ซาแซงแฟน: เมื่อสื่อมีส่วนทำให้ความรัก ข้ามเส้นเป็นภัยคุกคาม

ในโลกยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีการสื่อสารก้าวล้ำไปอย่างไม่หยุดยั้ง “สื่อ” มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อวิถีชีวิตของผู้คนในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของวงการบันเทิงและวัฒนธรรมแฟนคลับ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นช่องทางในการเผยแพร่ผลงานของศิลปิน แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ทรงอิทธิพลในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินและแฟนคลับให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น แต่กลับกันในความใกล้ชิดมีเส้นบาง ๆ กั้นระหว่างความรักและการคุกคาม ปรากฏการณ์นี้เป็นที่รู้จักในนาม “ซาแซงแฟน” (Sasaeng Fan) ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของศิลปิน
- Patrick Williams and Samantha Xiang Xin Ho (2016) พบว่า การเป็นซาแซงของแฟนคลับบางคน คือการให้ศิลปินจดจำเราได้ “ฉันรู้สึกเหมือนได้รู้จักไอดอลที่ฉันรักมากขึ้นและใกล้ชิดมากขึ้น ถ้าฉันไปคอนเสิร์ตก็จะมีคนมาชมเป็นพัน ๆ คน ไอดอลก็จะไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร แต่ถ้าฉันกลายเป็นซาแซง พวกเขาจะจำฉันได้ ถ้าฉันบอกพวกเขาซ้ำ ๆ ว่า ‘ฉันคือคนนั้นคนนี้ ฉันเคยเห็นคุณที่นั่นมาก่อน ฉันคือคนนั้นคนนี้‘ พวกเขาจะเริ่มสังเกตเห็นฉันและถามว่า ‘คุณมาอีกไหมวันนี้‘” สำหรับซาแซงแฟน การที่ไอดอลจำฉันได้ถือเป็นเรื่องดี [1]
ตัวอย่างเช่นกรณี จองกุก (Jung-kook) สมาชิกวง BTS ถูกหญิงสาวที่อ้างตนเองว่าเป็นแฟนคลับบุกถึงที่พัก เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเขาปลดประจำการ โดยทางตำรวจเผยว่าหญิงสาวชาวจีนวัย 30 ปีรายนี้ถูกพบเห็นกำลังกดตัวเลขสุ่มบนกุญแจรหัสนอกอพาร์ตเมนต์ของจองกุกในกรุงโซล[2]
ซาแซงแฟนไม่ได้มีเฉพาะในอุตสาหกรรมบันเทิง K-POP ของเกาหลีใต้เท่านั้น แต่ยังแพร่หลายไปทั่วโลกล่าสุดประเทศไทยก็มีประเด็นที่ศิลปินถูกแฟนคลับคุกคามคือ หลิงหลิง คอง และ ออม กรณ์นภัส ซึ่งถูกแฟนคลับคุกคามจนต้องออกมาแจ้งความ เนื่องจากถูกกลุ่มซาแซงคุกคามและแอบติดตามไปที่บ้านและคอนโด ขึ้นไปถ่ายภาพรถยนต์ส่วนตัวและเฝ้าอยู่หน้าที่พักของดาราสาวทั้งวันทั้งคืน โดยมีการแอบว่าจ้างคนขับรถให้บอกกิจกรรมตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่อและเทคโนโลการสื่อสารมีส่วนสำคัญในการหนุนเสริมพฤติกรรมดังกล่าว โดยพบว่าแฟนกลุ่มนี้มีการตั้งกลุ่มไลน์แลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวของดาราสาว พร้อมถ้อยคำใส่ร้ายไปในทางเสื่อมเสีย[3]
ซาแซงแฟนคือใคร? แล้วพฤติกรรมแบบไหนที่บอกว่านี่คือ ซาแซงแฟน
คำว่า “ซาแซงแฟน” (사생팬) มาจากวงการบันเทิงเกาหลีใต้ โดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า “ซาแซงฮวาล” (사생활) แปลว่า ชีวิตส่วนตัว หรือ ความเป็นส่วนตัว และ “แฟน” (팬) ที่หมายถึงผู้สนับสนุนหรือติดตามศิลปิน[4] จึงเป็นคำศัพท์ที่แพร่หลายในการเรียกเรียกกลุ่มแฟนคลับที่มีพฤติกรรมคุกคามชีวิตส่วนตัวศิลปิน หรือบางครั้งอาจนำไปสู่เหตุการความรุนแรงที่เข้าข่ายอาชญากรรม
จุดเปลี่ยนพฤติกรรมของแฟนคลับเปลี่ยนจาก “คลั่งไคล้” เป็น “ซาแซงแฟน” คือเมื่อแฟนคลับละเมิดพื้นที่ส่วนตัว และทำให้ศิลปินรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือถูกคุกคาม ไม่ใช่แค่การชื่นชมศิลปินจากระยะไกล หรือการสนับสนุนผ่านงานโปรโมตตามปกติ ศิรินทร์ ตันติเมธ (2559) ได้แบ่งรูปแบบของการคลั่งไคล้ศิลปิน มี 3 รูปแบบ คือ ระดับสนใจใคร่รู้เพื่อความบันเทิงและเสพติด ระดับเข้มข้นผูกพันยึดติด และระดับคลั่งไคล้รุนแรง ผู้ที่มีความคลั่งไคล้ศิลปินจะมีความรู้สึกผูกพันใกล้ชิด สนิทสนมกับศิลปินที่ชื่นชอบ เป็นลักษณะหนึ่งของการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกึ่งความจริงความคิดและความเชื่อที่หลุดโลก อาจมีอาการหลงผิดว่าศิลปินรักตอบ (Erotomania) และพร้อมที่จะทำทุกอย่างแม้เป็นเรื่องผิดกฎหมายเพื่อให้ได้ใกล้ชิด ซาแซงแฟนมักจัดอยู่ในระดับที่สองและสาม พวกเขามองว่าการกระทำของตนคือภารกิจ คือการแสดงความรักที่เหนือกว่าแฟนคลับทั่วไป และไม่ตระหนักว่าพฤติกรรมของตนคือการคุกคาม[5]
พฤติกรรมเหล่านี้สร้างผลกระทบอย่างไรบ้าง?
“หนูตกใจมาก รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องค่ะ ไม่ควรทำแบบนี้และไม่ควรทำศิลปินคนไหนเลย คนที่กลัวเขาก็กลัวไปเลยนะ มันไม่โอเค เราอยู่กับแฟนคลับแบบน่ารักมาก ๆ แบบครอบครัว เลยไม่อยากให้ทำแบบนี้กับใคร ไม่ว่าจะเลิฟมาก ๆ ก็ไม่ควรทำ หรือไม่ว่าจะเป็นไม่ชอบคนคนนึงก็ไม่ควรทำ ”[6] ส่วนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ของเบ็คกี้ รีเบคก้า ในกรณี ฟรีน สโรชา คู่จิ้น ที่ถูกแฟนคลับรายหนึ่งจู่โจมประชิดตัว
พฤติกรรมซาแซงแฟนไม่เพียงสร้างความเดือดร้อน ทั้งในแง่ความเป็นส่วนตัว ความรู้สึกไม่ปลอดภัย และสภาพจิตใจของศิลปินเท่านั้น แต่ในบางกรณีอาจนำไปสู่การกระทำที่ผิดกฎหมายและเป็นอันตราย ดังนี้
- สุขภาพจิตและร่างกายย่ำแย่ ศิลปินต้องเผชิญกับความเครียด ความวิตกกังวล และความหวาดระแวงจากการถูกติดตาม คุกคาม และไม่มีความเป็นส่วนตัวตลอดเวลา ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้า หรือโรคทางจิตอื่น ๆ บางรายถึงขั้นถูกทำร้ายร่างกาย
- ชีวิตส่วนตัวถูกละเมิด ข้อมูลส่วนตัว เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือตารางงานส่วนตัวถูกเผยแพร่ ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข
- ความสัมพันธ์ส่วนตัวเสียหาย พฤติกรรมของซาแซงแฟนอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือคนรัก ทำให้เกิดความไม่สบายใจและเป็นห่วง
พฤติกรรมของซาแซงแฟนจึงไม่ได้เป็นเพียงปัญหาสำหรับตัวศิลปินเท่านั้น แต่ยังสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของวงการบันเทิง สร้างความแตกแยกในหมู่แฟนคลับ และส่งผลกระทบด้านความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของผู้คนรอบข้างด้วย ซึ่งปัญหานี้เป็นสิ่งที่วงการบันเทิงทั่วโลกต้องให้ความสำคัญและหาทางแก้ไขอย่างจริงจัง
เมื่อสื่อถูกใช้เป็นเครื่องมือให้พฤติกรรมซาแซงรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ก่อนโซเชียลมีเดียจะกลายเป็นที่นิยม สื่อกระแสหลักอย่างรายการโทรทัศน์หรือสำนักข่าวก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ข้อมูลส่วนตัวของศิลปินเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ เช่น การเสนอข่าวการซื้อที่พักอาศัยของศิลปิน รายการวาไรตี้แนวเปิดบ้านศิลปิน โดยระบุย่านที่พักอาศัยและสถานที่ใกล้เคียง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เหล่าซาแซงแฟนเองสามารถระบุพิกัดบ้านพักของศิลปินได้ง่ายขึ้น
และเมื่อเทคโนโลยีการสื่อสารได้พัฒนาจนคนทั่วไปสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลสื่อสารกันได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องผ่านสื่อกระแสหลัก โซเชียลมีเดียได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายพฤติกรรมของ”ซาแซงแฟน” ในการติดตามศิลปิน ซึ่งนำไปสู่พฤติกรรมที่ล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวและสร้างความเดือดร้อนให้กับศิลปินมากขึ้น โดยการพื้นที่ให้เกิดการสื่อสาร รวมกลุ่ม และสร้างเครือข่ายของซาแซงแฟนในโลกออนไลน์ได้ “ง่ายและเป็นระบบ” เช่น การสร้างชุมชนออนไลน์ หรือกลุ่มแชทลับ ขึ้นมาเพื่อแบ่งปันข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับศิลปิน วางแผน รวมกลุ่มกันเพื่อการติดตามศิลปินนอกเหนือตารางงานอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะเป็นการดักรอตามสถานที่ต่าง ๆ หรือการบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว การแอบบันทึกภาพและวิดีโอส่วนตัวของศิลปินแล้วนำมาเผยแพร่ต่อ กระทั่งการซื้อขายข้อมูลเกี่ยวกับศิลปิน ผ่านเครือข่ายโซเชียลมีเดีย
สื่อจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดการขยายพฤติกรรมความรัก ความหลงใหล ให้กลายเป็นความรุนแรง ของซาแซงแฟน ซึ่งอาจนำไปสู่พฤติกรรมการลอกเลียนแบบแฟนคลับคนอื่น ๆ เพียงเพื่อต้องการได้เข้าถึง ได้ใกล้ชิดกับศิลปินในลักษณะเดียวกัน หรืออาจเพียงเพราะต้องการเป็นที่รู้จักและยอมรับในกลุ่มซาแซงแฟนด้วยกัน
สื่อและโซเชียลมีเดียจึงกลายเป็นดาบสองคมที่สามารถใช้เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินกับแฟนคลับ แต่ก็อาจถูกใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร สร้าง และขยายอิทธิพลของกลุ่มซาแซงแฟนที่ทำลายบรรยากาศที่ดีระหว่างศิลปินและแฟนคลับทั่วไป ได้ในขณะเดียวกัน
หนทางสู่การรณรงค์ ป้องกัน ลดพฤติกรรมแบบซาแซงแฟน
“มันไม่ใช่แค่จับมือเฉย ๆ นะครับ มันมีจูบด้วย”[7] กรณีของ คิมแจจุง ที่เปิดเผยเรื่องที่ตนเจอซาแซงแฟน เจ้าตัวได้เล่าว่าในเวลานั้นเขาตื่นมาเจอซาแซงแฟนกำลังนั่งจับมือเขา
ซึ่งพฤติกรรมของซาแซงแฟนนั้นมีหลากหลายระดับความรุนแรง ตั้งแต่การติดตามอย่างใกล้ชิด การแอบถ่ายรูป การหาข้อมูลส่วนตัว ไปจนถึงขั้นรุนแรงที่ผิดกฎหมายและเป็นอาชญากรรม เช่น การบุกรุกเคหสถาน การคุกคาม ข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย ฉะนั้นการรณรงค์เพื่อลดพฤติกรรมความรุนแรงของซาแซงแฟนจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย เช่น
- บทบาทของแฟนคลับ
เมื่อแฟนคลับเองเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดในการสร้างระบบแฟนคลับที่ดี แฟนคลับไม่ใช่ “ผู้บริโภค” อย่างเดียว แต่เป็น “ผู้มีบทบาทกำหนดวัฒนธรรม” ด้วย เมื่อเรารักและชื่นชมผลงานศิลปิน การสนับสนุนศิลปินในทางที่ถูกต้องก็เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ศิลปินสร้างผลงานดี ๆ ต่อไปได้ในอนาคต ฉะนั้นแฟนคลับเองก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการเริ่มต้นให้ซาแซงแฟนหายไปจากระบบแฟนคลับได้ โดยการไม่สนับสนุนการได้ข้อมูลส่วนตัวของศิลปินมาอย่างผิดวิธี การไม่สนับสนุนเพิ่มการเข้าถึงเนื้อหารูปภาพ หรือวิดีโอที่มาจากการแอบถ่าย และการไม่เข้าร่วมตารางงานอย่างไม่เป็นทางการของศิลปิน ไม่ส่งเสริมพฤติกรรมของซาแซงแฟนว่าเป็นวิถีปกติ และสร้างพื้นที่ที่เคารพซึ่งกันและกันระหว่างศิลปินและแฟนคลับ
- บทบาทของสื่อ
สื่อไม่ควรนำเสนอเนื้อหาที่เจาะลึกถึงข้อมูลความเป็นส่วนตัวของไอดอล หรือศิลปิน จนเกินขอบเขต ซึ่งนอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลแล้ว ยังอาจสุ่มเสี่ยงต่อการถูกนำไปใช้เป็นข้อมูลของกลุ่มซาแซงแฟนในการสะกดรอยตามศิลปิน ในขณะที่สื่อบางรายนำเสนอภาพถ่ายหรือวิดีโอที่ได้มาจากซาแซงแฟนไปแอบถ่ายศิลปินในพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งอาจนำไปสู่พฤติกรรมเลียนแบบ และไม่ควรนำเสนอข่าวการรุกล้ำความเป็นส่วนของศิลปินว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ
- บทบาทของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
ควรมีกลไกตรวจสอบและลบเนื้อหาที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวโดยเฉพาะ ยกระดับ “นโยบายชุมชน” ให้ครอบคลุมการคุกคามศิลปิน และเนื้อหาการสร้างความเกลียดชัง การแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ผิดกฎหมาย การสร้างความตระหนักรู้และการกำหนดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนในการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องศิลปินและสร้างวัฒนธรรมแฟนคลับที่เคารพซึ่งกันและกัน การจัดการกับพฤติกรรมของซาแซงแฟนในโซเชียลมีเดียเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่ปลอดภัยและน่าอยู่สำหรับผู้ใช้ทุกคน จะช่วยให้แต่ละแพลตฟอร์มได้แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และช่วยลดอิทธิพลด้านลบของซาแซงแฟนได้อย่างยั่งยืน
- บทบาทของหน่วยงานกำกับดูแลกฎหมาย
เมื่อไม่มีกฎหมาย การที่บุคคลใดจะเข้าไปติดตาม คอยเฝ้าดู ก็จึงไม่มีความผิด ดังเช่นหลักการที่ว่า ‘ไม่มีความผิด ไม่มีโทษ โดยไม่มีกฎหมาย’“ปัญหาหลักคือเราไม่มีความผิดฐานสตอล์กเกอร์หรือความผิดที่เกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ หรือการคุกคามรูปแบบต่าง ๆ ในประมวลกฎหมายอาญา”[8] เมื่อพิจารณาการบัญญัติกฎหมายเฉพาะสำหรับพฤติกรรมการคุกคาม รุกล้ำความเป็นส่วนตัว ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมาย “การสะกดรอยตาม” (Stalking) โดยเฉพาะ ทำให้การเอาผิดพฤติกรรมของซาแซงแฟนที่ติดตาม คุกคาม หรือเฝ้ารอศิลปินซ้ำ ๆ ต้องอาศัยการตีความจากกฎหมายที่มีอยู่ เช่น มาตรา 397 ประมวลกฎหมายอาญา (รังแก ข่มเหง คุกคาม ทำให้เดือดร้อนรำคาญ) ซึ่งมีโทษปรับสถานเดียว หรือจำคุกเพียงเล็กน้อย ทำให้ผู้กระทำผิดไม่เกรงกลัวเท่าที่ควร[9]
การชื่นชมหรือแสดงความรักต่อคนดังที่เราชื่นชอบถือเป็นเรื่องปกติ แต่การตระหนักถึงขอบเขตของความเป็นบุคคลสาธารณะ และการเคารพสิทธิส่วนบุคคล ถือเป็นเรื่องสำคัญในการรักษาสมดุล และทำให้การสนับสนุนศิลปินเป็นไปในทิศทางที่สร้างสรรค์
[1] ถอดจากบทสัมภาษณ์ซาแซงแฟน ในสารคดี In Deep Look of Sasaeng Life โดย Park, Park and Yang 2012 อ้างอิงใน “Sasaengpaen” or K-pop Fan? Singapore Youths, Authentic Identities, and Asian Media Fandom โดย J. Patrick Williams and Samantha Xiang Xin Ho (2016) https://www.researchgate.net/publication/283238100_Sasaengpaen_or_K-pop_Fan_Singapore_Youths_Authentic_Identities_and_Asian_Media_Fandom
[2] ซาแซงบุกบ้าน! “จองกุก” BTS หลังจากออกจากกรมไม่กี่ชั่วโมง https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%87/250558
[3] หลิง-ออม ส่งตัวแทนแจ้งความซาแซงคุกคามบุกบ้าน-คอนโด ก่อนรู้ความจริงถึงคนให้ข้อมูลhttps://www.thairath.co.th/entertain/news/2863773
[4] “คลั่ง” จนคุกคาม เปิดพฤติกรรม “ซาแซง” ตัวการทำร้ายศิลปิน https://www.thaipbs.or.th/news/content/348318
[5] ความสัมพันธ์ของความคลั่งไคล้ศิลปิน การเห็นคุณค่าในตนเอง การเผชิญปัญหาและความสุขเชิงอัตวิสัยของแฟนคลับเยาวชน” โดย ศิรินทร์ ตันติเมธ (2559) http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/55117
[6] เบ็คกี้ ห่วง ฟรีน ถูกซาแซงจู่โจมประชิดตัว ลั่น! รักมากก็ไม่ควรทำแบบนี้ https://www.youtube.com/watch?v=rH6CGfDfPbc
[7] “คิมแจจุง” เผยประสบการณ์ ตื่นมาเจอซาแซงแฟนนอนบนเตียงกำลังขโมยจูบ https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000062294
[8] เมื่อไทยไม่มีกฎหมายสตอล์กเกอร์: ฟังอาจารย์ นิติ มธ.อธิบายปัญหา หลัง ‘มินตัน’ ยังคงถูกคุกคาม https://thematter.co/brief/211781/211781
[9] นักอาชญาวิทยา เผย “ซาแซงแฟน” เข้าข่ายเป็นโรคจิตหลงผิด https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/240888
ความเห็นล่าสุด