เลือกหน้า

ซาแซงแฟน: เมื่อสื่อมีส่วนทำให้ความรัก ข้ามเส้นเป็นภัยคุกคาม

ในโลกยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีการสื่อสารก้าวล้ำไปอย่างไม่หยุดยั้ง “สื่อ” มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อวิถีชีวิตของผู้คนในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของวงการบันเทิงและวัฒนธรรมแฟนคลับ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นช่องทางในการเผยแพร่ผลงานของศิลปิน แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ทรงอิทธิพลในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินและแฟนคลับให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น แต่กลับกันในความใกล้ชิดมีเส้นบาง ๆ กั้นระหว่างความรักและการคุกคาม ปรากฏการณ์นี้เป็นที่รู้จักในนาม “ซาแซงแฟน” (Sasaeng Fan) ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของศิลปิน

  1. Patrick Williams and Samantha Xiang Xin Ho (2016) พบว่า การเป็นซาแซงของแฟนคลับบางคน คือการให้ศิลปินจดจำเราได้ ฉันรู้สึกเหมือนได้รู้จักไอดอลที่ฉันรักมากขึ้นและใกล้ชิดมากขึ้น ถ้าฉันไปคอนเสิร์ตก็จะมีคนมาชมเป็นพัน ๆ คน ไอดอลก็จะไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร แต่ถ้าฉันกลายเป็นซาแซง พวกเขาจะจำฉันได้ ถ้าฉันบอกพวกเขาซ้ำ ๆ ว่า ฉันคือคนนั้นคนนี้ ฉันเคยเห็นคุณที่นั่นมาก่อน ฉันคือคนนั้นคนนี้พวกเขาจะเริ่มสังเกตเห็นฉันและถามว่า คุณมาอีกไหมวันนี้‘” สำหรับซาแซงแฟน การที่ไอดอลจำฉันได้ถือเป็นเรื่องดี [1]

ตัวอย่างเช่นกรณี จองกุก (Jung-kook) สมาชิกวง BTS ถูกหญิงสาวที่อ้างตนเองว่าเป็นแฟนคลับบุกถึงที่พัก เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเขาปลดประจำการ โดยทางตำรวจเผยว่าหญิงสาวชาวจีนวัย 30 ปีรายนี้ถูกพบเห็นกำลังกดตัวเลขสุ่มบนกุญแจรหัสนอกอพาร์ตเมนต์ของจองกุกในกรุงโซล[2]

ซาแซงแฟนไม่ได้มีเฉพาะในอุตสาหกรรมบันเทิง K-POP ของเกาหลีใต้เท่านั้น แต่ยังแพร่หลายไปทั่วโลกล่าสุดประเทศไทยก็มีประเด็นที่ศิลปินถูกแฟนคลับคุกคามคือ หลิงหลิง คอง และ ออม กรณ์นภัส ซึ่งถูกแฟนคลับคุกคามจนต้องออกมาแจ้งความ เนื่องจากถูกกลุ่มซาแซงคุกคามและแอบติดตามไปที่บ้านและคอนโด ขึ้นไปถ่ายภาพรถยนต์ส่วนตัวและเฝ้าอยู่หน้าที่พักของดาราสาวทั้งวันทั้งคืน โดยมีการแอบว่าจ้างคนขับรถให้บอกกิจกรรมตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่อและเทคโนโลการสื่อสารมีส่วนสำคัญในการหนุนเสริมพฤติกรรมดังกล่าว โดยพบว่าแฟนกลุ่มนี้มีการตั้งกลุ่มไลน์แลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวของดาราสาว พร้อมถ้อยคำใส่ร้ายไปในทางเสื่อมเสีย[3]

 

ซาแซงแฟนคือใคร? แล้วพฤติกรรมแบบไหนที่บอกว่านี่คือ ซาแซงแฟน

คำว่า “ซาแซงแฟน” (사생팬) มาจากวงการบันเทิงเกาหลีใต้ โดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า “ซาแซงฮวาล” (사생활) แปลว่า ชีวิตส่วนตัว หรือ ความเป็นส่วนตัว และ “แฟน” (팬) ที่หมายถึงผู้สนับสนุนหรือติดตามศิลปิน[4] จึงเป็นคำศัพท์ที่แพร่หลายในการเรียกเรียกกลุ่มแฟนคลับที่มีพฤติกรรมคุกคามชีวิตส่วนตัวศิลปิน หรือบางครั้งอาจนำไปสู่เหตุการความรุนแรงที่เข้าข่ายอาชญากรรม

จุดเปลี่ยนพฤติกรรมของแฟนคลับเปลี่ยนจาก “คลั่งไคล้” เป็น “ซาแซงแฟน” คือเมื่อแฟนคลับละเมิดพื้นที่ส่วนตัว และทำให้ศิลปินรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือถูกคุกคาม ไม่ใช่แค่การชื่นชมศิลปินจากระยะไกล หรือการสนับสนุนผ่านงานโปรโมตตามปกติ ศิรินทร์ ตันติเมธ (2559) ได้แบ่งรูปแบบของการคลั่งไคล้ศิลปิน มี 3 รูปแบบ คือ ระดับสนใจใคร่รู้เพื่อความบันเทิงและเสพติด ระดับเข้มข้นผูกพันยึดติด และระดับคลั่งไคล้รุนแรง ผู้ที่มีความคลั่งไคล้ศิลปินจะมีความรู้สึกผูกพันใกล้ชิด สนิทสนมกับศิลปินที่ชื่นชอบ เป็นลักษณะหนึ่งของการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกึ่งความจริงความคิดและความเชื่อที่หลุดโลก อาจมีอาการหลงผิดว่าศิลปินรักตอบ (Erotomania) และพร้อมที่จะทำทุกอย่างแม้เป็นเรื่องผิดกฎหมายเพื่อให้ได้ใกล้ชิด ซาแซงแฟนมักจัดอยู่ในระดับที่สองและสาม พวกเขามองว่าการกระทำของตนคือภารกิจ คือการแสดงความรักที่เหนือกว่าแฟนคลับทั่วไป และไม่ตระหนักว่าพฤติกรรมของตนคือการคุกคาม[5]

 

พฤติกรรมเหล่านี้สร้างผลกระทบอย่างไรบ้าง?  

หนูตกใจมาก รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องค่ะ ไม่ควรทำแบบนี้และไม่ควรทำศิลปินคนไหนเลย คนที่กลัวเขาก็กลัวไปเลยนะ มันไม่โอเค เราอยู่กับแฟนคลับแบบน่ารักมาก ๆ แบบครอบครัว เลยไม่อยากให้ทำแบบนี้กับใคร ไม่ว่าจะเลิฟมาก ๆ ก็ไม่ควรทำ หรือไม่ว่าจะเป็นไม่ชอบคนคนนึงก็ไม่ควรทำ [6] ส่วนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ของเบ็คกี้ รีเบคก้า ในกรณี ฟรีน สโรชา คู่จิ้น ที่ถูกแฟนคลับรายหนึ่งจู่โจมประชิดตัว 

พฤติกรรมซาแซงแฟนไม่เพียงสร้างความเดือดร้อน ทั้งในแง่ความเป็นส่วนตัว ความรู้สึกไม่ปลอดภัย และสภาพจิตใจของศิลปินเท่านั้น แต่ในบางกรณีอาจนำไปสู่การกระทำที่ผิดกฎหมายและเป็นอันตราย ดังนี้

  • สุขภาพจิตและร่างกายย่ำแย่ ศิลปินต้องเผชิญกับความเครียด ความวิตกกังวล และความหวาดระแวงจากการถูกติดตาม คุกคาม และไม่มีความเป็นส่วนตัวตลอดเวลา ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้า หรือโรคทางจิตอื่น ๆ บางรายถึงขั้นถูกทำร้ายร่างกาย
  • ชีวิตส่วนตัวถูกละเมิด ข้อมูลส่วนตัว เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือตารางงานส่วนตัวถูกเผยแพร่ ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข
  • ความสัมพันธ์ส่วนตัวเสียหาย พฤติกรรมของซาแซงแฟนอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือคนรัก ทำให้เกิดความไม่สบายใจและเป็นห่วง

พฤติกรรมของซาแซงแฟนจึงไม่ได้เป็นเพียงปัญหาสำหรับตัวศิลปินเท่านั้น แต่ยังสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของวงการบันเทิง สร้างความแตกแยกในหมู่แฟนคลับ และส่งผลกระทบด้านความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของผู้คนรอบข้างด้วย ซึ่งปัญหานี้เป็นสิ่งที่วงการบันเทิงทั่วโลกต้องให้ความสำคัญและหาทางแก้ไขอย่างจริงจัง 

 

เมื่อสื่อถูกใช้เป็นเครื่องมือให้พฤติกรรมซาแซงรุนแรงมากยิ่งขึ้น

ก่อนโซเชียลมีเดียจะกลายเป็นที่นิยม สื่อกระแสหลักอย่างรายการโทรทัศน์หรือสำนักข่าวก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ข้อมูลส่วนตัวของศิลปินเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ เช่น การเสนอข่าวการซื้อที่พักอาศัยของศิลปิน รายการวาไรตี้แนวเปิดบ้านศิลปิน โดยระบุย่านที่พักอาศัยและสถานที่ใกล้เคียง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เหล่าซาแซงแฟนเองสามารถระบุพิกัดบ้านพักของศิลปินได้ง่ายขึ้น

และเมื่อเทคโนโลยีการสื่อสารได้พัฒนาจนคนทั่วไปสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลสื่อสารกันได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องผ่านสื่อกระแสหลัก โซเชียลมีเดียได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายพฤติกรรมของ”ซาแซงแฟน” ในการติดตามศิลปิน ซึ่งนำไปสู่พฤติกรรมที่ล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวและสร้างความเดือดร้อนให้กับศิลปินมากขึ้น โดยการพื้นที่ให้เกิดการสื่อสาร รวมกลุ่ม และสร้างเครือข่ายของซาแซงแฟนในโลกออนไลน์ได้ “ง่ายและเป็นระบบเช่น การสร้างชุมชนออนไลน์ หรือกลุ่มแชทลับ ขึ้นมาเพื่อแบ่งปันข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับศิลปิน วางแผน รวมกลุ่มกันเพื่อการติดตามศิลปินนอกเหนือตารางงานอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะเป็นการดักรอตามสถานที่ต่าง ๆ หรือการบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว การแอบบันทึกภาพและวิดีโอส่วนตัวของศิลปินแล้วนำมาเผยแพร่ต่อ กระทั่งการซื้อขายข้อมูลเกี่ยวกับศิลปิน ผ่านเครือข่ายโซเชียลมีเดีย

สื่อจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดการขยายพฤติกรรมความรัก ความหลงใหล ให้กลายเป็นความรุนแรง ของซาแซงแฟน ซึ่งอาจนำไปสู่พฤติกรรมการลอกเลียนแบบแฟนคลับคนอื่น ๆ เพียงเพื่อต้องการได้เข้าถึง ได้ใกล้ชิดกับศิลปินในลักษณะเดียวกัน หรืออาจเพียงเพราะต้องการเป็นที่รู้จักและยอมรับในกลุ่มซาแซงแฟนด้วยกัน

สื่อและโซเชียลมีเดียจึงกลายเป็นดาบสองคมที่สามารถใช้เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินกับแฟนคลับ แต่ก็อาจถูกใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร สร้าง และขยายอิทธิพลของกลุ่มซาแซงแฟนที่ทำลายบรรยากาศที่ดีระหว่างศิลปินและแฟนคลับทั่วไป ได้ในขณะเดียวกัน  

 

หนทางสู่การรณรงค์ ป้องกัน ลดพฤติกรรมแบบซาแซงแฟน

 “มันไม่ใช่แค่จับมือเฉย ๆ นะครับ มันมีจูบด้วย”[7] กรณีของ คิมแจจุง ที่เปิดเผยเรื่องที่ตนเจอซาแซงแฟน เจ้าตัวได้เล่าว่าในเวลานั้นเขาตื่นมาเจอซาแซงแฟนกำลังนั่งจับมือเขา

ซึ่งพฤติกรรมของซาแซงแฟนนั้นมีหลากหลายระดับความรุนแรง ตั้งแต่การติดตามอย่างใกล้ชิด การแอบถ่ายรูป การหาข้อมูลส่วนตัว ไปจนถึงขั้นรุนแรงที่ผิดกฎหมายและเป็นอาชญากรรม เช่น การบุกรุกเคหสถาน การคุกคาม ข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย ฉะนั้นการรณรงค์เพื่อลดพฤติกรรมความรุนแรงของซาแซงแฟนจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย เช่น

  • บทบาทของแฟนคลับ

            เมื่อแฟนคลับเองเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดในการสร้างระบบแฟนคลับที่ดี แฟนคลับไม่ใช่ “ผู้บริโภค” อย่างเดียว แต่เป็น “ผู้มีบทบาทกำหนดวัฒนธรรม” ด้วย เมื่อเรารักและชื่นชมผลงานศิลปิน การสนับสนุนศิลปินในทางที่ถูกต้องก็เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ศิลปินสร้างผลงานดี ๆ ต่อไปได้ในอนาคต ฉะนั้นแฟนคลับเองก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการเริ่มต้นให้ซาแซงแฟนหายไปจากระบบแฟนคลับได้ โดยการไม่สนับสนุนการได้ข้อมูลส่วนตัวของศิลปินมาอย่างผิดวิธี การไม่สนับสนุนเพิ่มการเข้าถึงเนื้อหารูปภาพ หรือวิดีโอที่มาจากการแอบถ่าย และการไม่เข้าร่วมตารางงานอย่างไม่เป็นทางการของศิลปิน ไม่ส่งเสริมพฤติกรรมของซาแซงแฟนว่าเป็นวิถีปกติ และสร้างพื้นที่ที่เคารพซึ่งกันและกันระหว่างศิลปินและแฟนคลับ

  • บทบาทของสื่อ

            สื่อไม่ควรนำเสนอเนื้อหาที่เจาะลึกถึงข้อมูลความเป็นส่วนตัวของไอดอล หรือศิลปิน จนเกินขอบเขต ซึ่งนอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลแล้ว ยังอาจสุ่มเสี่ยงต่อการถูกนำไปใช้เป็นข้อมูลของกลุ่มซาแซงแฟนในการสะกดรอยตามศิลปิน  ในขณะที่สื่อบางรายนำเสนอภาพถ่ายหรือวิดีโอที่ได้มาจากซาแซงแฟนไปแอบถ่ายศิลปินในพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งอาจนำไปสู่พฤติกรรมเลียนแบบ และไม่ควรนำเสนอข่าวการรุกล้ำความเป็นส่วนของศิลปินว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ

  • บทบาทของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

ควรมีกลไกตรวจสอบและลบเนื้อหาที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวโดยเฉพาะ ยกระดับ “นโยบายชุมชน” ให้ครอบคลุมการคุกคามศิลปิน และเนื้อหาการสร้างความเกลียดชัง การแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ผิดกฎหมาย การสร้างความตระหนักรู้และการกำหนดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนในการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องศิลปินและสร้างวัฒนธรรมแฟนคลับที่เคารพซึ่งกันและกัน การจัดการกับพฤติกรรมของซาแซงแฟนในโซเชียลมีเดียเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่ปลอดภัยและน่าอยู่สำหรับผู้ใช้ทุกคน จะช่วยให้แต่ละแพลตฟอร์มได้แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และช่วยลดอิทธิพลด้านลบของซาแซงแฟนได้อย่างยั่งยืน

  • บทบาทของหน่วยงานกำกับดูแลกฎหมาย

             เมื่อไม่มีกฎหมาย การที่บุคคลใดจะเข้าไปติดตาม คอยเฝ้าดู ก็จึงไม่มีความผิด ดังเช่นหลักการที่ว่า ‘ไม่มีความผิด ไม่มีโทษ โดยไม่มีกฎหมาย’“ปัญหาหลักคือเราไม่มีความผิดฐานสตอล์กเกอร์หรือความผิดที่เกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ หรือการคุกคามรูปแบบต่าง ๆ ในประมวลกฎหมายอาญา”[8] เมื่อพิจารณาการบัญญัติกฎหมายเฉพาะสำหรับพฤติกรรมการคุกคาม รุกล้ำความเป็นส่วนตัว ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมาย “การสะกดรอยตาม” (Stalking) โดยเฉพาะ ทำให้การเอาผิดพฤติกรรมของซาแซงแฟนที่ติดตาม คุกคาม หรือเฝ้ารอศิลปินซ้ำ ๆ ต้องอาศัยการตีความจากกฎหมายที่มีอยู่ เช่น มาตรา 397 ประมวลกฎหมายอาญา (รังแก ข่มเหง คุกคาม ทำให้เดือดร้อนรำคาญ) ซึ่งมีโทษปรับสถานเดียว หรือจำคุกเพียงเล็กน้อย ทำให้ผู้กระทำผิดไม่เกรงกลัวเท่าที่ควร[9]

การชื่นชมหรือแสดงความรักต่อคนดังที่เราชื่นชอบถือเป็นเรื่องปกติ แต่การตระหนักถึงขอบเขตของความเป็นบุคคลสาธารณะ และการเคารพสิทธิส่วนบุคคล ถือเป็นเรื่องสำคัญในการรักษาสมดุล และทำให้การสนับสนุนศิลปินเป็นไปในทิศทางที่สร้างสรรค์

 

[1]  ถอดจากบทสัมภาษณ์ซาแซงแฟน ในสารคดี In Deep Look of Sasaeng Life โดย Park, Park and Yang  2012  อ้างอิงใน “Sasaengpaen” or K-pop Fan? Singapore Youths, Authentic Identities, and Asian Media Fandom โดย J. Patrick Williams and Samantha Xiang Xin Ho (2016) https://www.researchgate.net/publication/283238100_Sasaengpaen_or_K-pop_Fan_Singapore_Youths_Authentic_Identities_and_Asian_Media_Fandom

[2] ซาแซงบุกบ้าน! “จองกุก” BTS หลังจากออกจากกรมไม่กี่ชั่วโมง https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%87/250558

[3] หลิง-ออม ส่งตัวแทนแจ้งความซาแซงคุกคามบุกบ้าน-คอนโด ก่อนรู้ความจริงถึงคนให้ข้อมูลhttps://www.thairath.co.th/entertain/news/2863773

[4]คลั่ง” จนคุกคาม เปิดพฤติกรรม “ซาแซง” ตัวการทำร้ายศิลปิน https://www.thaipbs.or.th/news/content/348318

[5] ความสัมพันธ์ของความคลั่งไคล้ศิลปิน การเห็นคุณค่าในตนเอง การเผชิญปัญหาและความสุขเชิงอัตวิสัยของแฟนคลับเยาวชน” โดย ศิรินทร์ ตันติเมธ (2559)  http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/55117

[6] เบ็คกี้ ห่วง ฟรีน ถูกซาแซงจู่โจมประชิดตัว ลั่น! รักมากก็ไม่ควรทำแบบนี้ https://www.youtube.com/watch?v=rH6CGfDfPbc

[7]คิมแจจุง” เผยประสบการณ์ ตื่นมาเจอซาแซงแฟนนอนบนเตียงกำลังขโมยจูบ https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000062294

[8] เมื่อไทยไม่มีกฎหมายสตอล์กเกอร์: ฟังอาจารย์ นิติ มธ.อธิบายปัญหา หลัง ‘มินตัน’ ยังคงถูกคุกคาม https://thematter.co/brief/211781/211781

[9] นักอาชญาวิทยา เผย “ซาแซงแฟน” เข้าข่ายเป็นโรคจิตหลงผิด https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/240888

“อุตสาหกรรมสื่ออาเซียน-จีน 2025” ยกระดับความร่วมมือจัดพิธีลงนาม MOU พร้อมเดินหน้าส่งเสริมการลงทุนด้านสื่อโสตทัศน์

การประชุมความร่วมมืออุตสาหกรรมสื่ออาเซียน-จีน 2025 (ASEAN-China Audio-visual Industry Cooperation Conference 2025) อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่จัดขึ้นใงานสัปดาห์สื่ออาเซียน-จีน ครั้งที่ 7 (The 7th ASEAN-China Media Week) จัดโดย สำนักงานวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติจีน (NRTA), รัฐบาลเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน กระทรวงวัฒนธรรม และกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยได้รับเกียรติจาก นางรักชนก โคจรานนท์ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม  นายต่ง ซิน (Mr.Dong Xin) รองผู้อำนวยการสำนักงานวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติจีน นายหู ฟาน (Mr.Hu Fan) รองประธานเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง และ ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พร้อมแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนจากประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 ณ ห้อง Ballroom 1 ชั้น 2 โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพ กรุงเทพมหานคร

งานประชุมครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างหน่วยงานด้านสื่ออาเซียน-จีน โดยจัดให้มีพิธีลงนามความร่วมมืออุตสาหกรรมสื่ออาเซียน-จีน หลากหลายโครงการ ประกอบด้วย

การลงนาม Letter of Exchange ความร่วมมือการจัดงานสัปดาห์สื่ออาเซียน-จีน ระหว่างสำนักเลขาธิการคณะกรรมการจัดงานสัปดาห์สื่ออาเซียน-จีน กับ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

  1. การลงนาม Letter of Exchange ความร่วมมือ ระหว่าง ศูนย์สื่อสารข้ามทวีปแห่งประเทศจีน (China Intercontinental Communication Center: CICC) กับ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
  2. ข้อตกลงการผลิตซีรีส์สั้นออนไลน์ในประเทศไทย ระหว่าง Guangxi Shanhai Xingchen Culture Media Co., Ltd. กับ บริษัท MY Creation Studio จำกัด ของประเทศไทย
  3. การลงนามความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ ระหว่าง Nanyang Bridge Media กับ Hainan Sansha TV
  4. กรอบความร่วมมือด้านธุรกิจ “Hi View” ระหว่าง Guangxi Yaoxiang Cultural Communication Co., Ltd. กับ Medusa International Media Co.,Ltd ของประเทศไทย
  5. การลงนามข้อตกลงการจัดตั้งฐานพัฒนาบุคลากรด้านภาษาอาเซียน ระหว่างบริษัท Innoed Group Limited และโรงเรียนสอนภาษา ZTT Language School
  6. ข้อตกลงลงทุนผลิตซีรีส์ข้ามพรมแดน เรื่อง “Sawadika-Thai Destiny” ระหว่างสถานีวิทยุและโทรทัศน์กว่างซี กับ Thai Cool Films International Co., Ltd.
  7. ข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาโซลูชันภาพและเสียงแบบเฉพาะทาง สำหรับตลาดภาครัฐและภาคเอกชนอินโดนีเซีย ระหว่างบริษัท Coocaa Network Technology จำกัด กลุ่มบริษัท Skyworth และสถาบัน Gantala ประเทศอินโดนีเซีย
  8. ข้อตกลงฝึกอบรมนวัตกรรมด้านสื่อ AI ระหว่างมหาวิทยาลัย Guangxi Normal University กับ เครือข่ายเยาวชน Seed Thailand ภายใต้มูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม

ภายในงาน ยังมีการแนะนำโครงการส่งเสริมการลงทุนและความร่วมมือด้านสื่อโสตทัศน์อาเซียน-จีน ต่างๆ อาทิ แพลตฟอร์ม AI “Kling” โดย คุณหลิว เจิ้น, รองประธาน บริษัท Beijing Kuaishou Technology จำกัด, “สารคดีฝีมือคนไทย โอกาสและความร่วมมือในภูมิภาคสู่ตลาดโลก” โดย คุณชนินทร์ ชมะโชติ นายกสมาคมการค้าผู้ผลิตภาพยนตร์สารคดีไทย, การเปิดตัวซีรีส์เรื่อง “สามสิบเพิ่งเริ่มต้น” (The Thirsty Thirty) เวอร์ชั่นภาษาไทย โดย คุณลู่ อวี่, ผู้จัดการทั่วไป บริษัท Linmon Media International จำกัด, “การพัฒนาแพลตฟอร์มและการผลิตเนื้อหาเชิงสร้างสรรค์” โดย Mr. Rolan Lee Chee Seng, Director for Chinese Content Production, Astro Malaysia Holdings, การแนะนำ “แพลตฟอร์มละครสั้นและแอปพลิเคชันทางวัฒนธรรมในต่างประเทศ” โดย คุณโจว เผยจิน ประธานบริษัท Guangxi Shanhai Group, “ร่วมกันสร้างยุคใหม่แห่งสื่อภาพและเสียง ความร่วมมือและนวัตกรรมระดับนานาชาติของ Tero Entertainment” โดย Mr. Wang Zhenwei, Content Manager, Tero Entertainment, “ความร่วมมือเพื่อการผลิตสื่่อท้องถิ่นไทยอย่างสร้างสรรค์” โดย คุณกฤติกา เกลี้ยงกลม กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิดซน พลัส จำกัด เป็นต้น

นางรัชนก โคจรานนท์ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า งานที่จัดขึ้นครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงความร่วมมือพัฒนาด้านสื่อในไทย อาเซียนและจีน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมสื่อให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยรัฐบาลไทยได้สนับสนุนการเข้ามาถ่ายทำภาพยนต์จากต่างประเทศ ด้วยมาตรการส่งเสริมในหลายด้าน ตลอดจนแสวงหาความร่วมมือจากทั้งในและต่างประเทศเพื่อผลักดันผลงานของคนไทยออกไปสู่เวทีระดับโลก โดยเฉพาะในจีนก็มีการขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้ความร่วมมือหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ที่มีส่วนช่วยทำให้ภาพยนต์ไทยได้รับความสนใจจากหลายประเทศ นอกจากนี้ อีกหนึ่งบทบาทที่สำคัญคือการสนับสนุนเยาวชนรุ่นใหม่ให้เข้ามาสู่อุตสาหกรรมสื่อมากขึ้น การประชุมในครั้งนี้ จึงถือเป็นเวลาที่ทรงคุณค่าที่ทุกฝ่ายได้ร่วมกันเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน โดยกระทรวงวัฒนธรรมมีความพร้อมที่จะร่วมมือ ประสานงาน สนับสนุน ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันให้มีความก้าวหน้าต่อไป

นายต่ง ซิน (Mr.Dong Xin) รองผู้อำนวยการสำนักงานวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติจีน กล่าวว่า จีนและประเทศอาเซียนได้ร่วมกันผลิตรายการคุณภาพหลายเรื่องที่ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยเน้นการบอกเล่าเรื่องราวมิตรภาพจีน-อาเซียน และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือในด้านสื่อใหม่ ซีรีส์สั้น ฯลฯ สะท้อนจากการร่วมลงนามความร่วมมือในหลากหลายโครงการ ภายในงานประชุมครั้งนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผลิตเนื้อหา ความร่วมมือด้านรายการ การพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ที่สะท้อนถึงพลังความร่วมมือที่สดใสของอุตสาหกรรมวิทยุโทรทัศน์จีน-อาเซียน ทั้งนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ความร่วมมือระหว่างจีน-อาเซียน ในด้านวิทยุโทรทัศน์มีพื้นฐานที่ดี และ “นวัตกรรม” คือกุญแจสำคัญในการผลักดันให้ความร่วมมือดำเนินไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยหวังว่าจากนี้จะเห็นถึงการสานต่อและขยายความร่วมมืออย่างรอบด้านกับประเทศไทยและประเทศอาเซียนอื่นๆ ในด้านเนื้อหา ลิขสิทธิ์ เทคโนโลยี บริการ และบุคลากร โดยใช้นวัตกรรมเป็นแรงผลักดันสู่การพัฒนาคุณภาพที่สูงขึ้น และร่วมกันสร้างแบบอย่างใหม่แห่งความร่วมมือในยุคดิจิทัล

นายหู ฟาน (Mr.Hu Fan) รองประธานเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง กล่าวว่า กว่างซีเป็นผืนดินแห่งชีวิตชีวาและโอกาส พร้อมเปิดกว้างมากขึ้นในการสร้างความร่วมมือแบบรอบด้านกับประเทศอาเซียน เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการสร้างประชาคมอาเซียน-จีน ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยพร้อมแลกเปลี่ยน ลงทุน และร่วมพัฒนาไปด้วยกัน โดยหวังว่าจะใช้โอกาสจากการประชุมครั้งนี้ ในการยกระดับความร่วมมือ ร่วมคิด ร่วมแบ่งปันโอกาส เพื่อสร้างบทใหม่แห่งความร่วมมือในอุตสาหกรรมภาพและเสียงอาเซียน-จีน ที่งดงามยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า ความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรทั้งจากอาเซียนและจีนในการส่งเสริมและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใน

ด้านสื่อภาพยนตร์ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมความเข้าใจระหว่างวัฒนธรรม การแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์และการสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการร่วมมือด้านสื่อสารมวลชน สื่อต่างๆ โดยเฉพาะภาพยนตร์เป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อผู้ชมทั่วโลก ซึ่งการพัฒนาความร่วมมือในด้านนี้ จะนำมาซึ่งโอกาสในการเสริมสร้างความเข้าใจ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ  รวมถึงการขับเคลื่อนนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ สู่ความร่วมมือที่ยั่งยืนในอนาคต

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ขอแสดงความยินดีกับผลงาน ที่ได้รับรางวัล Thailand Moral Awards 2024

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ขอแสดงความยินดีกับผลงาน
ที่ได้รับรางวัล Thailand Moral Awards 2024

ประเภทสื่อสาขาภาพยนตร์ รางวัลชมเชย ได้แก่
ภาพยนตร์มหัศจรรย์เมล็ดพันธุ์เหนือมิติ

ประเภทสื่อสาขารายการโทรทัศน์ ได้แก่
1. รางวัลรองรองชนะเลิศอันดับ 1 “รายการเรื่องเล่าจากปลายด้ามขวาน” EP.4 ตอน รสชาติแห่งพหุวัฒนธรรม “Diversity of Flavors”
2. รางวัลชมเชย รายการ ผู้ปิดทองหลังชายแดน EP.2 ตอน ‘หมอโบว์’ ชนัญญา กาญจนสาขา หญิงแกร่งผู้ต่อ ‘ลมหายใจ’ สัตว์ป่า
3. รางวัลชมเชย รายการ ช่างไทย สืบสานงานศิลป์แผ่นดินไทย ซีซั่น 2 ตอน ช่างตีทองคำเปลว Gold Leaf Maker

ประเภทสื่อสาขาสื่อดิจิทัล รางวัลชมเชย ได้แก่
คลิปวิดีโอละครเวทีเพื่อการศึกษา สําหรับเด็กพิการทางการเห็น “ลูกเป็ดผจญภัย”

สามารถรับชมผลงานได้ที่
– ภาพยนตร์มหัศจรรย์เมล็ดพันธุ์เหนือมิติ
https://www.youtube.com/watch?v=ZoO_p3hxi90&t=4s
– เรื่องเล่าจากปลายด้ามขวาน ตอนที่ 4 รสชาติแห่งพหุวัฒนธรรม “Diversity of Flavors”
https://www.youtube.com/watch?v=sJDxnFlswQA…
– ผู้ปิดทองหลังชายแดน EP.2 ตอน ‘หมอโบว์’ ชนัญญา กาญจนสาขา หญิงแกร่งผู้ต่อ ‘ลมหายใจ’ สัตว์ป่า
https://youtu.be/AiLhBgdy3VA?si=BFtwH3TOhSd6C8Wb
– ช่างไทย สืบสานงานศิลป์แผ่นดินไทย ซีซั่น 2 ตอน ช่างตีทองคำเปลว Gold Leaf Maker
https://youtu.be/1cKuEMA8oZQ?si=-zfXEwiEHAU4PJmO
– ลูกเป็ดผจญภัย
https://www.youtube.com/watch?v=3B2ATXxglDo

“From Seed to Growth” กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จุดประกายนักสร้างสรรค์ พัฒนาสื่อเพื่อเด็กปฐมวัยไทย

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (Thai Media Fund) จัดงาน “From Seed to Growth” สร้างสรรค์สื่อ สร้างอนาคตเด็กไทย โครงการเวทีสร้างการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิตสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย เพื่อติดอาวุธความรู้และทักษะการผลิตสื่อคุณภาพสูงสำหรับเด็กวัย 0 – 6 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยสำคัญแห่งพัฒนาการ โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 – 25 กรกฎาคม 2568 ณ ลานสานฝัน และ Learning Auditorium TK Park ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างสรรค์สื่อสำหรับเด็กปฐมวัย ที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างพัฒนาการรอบด้านของเด็กในวัยสำคัญนี้
จากข้อมูลของ Media Alert ประเทศไทยยังคงขาดสื่อประเภทรายการสำหรับเด็กเล็กที่มีคุณภาพ ทั้งในด้านรูปแบบและเนื้อหา เนื่องจากข้อจำกัดด้านความละเอียดอ่อนทั้งทางเทคนิคและเนื้อหาในการผลิตสื่อประเภทนี้

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิตสื่อสำหรับเด็กปฐมวัยในประเทศไทย ด้วยการสนับสนุนการทำงานเชิงวิชาการผ่านการจัดกิจกรรมร่วมกับหน่วยงานประเทศอินเดีย และประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ผลิตสื่อด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้ และสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่สามารถสนับสนุนทักษะการผลิต ตลอดจนการคิดสร้างสรรค์เนื้อหาที่เหมาะสมกับเด็กไทย เพื่อให้เกิดสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัยในประเทศไทย อันเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างทรัพยากรของประเทศผ่านสื่อที่มีคุณภาพสอดคล้องกับพัฒนาการในกิจกรรมต่อไป

ภายในงาน “From Seed to Growth” สร้างสรรค์สื่อ สร้างอนาคตเด็กไทย
มีนิทรรศการการสนับสนุนสื่อสำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว โดยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์, นิทรรศการ
Sesame Workshop India, นิทรรศการการออกแบบพื้นที่การเรียนรู้ผ่านการเล่นและหนังสือภาพสำหรับเด็กจากประเทศญี่ปุ่น โดยมีรายละเอียดกิจกรรมที่น่าสนใจตลอด 3 วัน ดังนี้ 

   

เวทีสร้างการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิตสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย (เสวนา)

วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.30 – 16.00 น.         

  • Keynote Speech “การสนับสนุนสื่อสำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว
    ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์” โดย ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
  • Sharing Experience “From Play to Plearn (Play+Learn): จากความบันเทิงสู่เครื่องมือการเรียนรู้สำหรับเด็ก” โดย Sesame Workshop India และผู้เชี่ยวชาญสื่อเด็กประเทศไทย
  • Sharing Experience: “From Ground to Growth – พื้นที่การเรียนรู้ผ่านการเล่นและหนังสือ” โดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศญี่ปุ่น และมูลนิธิเมล็ดฝัน

อบรมเชิงปฏิบัติการ Media Thinking: เรียนรู้กระบวนการคิดและออกแบบสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย โดย Sesame Workshop India (รับจำนวนจำกัดไม่เกิน 25 คน)

วันที่ 24 – 25 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 – 18.00 น.   

ลงทะเบียนกิจกรรมที่ต้องการเข้าร่วม

  • เวทีสร้างการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิตสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย (เสวนา)วันที่ 23 กรกฎาคม 2568

ลงทะเบียนเข้าร่วมได้ที่ลิงก์ https://forms.gle/KgjvHVPfGUXQTSVh7

  • อบรมเชิงปฏิบัติการ Media Thinking: เรียนรู้กระบวนการคิดและออกแบบสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย โดย Sesame Workshop India วันที่ 24 – 25 กรกฎาคม 2568 

ลงทะเบียนเข้าร่วมได้ที่ลิงก์ https://forms.gle/BFeLapb76uksYdcZ8

ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมได้มากกว่า 1 กิจกรรม โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมงาน ทั้งนี้ ขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกผู้เข้าร่วมตามที่กองทุนพัฒนาสื่อฯ กำหนด และจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกทางเฟซบุ๊กของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ รวมถึงติดต่อกลับตามข้อมูลที่ระบุในแบบฟอร์ม

ขอเชิญผู้ผลิตสื่อและผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย เพื่อร่วมกันสร้างทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพของประเทศผ่านสื่อที่ปลอดภัย สร้างสรรค์ และสอดคล้องกับพัฒนาการในทุกช่วงวัยติดตามข้อมูลข่าวสารกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก: กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

เปิดเวทีเสวนาความร่วมมือด้านภาพยนตร์จีน–อาเซียน (ประเทศไทย) 2025 ขยายความร่วมมือระหว่างประเทศ ส่งเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมภาพยนตร์

การประชุมเสวนาความร่วมมือด้านภาพยนตร์จีน–อาเซียน (ประเทศไทย) 2025 (2025 China-ASEAN (Thailand) Film Cooperation Dialogue งานประชุมนัดสำคัญที่จัดขึ้นภายในงานสัปดาห์สื่ออาเซียน-จีน ครั้งที่ 7 (The 7th ASEANChina Media Week) จัดโดย สำนักงานวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติจีน (NRTA), รัฐบาลเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน กระทรวงวัฒนธรรม และกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยได้รับเกียรติจาก นายหู ฟาน รองประธานเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประธานเปิดงาน ร่วมด้วย นายอุดม มัตสยะวนิชกูล ผู้อำนวยการกองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ นายสั่ว ย่าปิน ศาสตราจารย์จาก Communication University of China (CUC) พร้อมผู้ร่วมเสวนาในวงการภาพยนตร์ทั้งจากประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 ณ ห้อง Ballroom 2 โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ

นายหู ฟาน รองประธานเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า งานสัปดาห์ภาพยนตร์จีน-อาเซียน (ประเทศไทย) ในปีนี้ นอกจากจัดให้มีการฉายภาพยนตร์จีนและไทยรวม 10 เรื่องแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม เช่น การเสวนาด้านภาพยนตร์เพื่อส่งเสริมคำว่า “จีน-ไทยเป็นครอบครัวเดียวกัน” ให้หยั่งรากลึกในหัวใจของผู้คน พร้อมทั้งเผยแพร่วัฒนธรรมอันดีงาม และเล่าเรื่องจีน-ไทยให้โลกฟัง สู่การยกระดับความร่วมมือด้านภาพยนตร์ระหว่างจีน-ไทย และเสริมพลังให้กับความร่วมมือภาพยนตร์ระหว่างจีนและประเทศอาเซียนในระดับนานาชาติ โดยกว่างซีพร้อมร่วมมือกับประเทศไทยในด้านการผลิตภาพยนตร์ด้วย AI เทคนิคพิเศษ และการแปลบรรยายภาพยนตร์ ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง China-ASEAN Information Port และแพลตฟอร์มฝึกอบรมโมเดล AI พหุภาษา เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในระดับภูมิภาค และเสริมสร้างพลังใหม่ให้กับอุตสาหกรรมวัฒนธรรมของทั้งสองฝ่ายอย่างยั่งยืน 

นายอุดม มัตสยะวนิชกูล ผู้อำนวยการกองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ (TFO Thailand Film Office) กล่าวว่า ประเทศไทยถือว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่กองถ่ายต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำ ด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม และมีทีมงานที่เป็นมืออาชีพ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมกับการอำนวยความสะดวกของภาครัฐ ได้แก่ การส่งเสริมความร่วมมือในการถ่ายทำ โดยไม่มีการจำกัดวงเงินคืนต่อเนื่อง ซึ่งเป็นมาตรการที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ฯลฯ ทำให้วันนี้ไทยมีความพร้อมในการต้อนรับผู้ผลิตภาพยนตร์ชาวต่างชาติให้เข้ามาถ่ายทำ โดยให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยของชาวต่างชาติมาเป็นอันดับหนึ่ง และด้วยศักยภาพและความพร้อมที่มี มั่นใจว่าจะทำให้ผู้ผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศได้รับความพึงพอใจในการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย

ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า การพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนและจีนในด้านนี้ จะนำมาซึ่งโอกาสในการเสริมสร้างความเข้าใจ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ รวมถึงการขับเคลื่อนนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ โดยการประชุมเสวนาครั้งนี้ถือเป็นเวทีสำคัญในการแลกความคิดเห็น ประสบการณ์ระหว่างผู้ทรงคุณวุฒิในวงการภาพยนตร์และสร้างความร่วมมือที่ยั่งยืน และเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างสรรค์ความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและจีนในด้านสื่อภาพยนตร์ โดยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยฯ ซึ่งทำหน้าที่ในการส่งเสริมสนับสนุน รวมถึงให้ทุนในการผลิตสื่อภาพยนตร์ พร้อมเป็นตัวกลางระหว่างผู้ผลิตในจีนที่ต้องการประสานงานผู้ผลิตหรือเอกชนในไทย เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศไทยและจีน สู่การสร้างวัฒนธรรมอันนำมาซึ่งความเข้าใจที่ตรงกัน และยกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ให้เติบโตชึ้น

ภายในงานยังมีเสวนาจากผู้ที่เกียวข้องในวงการภาพยนตร์ทั้งจากประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และขยายความร่วมมือสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์

นายวชิรพงษ์ ปรีชาว่องไวกุล รองเลขาสมาพันธ์สมา​คมภาพยนตร์แห่งชาติ กล่าวว่า สมาพันธ์ฯ ที่มีสมาชิกกว่า 10 สมาคม ดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบและดูแลความสัมพันธ์กับภาครัฐมาโดยตลอด โดย กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม เร็วๆ นี้ได้มีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อดูแลการจัดงานของจีนในประเทศไทย เพื่ออำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น วันนี้โจทย์สำคัญคือทำอย่างไรให้ภาพยนตร์จีนและภาพยนตร์ไทย มีการขยายความร่วมมือกันในด้านต่างๆ มากยิ่งขึ้น หากพิจารณาจากวัฒนธรรมร่วมของคนไทย-คนจีน ทำให้รู้ว่า คอนเทนต์ของ 2 ประทศนี้สามารถสร้างโลกและไปมาหาสู่กันได้ .

นายทศพล ทิพย์ทินกร ผู้เขียนบทมากความสามารถจากค่าย GDH ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากจากภาพยนต์เรื่อง “หลานม่า” กล่าวว่า งานประชุมครั้งนี้เปรียบเหมือนเป็นสภาฯ ให้คนในวงการภาพยนตร์ได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด และองค์ความรู้ระหว่างกัน ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีมาก กรณีภาพยนตร์ไทยเรื่อง “หลานม่า” ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในประเทศจีนนั้น ได้มีโอกาสไปดูการฉายในโรงภาพยนตร์ที่จีน ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ คนจีนดูแล้วเข้าใจเรื่องราวและมีความซาบซึ้งกับเนื้อหา ทั้งยังแสดงความชื่นชมทีมผู้สร้างและทีมงานที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างมาก ด้วยความที่เนื้อหาเกี่ยวกับครอบครัวและด้วยภาษาของหนัง จึงทำให้คนดูเข้าถึงได้ง่ายแม้ว่าจะต่างวัฒนธรรม ต่างภาษา ซึ่งจากการเปิดประชุมเสวนาในครั้งนี้ถือว่ามีประโยชน์อย่างมาก ที่สำคัญเปิดโอกาสในการทำงานอย่างที่ตั้งใจไว้ ซึ่งเป็นโอกาสดีทำให้สามารถสร้างคอนเทนต์ได้กว้างไกลขึ้น

นายปรัชญา ปิ่นแก้ว ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “องค์บาก” และ “ต้มยำกุ้ง” กล่าวว่า ได้มีโอกาสไปร่วมงานด้านภาพยนต์ที่จีนหลายครั้ง ได้เห็นความยิ่งใหญ่ และการทำงานที่เป็นระบบ เชื่อว่าถ้าประเทศไทยและจีนมีความร่วมมือกัน จะเกิดการค้นพบที่สำคัญคือ การสอดแทรกความงาม การพูดถึงชีวิตหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของคุณธรรม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจากการประชุมครั้งนี้จะทำให้เกิดความร่วมมือกันเป็นอย่างเป็นรูปธรรมในการสร้างภาพยนตร์ นำไปสู่การยกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ให้เติบโตขึ้น

นายเฉิน เต๋อเซิน ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น” (Bodyguards and Assassins)  ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวฮ่องกง ที่มีผลงานโดดเด่นหลายเรื่องและยังเคยได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมในงานประกาศรางวัลภาพยนตร์ฮ่องกงครั้งที่ 29 (Hong Kong Film Awards) จากภาพยนต์เรื่อง Bodyguards and Assassins กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้วได้มีโอกาสเข้ามาถ่ายทำภาพยนต์กึ่งสารคดีในประเทศไทยทุกสิ่งเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ติดปัญหาอะไร ซึ่งหากภาพยนตร์ที่ทั้งประเทศไทยและจีนเดินทางเข้าไปถ่ายทำประสบความสำเร็จ ก็จะส่งให้เกิดความร่วมมืออย่างการจัดประชุมความร่วมมืออุตสาหกรรมสื่ออาเซียน-จีน 2025 ในรูปแบบนี้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมภาพยนต์โดยรวม

สำหรับสัปดาห์วัฒนธรรมภาพยนตร์จีน-อาเซียน (ประเทศไทย) 2025 ยังมีการจัดกิจกรรมฉายภาพยนตร์
จีน-ไทย จำนวน 10 เรื่อง แก่สาธารณชนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน – 3 กรกฎาคม 2568
ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ ประกอบด้วย

ภาพยนตร์จีน จำนวน 5 เรื่อง

  • “HUANG WENXIU” หวงเหวินซิ่ว วันที่ 27 มิถุนายน 2568 เวลา 15:00-18:00 น. โรงภาพยนตร์ที่ 5
  • “The Climbers” ผู้พิชิตยอดเขา วันที่ 27 มิถุนายน 2568 เวลา 19:30-21:35 น. โรงภาพยนตร์ที่ 4
  • “One and Only” สเต็ปกล้า ท้าฝัน วันที่ 28 มิถุนายน 2568 เวลา 19:30-21:34 น. โรงภาพยนตร์ที่ 5
  • “The Little Stove Guardian” ตำนานเทพเจ้าเตาไฟ วันที่ 28 มิถุนายน 2568 เวลา 19:30-20:55 น. โรงภาพยนตร์ที่ 4
  • “Distance” ความห่างไกลระหว่างเรา วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 เวลา 19:30-21:18 น. โรงภาพยนตร์ที่ 5

ภาพยนตร์ไทย จำนวน 5 เรื่อง

  • HANUMAN White Monkey หนุมาน วันที่ 29 มิถุนายน 2568 เวลา 19:30-21:00 น. โรงภาพยนตร์ที่ 4
  • A TIME TO FLY บินล่าฝัน วันที่ 29 มิถุนายน 2568 เวลา 19:30-21:06 น. โรงภาพยนตร์ที่ 5
  • How To Make Millions Before Grandma Dies หลานม่า วันที่ 30 มิถุนายน 2568 เวลา 19:30-21:36 น. โรงภาพยนตร์ที่ 5
  • Not Friends | เพื่อน(ไม่)สนิท วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เวลา 19:30-21:40 น. โรงภาพยนตร์ที่ 5
  • OMG! Oh My Girl | รักจังวะ..ผิดจังหวะ วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 เวลา 19:30-21:34 น. โรงภาพยนตร์ที่ 5