เลือกหน้า

“ปัญญาประดิษฐ์คือเครื่องมือของมนุษย์” สำรวจ 20 ‘สื่อไทย’ ใช้ AI ทำอะไรกันบ้าง

“ปัญญาประดิษฐ์คือเครื่องมือของมนุษย์” สำรวจ 20 ‘สื่อไทย’ ใช้ AI ทำอะไรกันบ้าง

พูดกันมานานว่า การเติบโตขึ้นของ AI จะส่งผลกระทบต่อวงการสื่อไทยอย่างรุนแรง จนอาจสร้างความเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกจากหน้าเป็นหลังมือ

แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นเพียงการ “คาดการณ์” “ประเมิน” หรือพูดคุยกันในวงเสวนาหรือวงสนทนาเท่านั้น ยังเห็นการ “เก็บข้อมูล” ในเรื่องนี้อย่างจริงจังไม่มากนัก

Media Alert กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ร่วมกับ SPRiNG สำรวจการใช้งาน AI ในห้องข่าวของสื่อส่วนกลาง 20 สำนัก ทั้งสำนักข่าวออนไลน์ สถานีโทรทัศน์/ออนไลน์ สื่อสิ่งพิมพ์/ออนไลน์ ทั้งจากบุคคลในตำแหน่งบรรณาธิการบริหาร (บก.บห.) บรรณาธิการข่าว (บก.ข่าว) ไปจนถึงหัวหน้าฝ่ายผลิต หรืออาร์ตไดเรกเตอร์ ในช่วงปลายเดือน เม.ย. 2568 ที่ผ่านมา

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ สื่อไทยกลุ่มตัวอย่าง ‘ทั้ง 100%’ ต่างระบุว่า มีการนำ AI มาใช้งานในห้องข่าวแล้ว ทั้งในด้านคอนเทนต์และโปรดักชั่น

คำถามต่อไปคือ แล้วองค์กรสื่อไทยทั้ง 20 แห่งนี้ ใช้ AI อะไรและอย่างไรกันบ้าง ไปจนถึงว่า พวกเขามีทัศนะอย่างไรต่อการเข้ามาของปัญญาประดิษฐ์ในห้องข่าว

อะไรคือสิ่งที่พวกเขากังวลมากที่สุด ยังเป็นเรื่องการเข้ามาแย่งงานหรือไม่ หรือมีประเด็นอื่นที่น่าเป็นห่วงมากกว่า

สื่อไทยใช้ AI ทำอะไรกันบ้าง

กลุ่มตัวอย่างจากสื่อส่วนกลางไทยที่ตอบแบบสำรวจ ต่างยอมรับว่าใช้ AI เข้ามาช่วยงานในห้องข่าว ทั้งในด้านคอนเทนต์และด้านโปรดักชั่น โดยครึ่งหนึ่งระบุว่า ใช้งาน ‘ถี่มาก’ ในทุกวัน, 30% ระบุว่า ใช้งาน ‘สม่ำเสมอ’ คือ 3-5 ครั้ง/สัปดาห์ และ 20% ใช้งาน ‘ปานกลาง’ คือ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์

เมื่อถามถึง AI ที่สื่อไทยใช้บ่อย (สามารถเลือกได้หลายข้อ) ผลปรากฏว่า ChatGPT ถูกใช้งานมากที่สุดเป็นสัดส่วน (100%) ตามมาด้วย Gemini (75%), Claude AI (45%), Midjourney (25%), DeepSeek และ Copilot (15% เท่ากัน) ที่เหลือได้แก่ DALL-E, Grok, Notebook LM, Runway เป็นต้น 

ถามว่า สื่อต่าง ๆ ใช้งาน AI สำหรับการทำคอนเทนต์อย่างไรบ้าง

  • 85% หาข้อมูลเบื้องต้น/รวบรวมข้อมูล
  • 70% ช่วยถอดเทป/สรุปความ
  • 55% ช่วยคิดประเด็น
  • 45% เขียนข่าว/บทความ

โดยผู้ที่ตอบแบบสำรวจว่า ใช้ AI ในการเขียนข่าว/บทความ ขยายความว่า เป็นการให้เรียบเรียงข้อมูลที่นักข่าวหามาแล้ว แล้วจะมีคนมาตรวจสอบอีกครั้ง, ช่วยในการพิสูจน์อักษร ตรวจแก้คำพูดและความถูกต้องของไวยากรณ์ เป็นต้น ยังไม่มีสื่อไหนที่ระบุว่า ใช้ AI ช่วยเขียนข่าวหรือบทความตั้งแต่ต้นจนจบทั้งหมด โดยที่ไม่มีมนุษย์เข้าไปอยู่ในกระบวนการ 

ถามว่า แล้วสื่อต่าง ๆ ใช้งาน AI สำหรับงานด้านโปรดักชั่นอย่างไรบ้าง

  • 60% สร้างภาพนิ่ง/ฟุตเทจสำหรับใช้ประกอบข่าว
  • 40% ทำเสียงประกอบ
  • 40% แปลงรูปแบบการนำเสนอ เช่น text-to-speech
  • 35% ช่วยตัดต่อเบื้องต้น

ที่น่าสนใจก็คือ ‘หนึ่งในห้าของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ยังไม่ใช้งาน AI ในเชิงโปรดักชั่น เพราะอยากรอให้พัฒนามากกว่านี้ก่อน

ขณะที่ 25% ของสื่อส่วนกลางที่ร่วมทำแบบสอบถามเริ่มใช้ ผู้ประกาศข่าว AI’ แต่ก็มีบางสื่อบอกว่ายังไม่ใช้ผู้ประกาศข่าว AI เพราะจากที่ศึกษาข้อมูล เทคโนโลยีในปัจจุบันยังไม่ดีพอ ยังขาดความเป็นธรรมชาติ

“ไม่ใช่เทคโนโลยีแห่งอนาคต..แต่เป็นเครื่องมือของปัจจุบัน”

เมื่อขอให้ช่วยให้คะแนนว่า “คิดว่าในอนาคต AI จะพัฒนาจนเป็นประโยชน์ต่อวงการสื่อไทยมากน้อยแค่ไหน”

 กลุ่มตัวอย่างจากตัวแทนสื่อส่วนกลางไทยให้คะแนนสูงถึง 4.7 คะแนน จากเต็ม 5 คะแนน โดยให้เหตุผลคล้าย ๆ กัน คือ AI เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน, ลดเวลา ลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย, สามารถทำงานพื้นฐานได้เกือบทั้งหมด เพื่อให้นักข่าวมีเวลาไปทำงานเชิงลึกได้มากขึ้น ฯลฯ

 นี่คือความเห็นของผู้ตอบแบบสำรวจนี้บางส่วน

 “AI ไม่ใช่เทคโนโลยีแห่งอนาคต แต่เป็นเครื่องมือแห่งปัจจุบัน ที่เปลี่ยนข้อจำกัดให้กลายเป็นโอกาสใหม่สำหรับวงการสื่อ คำถามสำคัญไม่ใช่ AI จะมาแทนที่เราหรือไม่?’ แต่เป็น เราจะใช้ AI เป็นเครื่องมือเพื่อก้าวกระโดดไปข้างหน้าอย่างไร”

 “สื่อยังควรเป็นสารตั้งต้น และ Gatekeeper ก่อนเผยแพร่เนื้อหาสู่สาธารณชน การใช้ AI คือกระบวนการรวบรวมข้อมูล ย่อยความ สรุปความ ซึ่งท้ายสุด สื่อควรต้องขัดเกลา และตรวจทาน ก่อนเผยแพร่ออกไป”

 “AI เป็นผู้ช่วยในการทำงานเบื้องต้น เพื่อประหยัดเวลาการทำงานและทรัพยากรบุคคล โดยสามารถช่วยในการคิด สร้างสรรค์ และลดต้นทุนการผลิต ลดเวลาในการทำงานและไอเดียใหม่ ๆ”

 “ช่วยในการทำข่าวได้ดีมาก โดยเฉพาะการจับประเด็นของแหล่งข่าว หลายครั้งที่นักข่าวอาจจะฟังแหล่งข่าวพูดไม่ทัน ต้องกลับไปถอดเทป แต่เครื่องมือ AI ยุคใหม่สามารถช่วยปิดปัญหาเหล่านี้ได้ดี ยังช่วยในการคิดและแตกประเด็น รวมไปถึงการหาข้อมูลที่ประหยัดเวลาการทำงานในรูปแบบเดิม ๆ ได้มาก”

“ปัจจุบันแต่ละองค์กรสื่อมีข้อจำกัดเรื่องคน คนน้อย งานเยอะ จึงจำเป็นต้องใช้ AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยในการทำงาน” ฯลฯ

จะเห็นได้ว่า ส่วนใหญ่มอง AI ใน ‘แง่บวก’ ในฐานะเครื่องมือหรือผู้ช่วยทำงานด้านต่าง ๆ โดยยังเห็นว่า ในกระบวนการทำงานก็ยังต้องมีมนุษย์เข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ดี

 แต่จากประสบการณ์ที่สื่อต่าง ๆ ใช้งาน AI ใช่จะมีแต่ด้านดีเสมอไป

 ‘ความถูกต้อง-ลิขสิทธิ์-แย่งงาน’ ข้อกังวล AI ในห้องข่าว

เพื่อให้เกิดความรอบด้าน เราสอบถามตัวแทนสื่อส่วนกลางทั้ง 20 สำนักเช่นกันว่า แล้วคิดว่า “ในอนาคต AI จะสร้างปัญหาต่อวงการสื่อไทย มากน้อยเพียงใด”

จากเต็ม 5 คะแนน กลุ่มตัวอย่างมีมุมมองที่หลากหลาย ตั้งแต่ 2 – 5 คะแนน โดยให้คะแนนว่า AI อาจจะสร้างปัญหาในอนาคตอยู่ที่เฉลี่ย 3.8 คะแนน

เมื่อขอให้ลงรายละเอียดว่า ปัญหาใดที่หลาย ๆ คนเป็นห่วง

  • 85% ปัญหาความถูกต้องของข้อมูล
  • 80% ปัญหาลิขสิทธิ์และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
  • 75% การกำกับดูแลการใช้งาน AI
  • 55% การเข้ามาแย่งงานมนุษย์

 

ที่น่าสนใจก็คือ ‘ไม่มีแม้แต่คนเดียว’ ที่คิดว่า การเข้ามามีบทบาทของ AI ในห้องข่าว จะไม่สร้างปัญหาใด ๆ – กล่าวคือทุกคนคิดว่าจะมีปัญหาอะไรในบางด้านตามมาในอนาคตแน่นอน เพียงแค่เรื่องใดเท่านั้น

ทั้งนี้ มีการระบุความเห็นเพิ่มเติมว่า ปัญหาที่เกิดจาก AI อาจไม่ได้มีแค่ในวงการสื่อเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสังคมทั่วไป เช่น การหลอกลวงเอาทรัพย์สิน (สแกมเมอร์) หรือการสวมรอยเพื่อกลั่นแกล้งกัน เป็นต้น

ทั้งหมด คือข้อมูลที่ได้จากการสำรวจความเห็นและประสบการณ์จากตัวแทนสื่อส่วนกลางไทยจาก 20 สำนัก ในเดือน เม.ย. 2568 ที่ต่างยอมรับว่า AI ได้เข้ามามีบทบาทในห้องข่าวทุกสำนักแล้ว (อย่างน้อยก็จากกลุ่มตัวอย่างที่สำรวจ)

แม้ความถี่ – วิธีการ วัตถุประสงค์ในการใช้งาน AI ของแต่ละสื่ออาจมีรายละเอียดแตกต่างกันออกไป

แต่ก็น่าจับตาว่า หลังจากนี้ บทบาทของปัญญาประดิษฐ์นี้จะมีมากขึ้นหรือไม่ และส่งผลกระทบต่อคนในแวดวงสื่อ ไปจนถึงผู้รับสารอย่างไรกันบ้าง

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เปิดประตูสู่โอกาสครั้งสำคัญสำหรับนักสร้างสรรค์สื่อ จัดอบรมหลักสูตรผู้ผลิตสื่อระดับกลาง “WISE CREATORs” จุดประกายความคิด มุ่งผลิตสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

17 – 18 พฤษภาคม 2568 ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
เป็นประธานในพิธีเปิดและบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Save and Creative Media in Digital Age” หลักสูตรผู้ผลิตสื่อระดับกลาง “WISE CREATORs” ภายใต้แนวคิด จุดประกายความคิด มุ่งผลิตสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์”
ณ โรงแรม ทีเค
. พาเลซ โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร  

หลักสูตร WISE CREATORs โดยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ร่วมกับ สำนักงานบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยศิลปากร ถูกออกแบบมาเพื่อ ยกระดับแนวคิด ทักษะ และจริยธรรมในการผลิตสื่อ ให้แก่ผู้เข้าอบรม ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย ทั้งการบรรยาย เวิร์กช็อป การศึกษาดูงานบริษัทสื่อชั้นนำ และโครงการกลุ่มปฏิบัติ (Practical Group Project) โดยมุ่งหวังให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถผลิตสื่อที่ ปลอดภัย สร้างสรรค์ และส่งผลดีต่อสังคมในยุคดิจิทัล โครงการอบรม จัดระหว่างวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 ถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2568 ระยะเวลาอบรม จำนวน 42 ชั่วโมง

หัวข้ออบรมที่น่าสนใจ ประกอบด้วย

  • “Save and Creative Media in Digital Age”

โดย ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

  • ทักษะการเล่าเรื่อง/การนําเสนอ/ผลิตสื่อ “ถอดบทเรียนการเล่าเรื่อง จากอดีตสู่ปัจจุบัน”

โดย คุณประสาน อิงคนันท์ โปรดิวเซอร์ นักเขียนบท ผู้กํากับ และผู้ดําเนินรายการสารคดี

  • Digital Media Landscape and Trends

โดย คุณธิติพล เทียมจันทร์ ที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์

  • “Media Information and Digital Literacy (MIDL)”

โดย ดร.สิขเรศ ศิรากานต์ ประธานอนุกรรมการฝ่ายวิชาการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

(ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ) สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย

  • การใช้ Smartphone ในการสร้างสื่อ: ทักษะและเทคนิคสําหรับการผลิตคอนเทนต์

โดย คุณวรเกียรติ นิ่มมาก (เก้า) เพจตายายสอนหลาน

  • “Wise Creative and Wise Creators” โดย ลุงพิท ครัวจิ๋ว และทีมยูทูบเบอร์ “เสือร้องไห้”
  • Ethics and Responsibility in Content Creation โดย ดร.อิทธิพล วรานุศุภากุล นักวิชาการอิสระ
  • การวิเคราะห์พฤติกรรมการบริโภคสื่อในยุค Streaming โดย ดร.นิชคุณ ตุวพลางกูร Business Director, ABLE Bangkok
  • การเลือกแพลตฟอร์ม (Platform) สําหรับการเผยแพร่/นําเสนองานในยุคดิจิทัล

โดย คุณนพทัต บุณยเกียรติ (ครูโต๊ด) ประธาน Biz Club กรุงเทพฯ

  • หลักการคิดหัวเรื่อง : สร้าง Content ที่ดึงดูดใจผู้ชม โดย เพจอีจัน
  • สถานการณ์โลก และสถานการณ์ของประเทศไทยที่ส่งผลต่อการพัฒนาสื่อ โดย ดร.สังกมา สารวัตร

คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร

  • “AI กับการผลิตสื่อ” โดย ดร.โชคชัย เอี่ยมฤทธิไกร กรรมการผู้จัดการ Tero Performance Course Co.Ltd.
  • การเขียนข้อเสนอขอรับการสนับสนุนจากแหล่งทุน โดย กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

ดร.ชํานาญ งามมณีอุดม และคุณพัชรพร พงษ์ทัดศิริกุล

  • เวิร์กช็อปวิเคราะห์ข้อมูลด้วย Social Listening และการสร้างเนื้อหาแบบ Fact-based
  • การศึกษาดูงาน ณ บริษัทสื่อชั้นนำ ได้แก่ บริษัท เทโร เพอร์ฟอร์แมนซ์ คอร์ส จำกัด ,ไทยรัฐทีวีและไทยรัฐออนไลน์, SEARCH STUDIO, ไทยพีบีเอส (Thai PBS) และบริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

 

กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมอบรม

ในการจัดอบรมในครั้งนี้ มีผู้ให้ความสนใจสมัครเข้าร่วมอบรม จำนวน 262 คน ผ่านกระบวนการคัดเลือกเข้าอบรม จำนวน 168 คน ประกอบด้วย นักสื่อสารรุ่นใหม่ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ผู้ผลิตสื่อออนไลน์บุคลากรด้านสื่อ นักเขียนอิสระ และผู้ที่สนใจพัฒนาทักษะการผลิตสื่ออย่างมีคุณภาพและจริยธรรม

 

สิ่งที่ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับจากหลักสูตรนี้ :

  • อัปเดตเทรนด์และแนวโน้มของสื่อยุคใหม่
  • เทคนิคการเล่าเรื่อง (Storytelling)
  • ฝึกสร้างสรรค์เนื้อหาด้วยสมาร์ทโฟนอย่างมืออาชีพ
  • เรียนรู้การใช้เทคโนโลยี เช่น AI และ Social Listening เพื่อพัฒนาคอนเทนต์
  • ประสบการณ์ตรงจากการศึกษาดูงานและเวิร์กช็อปจริง

 

ผู้เข้าอบรมจะได้นำความรู้จากการรับฟังคำบรรยาย การฝึกทักษะ และการศึกษาดูงานมาจัดทำคลิปสั้นความยาว 60-90 วินาที ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างผู้ผลิตสื่อรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ พร้อมต่อยอดผลงาน
สู่เวทีจริง เพื่อสังคมไทยที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ในยุคดิจิทัล และผู้ที่ผ่านการอบรมครบตามหลักเกณฑ์จะได้รับประกาศนียบัตรจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้รับผลประเมินระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงการทุจริตในระดับดีเยี่ยม (Excellent : E)

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) ได้พิจารณาเกณฑ์การประเมินและผลการประเมินความเสี่ยงการทุจริต ตามเกณฑ์ประเมินเชิงคุณภาพ “ระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงการทุจริต” (Corruption Risk Management Systems : CRMS) เพื่อเป็นหลักประกันการดำเนินงานขององค์กรปลอดทุจริตตามหลักการควบคุมภายในองค์กร (COSO) 2023 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 และได้มีมติให้แจ้งผลการประเมินฯ ให้กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ทราบถึงผลคะแนนการประเมินความเสี่ยงการทุจริตตามเกณฑ์ประเมินเชิงคุณภาพ “ระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงการทุจริต” (Corruption Management Systems : CRMS) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ในระดับ Excellent : E (ดีเยี่ยม)

ผลการประเมินดังกล่าวได้แสดงถึงความมุ่งมั่น ในการขับเคลื่อน และให้ความสำคัญต่อการประเมินความเสี่ยงการทุจริต เพื่อป้องกัน สกัดกั้น ลด และปิดโอกาสการทุจริตในการดำเนินงานของหน่วยงาน

ทั้งนี้ กองทุนพัฒนาสื่อฯ พร้อมนำมาตรการต่างๆ ไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล โปร่งใส ปลอดการทุจริตและประพฤติมิชอบให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

ศิลปะตายแล้ว? นักสร้างสรรค์คิดอย่างไร เมื่อ AI คืบคลานสู่โลกศิลปะ

ศิลปิน นักวาด คนทำงานสร้างสรรค์ทั้งหลายยังจำเป็นอยู่ไหม?

เชื่อว่าข้างต้นเป็นคำถามของหลายคน เมื่อได้ประจักษ์ถึงความสามารถของ AI ที่ก้าวกระโดด โดยจากยุคที่มนุษย์วาดเขียนด้วยสองมือ สู่เทคโนโลยีกล้องถ่ายรูป

จนในปัจจุบันเราสามารถพิมพ์คำสั่ง (prompt) ลงในกล่องข้อความ เพื่อให้ AI สร้าง (generative) ภาพที่เราต้องการออกมาได้แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะการวาดรูปด้วยซ้ำ

 ต้องยอมรับว่าทั้งน่าทึ่ง น่าชื่นชม และน่าหวาดหวั่นไปพร้อมกัน

 แต่ความก้าวหน้าดังกล่าวยังมีเรื่องให้ขบคิดอีกมากนัก ยกตัวอย่าง เทรนด์การเจนภาพสไตล์จิบลิ (Studio Ghibli ผู้สร้างงานอนิเมชั่นชื่อดังของญี่ปุ่น) ที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหลายคนนำภาพตัวเอง, ครอบครัว ตลอดจนศิลปินมาแชร์กันว่อนโลกออนไลน์ในช่วงต้นปี 2568 ทำให้เกิดข้อถกเถียงเป็นวงกว้าง เช่น การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หรือการเจนภาพที่ขัดกับจุดยืนของศิลปิน เช่น กระทรวงกลาโหมอิสราเอลสร้างภาพทหารในสไตล์จิบลิ

 พูดคุยกับนักสร้างสรรค์ในไทยถึงประเด็นการใช้ AI เจนภาพจิบลิ ความกังวลเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ตลอดจนอนาคตของวงการสร้างสรรค์หลังจากนี้

 

ผิดไหมที่เจนภาพจิบลิ? — คุยกับคนทำงานสร้างสรรค์

“ถ้าสมมติว่ามันไม่เกิดขึ้นกับ Studio Ghibli มันคืองานล้อเลียน (parody) นะ ซึ่งผมเชื่อว่าคนทำงานสร้างสรรค์แทบทุกคนต้องการเสรีภาพในการยั่วล้อ” ณขวัญ ศรีอรุโณทัย อาร์ตไดเรกเตอร์ของสื่อออนไลน์ Way และเจ้าของนามปากกา Antizeptic 

“จุดยืนของผมคือ ทุกคนต้องล้อกันได้และเอาทุกสิ่งมาเป็นแรงบันดาลใจได้ แต่ผลประโยชน์ต้องกลับสู่ต้นทางในทางใดทางหนึ่ง ปัญหาของเรื่องนี้คือต้นทางได้ประโยชน์อะไรจากสิ่งนี้บ้างไหม แต่ที่แน่ ๆ Open AI ได้ประโยชน์จากจำนวนคนที่เข้ามาใช้เพิ่มขึ้น” ณขวัญกล่าว

จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีท่าทีใด ๆ จาก Studio Ghibli ขณะที่ทาง แซม อัลท์แมน ซีอีโอของ Open AI ออกมาทวีตถึงกรณีนี้หลายครั้ง และหนึ่งในนั้นชี้ว่าทางบริษัทได้ประโยชน์จากผู้เข้าใช้ที่เพิ่มขึ้นหลักล้านคนในเวลาหนึ่งชั่วโมง

ด้าน จินต์ จิรากูลสวัสดิ์ นักวาดและนักทำหน้ากากสไตล์ไซเบอร์พังก์เล่าว่า การวาดรูปสไตล์จิบลิมีมานานแล้วในกลุ่มเฟซบุ๊กแฟนคลับ แต่เพิ่งมาเป็นประเด็นเมื่อมีการให้ AI ทำรูปดังกล่าวขึ้น ในมุมของเขา Studio Ghlbli และผู้ถือหุ้นมีสิทธิออกมาฟ้องร้อง

“ความเห็นส่วนตัว การลอกเลียนสไตล์งานหรือลายเส้น ไม่ได้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ความคล้ายไม่นับว่าเป็นการละเมิด และจะละเมิดไหม เจ้าทุกข์ต้องไปฟ้องเอาเอง แต่ที่เขายังไม่ทำอะไร เป็นเพราะทาง Studio Ghibli เองก็อาจจะได้ประโยชน์อะไรบางอย่างด้วยหรือเปล่า เช่น สินค้าขายดี” จินต์ตั้งข้อสังเกต 

อย่างไรก็ตาม ในมุมณขวัญการทำซ้ำด้วยมือมนุษย์ไม่เหมือนกับการทำซ้ำด้วย AI โดยเฉพาะในเรื่องคุณค่าของงาน

“ไม่มีใครห้ามคุณวาดหรือทำดิจิทัลอาร์ตสไตล์จิบลิ แต่การ prompt ให้ AI ผลิตงานเหมือนออกมาเป็นร้อยเป็นพันรูป มันคือการทำให้สไตล์นี้เสื่อมคุณค่าไปในตัว กลายเป็นของโหลที่ถูกผลิตจากโรงงาน” ณขวัญกล่าว

ภาระของผู้ถูกขโมยทรัพย์สินทางปัญญา

ไม่ใช่เพียงศิลปินระดับโลกที่กำลังเผชิญความท้าทายเรื่องการถูกขโมยผลงานไปให้ AI เรียนรู้ ศิลปินของไทยก็กำลังเผชิญกับปัญหานี้เช่นกัน

 นักวาดสัญชาติไทยที่ใช้ชื่อ SISIDEA เล่าให้ฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองว่า เธอถูกเพจแห่งหนึ่งนำภาพของเธอไปเป็นต้นแบบให้ AI วาดและนำมาลงไปในเว็บเพจของตัวเอง โดยไม่ได้รับการยินยอมจากเธอ และสิ่งที่เธอทำได้เพียงการรีพอร์ตกับทางเฟซบุ๊กเท่านั้น

 “รู้สึกว่าหมดหวังกับเรื่องลิขสิทธิ์มาก ๆ” คือคำตอบที่เธอพิมพ์กลับมา เมื่อถามถึงความรู้สึกในประเด็นนี้

 noei1984 ศิลปินนักวาดและอาจารย์พิเศษประจำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นอีกคนหนึ่งที่เคยมีประสบการณ์ถูกขโมยผลงานที่วาดลงในเว็บไซต์ออนไลน์ไปทำเป็นลายเสื้อยืดขายใน eBay อีกทั้งเคยตรวจสอบพบว่า งานที่วาดถูกนำไปให้ฝึกฝน AI โดยไม่มีการยินยอม

“งานเราถูกนำไปใช้เทรน AI โดยไม่ได้ยินยอม ซึ่งมันมีภาระที่เราถูกผลักให้แบกรับ เช่น เราจะติดต่อใครเพื่อให้ AI Model ต่าง ๆ ถอนการเรียนรู้งานของเรา? แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาทำหรือไม่ทำ? มันไม่เหมือนการปกป้องสิทธิระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ พอเป็นมนุษย์กับ AI เรากลับไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เลย”

“ความรู้สึกตอนนั้นไม่ได้โกรธเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงความตั้งใจและความรู้สึกที่เราทุ่มในงานเหมือนไม่มีความหมาย (แม้จะเป็นแค่งานวาดเล่นด้วยความชอบเฉย ๆ) นอกจากเสียโอกาสทางอาชีพแล้ว มันกระทบความมั่นใจด้วยเหมือนกัน เพราะทำให้เราต้องระวังตัวเองมากขึ้น และ เสียเวลาปกป้องสิทธิ์ตัวเองในทางกฎหมาย ทั้งที่เวลาเหล่านั้นควรเอาไปสร้างงานใหม่มากกว่า” noei1984 ตอบ

สำหรับเธอ สไตล์ของศิลปินเกิดขึ้นจากการเรียนรู้ที่เป็นส่วนตัวมาก ๆ ของศิลปิน ดังนั้น มันควรได้รับการปกป้องมากกว่าแค่ลิขสิทธิ์ แต่ควรอยู่ในฐานะสิทธิบัตรจนกว่าศิลปินคนนั้นจะเสียชีวิต

“การถูกนำผลงานเป็นข้อมูลฝึกให้โมเดล AI ไม่ต่างกับการที่วิศวกรรถยนต์แอบเอาเครื่องยนต์เราไปถอดแล้วนำไปขายพร้อมกับรถยี่ห้ออื่น มันคือการเอา ‘สมอง’ และ ‘สไตล์’ ของศิลปินไปใช้โดยไม่รับผิดชอบ” noei1984 สะท้อน

ออกแบบเกมใหม่ด้วยจริยธรรม AI

แม้จะมีมุมมองและประสบการณ์ที่แตกต่างกัน แต่ศิลปินทั้ง 3 คน (จินต์, SISIDEA และ noei1984) ต่างเห็นตรงกันว่า AI เป็นเครื่องมือที่เข้ามายกระดับวงการมากกว่าเข้ามาทำให้ถดถอย แต่คำถามคือเราจะสร้างระบบที่คนทำงานและ AI พัฒนาขึ้นไปพร้อมกันได้อย่างไร?

noei1984 เสนอว่าควรมีมาตรฐานทางจริยธรรมที่ชัดเจนในการใช้ AI เช่น การใช้ในเชิงพาณิชย์ต้องเคารพสิทธิของศิลปิน ระบุแหล่งที่มาและแยกให้ชัดว่าอันไหนคืองานมนุษย์หรือ AI ผ่านมาตรการทั้งหมด 3 ข้อ

  • กรอบกฎหมายและนโยบายสนับสนุน ที่กำหนดหลักการ human authorship ในกฎหมายลิขสิทธิ์ให้ชัดเจน
  • บังคับใช้มาตรการคุ้มครองการดึงข้อมูลผลงาน ของศิลปินโดยไม่เป็นธรรม และทำให้ระบบมีความโปร่งใส ผู้ใช้ AI ต้องระบุที่มาของเนื้อหา
  • ส่งเสริมการใช้ HITL (human-in-the-loop) ในการตรวจสอบและปรับแก้ output ของ AI พร้อมกับพัฒนาศักยภาพและการอบรมมนุษย์

 

และในฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัย noei1984 มุ่งสอนให้นักศึกษาเปิดรับ AI เพื่อเอาตัวรอด แต่ต้องรักษาตัวตนและเสียงของตัวเองเอาไว้ โดยที่ไม่ลืมคุณค่าของความเป็นมนุษย์และจริยธรรมในการใช้ AI ช่วยทำงาน

“คนที่ยังทำงานสร้างสรรค์ในยุค AI ได้ จะต้องไม่ใช่แค่ ‘ผลิตงาน’ แต่ต้อง ‘สร้างคุณค่า’ ได้จริง ต้องเข้าใจว่าคนต้องการอะไรที่เครื่องจักรให้ไม่ได้ เช่น ความรู้สึก ความจริงใจ การสื่อสารที่มีชีวิต งานเล่าเรื่องแบบที่ ‘ชีวิตคนคนหนึ่ง’ เท่านั้นจะถ่ายทอดได้ เรามองว่าในอนาคตมันจะเป็นยุคของศิลปินที่มีรากฐานลึกในตัวเอง ไม่ใช่แค่ทำงานให้ไวหรือให้เยอะ” noei1984 กล่าว

คนที่ยังทำงานสร้างสรรค์ในยุค AI ได้ จะต้องไม่ใช่แค่ ‘ผลิตงาน’ แต่ต้อง ‘สร้างคุณค่า’ ได้จริง ต้องเข้าใจว่าคนต้องการอะไรที่เครื่องจักรให้ไม่ได้

ศิลปะตายแล้ว? คนทำงานสร้างสรรค์ในโลกยุค AI

ศิลปิน นักวาดภาพประกอบ นักวาดการ์ตูนล้อเลียน อาชีพเหล่านี้จะหายไปไหมในยุค AI?

“คนที่อยู่ต้นน้ำหรือคนที่สร้างไอเดียน่าจะยังไม่เป็นอะไร แต่คนที่อยู่กลางน้ำจะได้รับผลจาก AI เยอะ” ณขวัญกล่าวถึงผลกระทบในระยะสั้นของ AI ต่อคนทำงานสร้างสรรค์

แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงโลกการทำงานของคนครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น แพลตฟอร์มขายภาพก็เข้ามาแทนงานส่วนหนึ่งของช่างภาพ ระบบเสิร์ชเอนจินก็เข้ามาทำงานแทนงานบางส่วนของบรรณารักษ์

“คนทำงานต้องไปทำงานอย่างอื่น คนต้องทำอะไรที่ซับซ้อนขึ้นอีกระดับไปเรื่อยๆ” เขากล่าวเพิ่มเติม “มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเจ้าของเงินย่อมจะต้องเลือกสิ่งที่คุ้มค่าในแง่การลงทุนมากที่สุด”

อย่างไรก็ดี มีมุมมองที่น่าสนใจจาก เจสัน อัลเลน เจ้าของผลงาน Théâtre D’opéra Spatial ศิลปะจาก AI ที่ชนะงานประกวด Colorado State Fair ในสาขาดิจิทัลอาร์ตเมื่อปี 2565 เขาตอบคำถามเรื่อง AI กับศิลปะไว้กับสำนักข่าวนิวยอร์กไทม์ว่า

“ศิลปะมันตายแล้วเพื่อน มันจบแล้ว AI คือผู้ชนะและมนุษย์คือผู้พ่ายแพ้” อัลเลนกล่าว

แม้หลายคนจะมองว่า AI ในอนาคตน่าจะเฟื่องฟูและถูกใช้ในวงกว้างมากขึ้น แต่สำหรับณขวัญกลับคิดต่าง โดยเห็นว่าทรัพยากรที่ AI ต้องใช้โดยเฉพาเรื่องพลังงาน อาจทำให้ยิ่งมันพัฒนามากขึ้น จะยิ่งถูกใช้ในวงจำกัด

“ผมไม่คิดว่าการที่ใครก็สามารถใช้ AI ได้มันจะยั่งยืนในทางเศรษฐกิจ ผมคิดว่ามันอาจถอยกลับมาอยู่ในจุดที่เราใช้มันเฉพาะเรื่องที่จำเป็นจริงๆ เช่น สถาปนิกหรือนักออกแบบภายในใช้เพื่อทำงานจริงๆ” ณขวัญคาดการณ์

ถึงแม้ยังไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ  AI เดินทางมาถึงแล้ว มันกำลังเปลี่ยนวงการสร้างสรรค์จากหน้ามือเป็นหลังมือ และไม่มีใครหยุดมันได้

เราจะหาสมดุลในการใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้อย่างไร ทั้งในมุมของเรื่องลิขสิทธิ์ ความคิดสร้างสรรค์ ประโยชน์ต่อผู้สร้างงาน ประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม ฯลฯ ยังเป็นคำถามที่น่าจะถกเถียงกันไปอีกพักใหญ่

ประกาศผลผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมอบรมหลักสูตรผู้ผลิตสื่อระดับกลาง WISE CREATORs”จุดประกายความคิด มุ่งผลิตสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์”

ประกาศผลผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมอบรมหลักสูตรผู้ผลิตสื่อระดับกลาง WISE CREATORs
“จุดประกายความคิด มุ่งผลิตสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์”

ตรวจสอบรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกได้ที่
https://drive.google.com/drive/folders/1TzcaivUHWWnTp2ZJNX_W6vJAafU6z5wy?usp=drive_link