นต้องใช้ข่าวที่มีองค์ประกอบของ Human Interest เพื่อสร้างความสนใจและความรู้สึกร่วมของผู้ชม ข่าวที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในเหตุการณ์ การรายงานผลกระทบที่เกิดกับประชาชน หรือข่าวที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของสังคม ถูกใช้เพื่อดึงความสนใจของผู้ชมเข้าสู่ข่าวสารที่มีเนื้อหาเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อนกว่า
ทั้งสามช่องมีแนวทางการนำเสนอข่าวที่เน้นไปยังประเด็นที่ส่งผลต่อสังคมเป็นหลัก โดยเฉพาะข่าวการเมือง เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ข่าวการเมืองมักถูกจัดวางในตำแหน่งเปิดรายการ และเป็นหมวดข่าวที่มีสัดส่วนมากที่สุดในแต่ละวัน แสดงให้เห็นถึงแนวทางการให้ความสำคัญกับนโยบายรัฐ การบริหารประเทศ และผลกระทบต่อประชาชน อย่างไรก็ตาม TNN16 มีความโดดเด่นด้านการนำเสนอข่าวต่างประเทศและข่าวเศรษฐกิจ ซึ่งมักถูกจัดอยู่ในช่วงต้นของรายการ โดยเน้นไปที่ประเด็นที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก การเปลี่ยนแปลงด้านการลงทุน และนโยบายระหว่างประเทศ ในขณะที่ ThaiPBS มีความโดดเด่นด้านการนำเสนอข่าวที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางสังคม สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน ในขณะที่ PPTV ให้ความสำคัญกับข่าวการเมืองและข่าวที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย
ทั้งสามช่องเน้น การรายงานข้อเท็จจริง (Inform) เป็นหลัก โดยให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และมีการขยายบริบทที่ลึกขึ้นในบางประเด็นโดยใช้วารสารศาสตร์เชิงอธิบาย (Explanatory Journalism) ThaiPBS – นอกจากรายงานข้อเท็จจริง ยังเน้น ขยายความเชิงนโยบายและประเด็นสังคม เช่น นโยบายรัฐ ประเด็นความเหลื่อมล้ำ และผลกระทบทางสังคม มีแนวโน้มเพิ่ม Solution Journalism ที่มุ่งเสนอแนวทางแก้ปัญหาสังคม PPTV – เน้นรายงานสถานการณ์พร้อมให้ บริบทเชิงลึกเชื่อมให้เห็นความสัมพันธ์แต่ละส่วนที่เกี่ยวข้องกันในเหตุการณ์ ในข่าวสำคัญ เช่น เศรษฐกิจ การเมือง และนโยบายรัฐ เพื่อช่วยให้ผู้ชมเข้าใจผลกระทบของเหตุการณ์ TNN16 – โดดเด่นในการอธิบายข่าว เศรษฐกิจและนโยบาย โดยขยายความเชื่อมโยงเศรษฐกิจกับการใช้ชีวิตของผู้คน การให้ความรู้ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
คุณภาพข่าว รายการข่าวของ ThaiPBS, PPTV และ TNN16 มีความร่วมกันในด้านการรักษาคุณภาพข่าวตามมาตรฐานวารสารศาสตร์ โดยมีการใช้แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถืออย่างเคร่งครัด ทุกข่าวที่นำเสนอมีแหล่งอ้างอิงที่ชัดเจนและตรวจสอบได้ ปกป้องสิทธิ ระวังเรื่องการละเมิดสิทธิและเลี่ยงการนำเสนอที่ใช้ความรุนแรง อย่างไรก็ตามหากสามารถเพิ่มสัดส่วนข่าวเชิงอธิบาย และมีพื้นที่สำหรับข่าวเชิงสืบสวนและข่าวหาทางออก ในการขยายประเด็นสำคัญ ๆ ก็จะยกระดับคุณภาพไปได้อีก
- กลุ่มรายการที่รายงานข่าวกระชับและสั้น ได้แก่ ข่าวค่ำ ช่อง 7 และ MONO รายการเหล่านี้ให้ข้อมูลข่าวสารแบบตรงไปตรงมา (Inform) โดยไม่มีการวิเคราะห์เชิงลึกหรือการเชื่อมโยงประเด็นข่าวเข้ากับโครงสร้างสังคม ข้อดีของแนวทางนี้คือข่าวมีความเป็นกลางและกระชับ แต่ข้อเสียคือผู้ชมอาจไม่ได้รับข้อมูลที่ครอบคลุมและลึกซึ้งพอในการเข้าใจปัญหาในภาพรวมเพราะพื้นที่เวลาของรายการข่าวจำกัด
รายการข่าวภาคค่ำของช่อง 7 และ MONO มีลักษณะเด่นคือการรายงานสถานการณ์ปัจจุบันด้วยข่าวสั้น กระชับ และมีเวลานำเสนอจำกัด โดยเน้นการคัดเลือกข่าวที่อยู่ในกระแสสังคม (Trending News) และเหตุการณ์สำคัญที่ได้รับความสนใจจากผู้ชม เช่น ข่าวอาชญากรรม ข่าวการเมือง และข่าวที่ส่งผลกระทบต่อสังคม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายในการดึงดูดผู้ชมภายในระยะเวลาสั้น ๆ
แนวทางการกำหนดวาระข่าว (Agenda Setting) ของทั้งสองรายการให้ความสำคัญกับการตอบสนองต่อความสนใจของสังคมมากกว่าการสร้างวาระข่าวใหม่ โดยเปิดรายการด้วยข่าวเด่นที่อยู่ในกระแสและปิดรายการด้วยข่าวที่เบากว่า เช่น ข่าวบันเทิงหรือข่าวที่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด กรอบการนำเสนอข่าว (News Framing) ใช้กรอบข่าวเฉพาะเหตุการณ์ (Episodic Frame) เป็นหลัก เน้นการรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยตรง โดยไม่ได้ขยายความไปถึงสาเหตุเชิงโครงสร้างหรือผลกระทบในระยะยาว นอกจากนี้ กรอบเรื่องมนุษย์ (Human Interest Frame) ก็ถูกใช้บ่อย เพื่อดึงอารมณ์ของผู้ชมผ่านเรื่องราวของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์
ในแง่ของแนวทางการนำเสนอข่าว ทั้งสองรายการเน้นการรายงานข้อเท็จจริง (Inform) เป็นหลัก โดยหลีกเลี่ยงการใส่ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้ประกาศข่าว ใช้ภาพและวิดีโอที่สำนักข่าวถ่ายเองเป็นองค์ประกอบหลัก ควบคู่กับการสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมความสมจริงของข่าว
คุณภาพข่าวค่ำ
การประเมินคุณภาพข่าวใช้ตัวชี้วัดหลักสองกลุ่ม ได้แก่ ตัวชี้วัดที่สามารถประเมินได้ในทุกข่าว และ ตัวชี้วัดที่ขึ้นอยู่กับลักษณะของข่าวที่นำเสนอ
ตัวชี้วัดคุณภาพข่าวที่ใช้ได้กับทุกข่าว ครอบคลุม แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ซึ่งหมายถึงการระบุแหล่งที่มาของข้อมูลอย่างชัดเจนจากหน่วยงานรัฐ องค์กรที่เกี่ยวข้อง หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับข่าว นอกจากนี้ ยังเน้นให้ ผู้ประกาศข่าวหรือผู้สื่อข่าวไม่นำเสนอความเห็นส่วนตัว เพื่อป้องกันอคติและการชี้นำความคิดเห็นของผู้ชม อีกทั้ง การรายงานต้อง ไม่มีการเสียดสีหรือใช้ภาษาที่สร้างความแตกแยก เพื่อรักษาความเป็นกลาง และสุดท้าย ข่าวต้องมี ความชัดเจนของเนื้อหา รายงานข้อมูลที่ครบถ้วน เข้าใจง่าย และไม่ทำให้ผู้ชมเกิดความสับสน
ขณะที่ ตัวชี้วัดคุณภาพที่ขึ้นอยู่กับลักษณะของข่าว จะประเมินตามบริบทของเนื้อหา โดยข่าวที่มีความขัดแย้งหรือข้อถกเถียง ควรนำเสนอ มุมมองที่หลากหลาย และให้ความสำคัญกับ ความสมดุลของข้อมูลทั้งสองฝ่าย เพื่อลดอคติในการนำเสนอ นอกจากนี้ ข่าวควร เคารพและปกป้องสิทธิของผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงการเปิดเผยตัวตนของผู้เสียหายหรือพยานในข่าวอ่อนไหว เช่น ข่าวอาชญากรรม ข่าวความรุนแรงในครอบครัว หรือข่าวที่เกี่ยวข้องกับเด็ก อีกประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญคือ การหลีกเลี่ยงภาพเหตุการณ์รุนแรงที่ไม่จำเป็น และ การนำเสนอข่าวโดยไม่กระตุ้นอารมณ์เกลียดชัง ซึ่งอาจสร้างความแตกแยกในสังคมหรือปลุกปั่นให้เกิดอคติในกลุ่มผู้ชม
แนวทางการประเมินคุณภาพข่าวนี้ ไม่ได้เป็นการระบุว่าข่าวใด รายการหรือช่องใดมีคุณภาพมากกว่ากัน แต่เป็นการประเมินเพื่อสะท้อนบทบาทหน้าที่ที่สำนักข่าวทำได้ดี และ กระตุ้นการช่วยกันคิดว่าจะพัฒนาต่อไปได้อีกอย่างไรบ้าง

ผลการศึกษาพบว่ารายการข่าวโทรทัศน์ในไทยยังคงรักษาคุณภาพในบางด้านได้ดี โดยเฉพาะในแง่ของ แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ซึ่งหมายถึงการอ้างอิงข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือแหล่งข่าวที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว นอกจากนี้ รายการข่าวยังให้ความสำคัญกับ ประเด็นที่สังคมสนใจ โดยเลือกนำเสนอข่าวที่มีผลกระทบต่อผู้ชมและได้รับความสนใจจากสาธารณะ อีกทั้งการนำเสนอข่าวยังคงมีลักษณะ กระชับ ตรงไปตรงมา และเข้าใจง่าย ช่วยให้ผู้ชมสามารถรับข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ในบางรายการมีความพยายาม ขยายมุมมองของเหตุการณ์ ผ่านการให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรืออธิบายบริบทที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยให้ผู้ชมเข้าใจประเด็นได้ลึกขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีข้อกังวลเกี่ยวกับคุณภาพข่าวในบางด้าน เช่น การกระตุ้นอารมณ์มากกว่าการวิเคราะห์เชิงลึก รายการข่าวบางประเภทเน้นการเร้าอารมณ์ของผู้ชมแทนที่จะให้ข้อมูลเชิงวิเคราะห์ที่ช่วยทำความเข้าใจปัญหาในระดับโครงสร้าง นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยง ต่อการละเมิดจริยธรรมวารสารศาสตร์ เช่น การใช้ภาพซ้ำ การนำเสนอเหตุการณ์รุนแรง หรือขาดมาตรการปกป้องแหล่งข่าวที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรง อีกหนึ่งข้อสังเกตสำคัญคือ แนวโน้มของข่าวที่กลายเป็นเพียง “ดราม่ารายวัน“ เนื่องจากรายการข่าวบางช่องมุ่งเน้นการรายงานเหตุการณ์เฉพาะหน้า โดยไม่ขยายความถึงสาเหตุของปัญหาหรือแนวทางแก้ไข ซึ่งอาจทำให้ข่าวขาดมิติที่ลึกซึ้งและส่งผลต่อความเข้าใจของผู้ชมในระยะยาว
ตารางสรุปคุณภาพข่าวของรายการข่าวค่ำแต่ละกลุ่ม
กลุ่มรายการข่าว | จุดแข็งด้านคุณภาพต่อคุณภาพข่าว | ประเด็นที่เสี่ยงต่อคุณภาพข่าว | ข้อเสนอต่อการพัฒนา |
กลุ่ม 1: กลุ่มรายการที่ให้ความสำคัญกับข่าวเชิงโครงสร้าง & การวิเคราะห์ |
มาตรฐานวารสารศาสตร์สูง · ใช้แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น หน่วยงานรัฐ ผู้เชี่ยวชาญ และแหล่งข่าวที่ผ่านการตรวจสอบ · หลีกเลี่ยงอคติและการแสดงความเห็นส่วนตัวของผู้ประกาศ · นำเสนอข่าวอย่างเป็นกลาง ไม่ชี้นำ ไม่ปั่นกระแส · การให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน · เนื้อหาข่าวเชิงโครงสร้าง & วิเคราะห์ |
· ข่าวบางประเภท เช่น ข่าวสืบสวนหรือข่าวเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหาสังคม อาจยังขาดการขยายประเด็นที่ช่วยให้เห็นภาพรวมของปัญหา | เพิ่มข่าวเชิงทางออก (Solution Journalism) วิเคราะห์ปัญหาเชิงลึกแล้วต่อยอดไปสู่แนวทางการแก้ปัญหา เช่น ผลกระทบของนโยบายรัฐต่อประชาชน หรือการขับเคลื่อนสังคมจากประเด็นข่าว |
กลุ่ม 2: เน้นสถานการณ์ปัจจุบัน & กระตุ้นความสนใจของสังคม |
· ใช้แหล่งข้อมูลจากตำรวจ หน่วยงานรัฐ และบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรง ทำให้ข่าวมีความน่าเชื่อถือ · มีการเบลอใบหน้าและปกป้องสิทธิของผู้เสียหายในข่าวอาชญากรรม · รายงานข่าวกระชับ เข้าใจง่าย สื่อสารได้ตรงไปตรงมา · มีความพยายามสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมในบางกรณี ซึ่งช่วยให้ข่าวมีรายละเอียดที่ลึกขึ้นและทำให้บางเหตุการณ์ได้รับความสนใจจากผู้มีอำนาจ |
· บางครั้งแหล่งข่าวมาจากความคิดเห็นของบุคคลทั่วไป ซึ่งอาจไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ · มีการใช้ ภาพซ้ำ คลิปเหตุการณ์รุนแรง และภาษาที่เร้าอารมณ์ เพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้ชม ซึ่งอาจขาดความสมดุลทางจริยธรรม · ขาดมุมมองที่หลากหลาย ส่วนใหญ่เน้นรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบเฉพาะหน้า (Episodic Frame) มากกว่าการวิเคราะห์เชิงลึกถึงสาเหตุหรือผลกระทบระยะยาว · ข้อสันนิษฐานในบางกรณี ขาดการตรวจสอบที่รอบคอบ ทำให้ข่าวบางเรื่องยังขาดความน่าเชื่อถือ และอาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิของบุคคลที่เกี่ยวข้อง · ข่าวที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสังคม เช่น อาชญากรรม หรือเศรษฐกิจ ไม่มีการวิเคราะห์เชิงโครงสร้าง หรือแนวทางแก้ไขปัญหา ทำให้ข่าวมุ่งเน้นเพียงระดับ “เหตุการณ์” เท่านั้น |
· ควรลดการใช้ภาษาที่กระตุ้นอารมณ์และภาพเหตุการณ์รุนแรง เพื่อรักษามาตรฐานจริยธรรมข่าว · เพิ่มการขยายมุมมองและการวิเคราะห์ เพื่อให้ข่าวเชื่อมโยงถึงต้นตอของปัญหา ไม่ใช่แค่การรายงานเหตุการณ์ · หากมีการสืบสวนเพิ่มเติม ควรใช้หลักฐานที่ผ่านการตรวจสอบอย่างรอบด้าน เพื่อขยับไปสู่การทำข่าวสืบสวนที่แท้จริง |
กลุ่ม 3: รายงานข่าวกระชับ & สั้น |
· นำเสนอข่าวแบบกระชับ ตรงไปตรงมา · ไม่ใส่ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้ประกาศ เน้นข้อเท็จจริง · คัดเลือกประเด็นที่เป็นข่าวสำคัญของวัน ให้ผู้ชมได้รับข้อมูลสั้น ๆ แต่ครบถ้วน · ให้ข้อมูลที่เป็นกลาง & ไม่มีการปั่นกระแสข่าว · เหมาะสำหรับผู้ชมที่ต้องการอัปเดต |
· ขาดการขยายความหรือให้บริบทของข่าว ผู้ชมอาจได้รับข้อมูลที่สั้นเกินไป และขาดความเข้าใจในเชิงลึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ · ข่าวมีลักษณะเป็นเพียงเหตุการณ์รายวัน (Episodic News) จึงขาดการเชื่อมโยงเชิงโครงสร้างของปัญหา |
เพิ่มการขยายบริบทของข่าวที่สำคัญแม้รายการจะสั้น แต่สามารถเพิ่ม “สรุปผลกระทบ” หรือ “เชื่อมโยงประเด็นกับสถานการณ์ที่ใหญ่ขึ้น” เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจข่าวในระดับที่ลึกขึ้น ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเสริมข้อมูลหากข่าวสั้นในทีวีไม่สามารถลงรายละเอียดได้มาก อาจ เสริมเนื้อหาขยายความในแพลตฟอร์มออนไลน์ |
การกำหนดวาระข่าวสารที่เปลี่ยนไป กับความท้าทายต่อคุณภาพข่าว
การศึกษาพบว่าแนวทางการกำหนดวาระข่าวสารของรายการข่าวโทรทัศน์เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต จากเดิมที่ให้ความสำคัญกับ คุณค่าข่าว (News Values) และลำดับความสำคัญของข่าว ปัจจุบัน ตัวชี้วัดผู้ชมและข้อมูลเชิงพฤติกรรม (Audience Metrics & Viewer Analytics) กลายเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการเลือกข่าว การเข้าถึงข้อมูลเรตติ้งแบบนาทีต่อนาที และพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้องค์กรข่าวต้องปรับกลยุทธ์การนำเสนอข่าวให้ตอบสนองต่อความสนใจของผู้ชมมากขึ้น แทนที่จะอาศัยการตัดสินใจของบรรณาธิการเพียงอย่างเดียว
ตัวชี้วัดผู้ชม & การกำหนดเนื้อหาข่าว นักวิจัยหลายคนชี้ให้เห็นว่า การใช้ข้อมูลตัวชี้วัดช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ชม (Engagement) และกระตุ้นรายได้จากโฆษณา แต่ขณะเดียวกัน ก็สร้างแรงกดดันให้เนื้อหาข่าวต้องมุ่งสู่ความนิยม มากกว่าคุณค่าทางวารสารศาสตร์ (Blanchett Neheli, 2018) งานศึกษาของ Zamith (2018) ยังตั้งข้อสังเกตว่า ตัวชี้วัดผู้ชมช่วยให้ประชาชนมีบทบาทมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน อาจทำให้ห้องข่าวผลิตเนื้อหาที่ตอบสนองตัวเลขมากกว่าความต้องการของสังคม Dodds et al. (2023) พบว่า ตัวชี้วัดผู้ชมสร้างแรงกดดันให้กับห้องข่าว โดยเฉพาะ การแข่งขันภายในองค์กรข่าว ที่นักข่าวต้องแข่งขันกันผ่านยอดคลิกและเรตติ้ง แทนที่จะใช้หลักการทางวารสารศาสตร์ในการคัดเลือกข่าว ผลที่ตามมาคือ ข่าวที่ได้รับความนิยมอาจไม่ใช่ข่าวที่มีคุณภาพหรือส่งผลดีต่อสังคมมากที่สุด
งานศึกษานี้สะท้อนให้เห็นว่า การกำหนดวาระข่าวสารในยุคดิจิทัลไม่ได้ขึ้นอยู่กับกองบรรณาธิการเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ถูกกำหนดโดยข้อมูลพฤติกรรมของผู้ชม ทำให้ข่าวคุณภาพเผชิญความท้าทายสำคัญในการรักษาสมดุลระหว่างความยั่งยืนทางธุรกิจ และบทบาทของวารสารศาสตร์ที่ต้องรับใช้ประโยชน์สาธารณะ และชวนตั้งคำถามเพื่อหาทางออกในการส่งเสริมคุณภาพข่าวรวมกัน ดังนี้
การพัฒนาคุณภาพข่าวไม่ใช่แค่เรื่องของสื่อมวลชน แต่ยังเป็นเรื่องของสังคมและผู้ชมด้วย หนึ่งในแนวทางสำคัญคือการ ขยับจากข่าวที่มุ่งเน้นปัญหาไปสู่ข่าวที่นำเสนอทางออก (Solution Journalism) โดยตั้งคำถามว่า ข่าวสามารถนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมได้มากขึ้นแค่ไหน? นอกจากการรายงานเหตุการณ์ ข่าวควรช่วยให้ผู้ชมเข้าใจรากเหง้าของปัญหาและแนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้
อีกประเด็นสำคัญคือ บทบาทของผู้ชมในการสนับสนุนข่าวที่มีคุณภาพ ในยุคที่ตัวชี้วัดผู้ชมมีผลต่อการตัดสินใจของสื่อ ผู้ชมสามารถช่วยกำหนดทิศทางของข่าวได้โดย เลือกเสพข่าวที่มีคุณภาพ สนับสนุนสื่อที่ยึดหลักจริยธรรม และไม่สนับสนุนข่าวที่เน้นกระแสหรือเรตติ้งมากกว่าคุณค่า
ท้ายที่สุด “ข่าวที่ดีอยู่ได้ หากคนให้ความสำคัญ” หากสังคมให้ความสำคัญกับคุณภาพข่าวมากขึ้น ก็จะช่วยผลักดันให้สื่อมุ่งเน้นการรายงานข่าวที่มีคุณค่าต่อสังคม สุดท้ายแล้ว สังคมและผู้ชมข่าวเองก็มีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของสื่อ เพื่อให้ข่าวสารที่เรารับรู้เป็นประโยชน์มากกว่าการสร้างกระแสชั่วคราว
ความเห็นล่าสุด