เลือกหน้า

A Time to Fly “บินล่าฝัน” พุ่งสู่ความหวัง

“โรงเรียนของเรา ได้รับจดหมายรับเชิญให้ส่งตัวแทนนักเรียน เข้าร่วมการแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับ ระดับภูมิภาค”
“เขามีแข่งอะไรแบบนี้ด้วยเหรอครับครู” เสียงเด็กนักเรียนตัวน้อยไถ่ถามอย่างสนใจ
“มีสิ เพราะถ้าเราเกิดฟลุกชนะขึ้นมา เราจะได้เป็นตัวแทนของภาคเหนือ ไปแข่งที่กรุงเทพฯ เลยนะ”

สิ้นเสียงประกาศหน้าเสาธงของคุณครู พร้อม ๆ กับเสียงเฮลั่นด้วยความดีใจของเด็ก ๆ ที่แทบจะดังไปทั่วดอย หลังรู้ว่าโรงเรียนบ้านห้วยทราย โรงเรียนเล็ก ๆ กลางหุบเขา บนดอยสูง ที่เชียงใหม่ของพวกเค้า ได้รับเชิญเข้าร่วมแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับระดับภูมิภาค ทำให้แววตาของเด็ก ๆ เต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง ที่อยากไปกรุงเทพฯ สักครั้ง หลังจากรู้จักแค่ในหนังสือ กระดาษบาง ๆ ถูกพับกลายเป็นเครื่องบินกระดาษ ที่แบกความฝันและความหวังของเด็ก ๆ ที่นี่มาเต็มลำ กลายเป็นฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง A Time to Fly “บินล่าฝัน” ที่สร้างมาจากเค้าโครงชีวิตจริงของ “หม่อง ทองดี” เด็กไร้สัญชาติ ที่ไปชนะเลิศการแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับที่ประเทศญี่ปุ่น

ศักดิ์ศิริ คชพัชรินทร์ ซึ่งเป็นคนเขียนบทและผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าว่า เขาเริ่มพัฒนาโปรเจกต์นี้มาตั้งแต่ 5 ปีก่อน โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของ “น้องหม่อง ทองดี” และน้อง ๆ ทีมฟุตบอลหมูป่า อะคาเดมี ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ซึ่งล้วนเป็นเด็กไร้สัญชาติที่ด้อยโอกาส และยิ่งพบสิ่งที่น่าสนใจมากขึ้น เมื่อเขามีโอกาสได้ไปพูดคุยกับน้องหม่อง ทองดี ด้วยตัวเอง

“เราติดตามข่าวและได้ยินเรื่องของน้องหม่องมานาน แต่ยังไม่เคยรู้ว่าเรื่องราวชีวิตที่แท้จริงของเขาเป็นยังไง เขาบอกว่าการเป็นเด็กไร้สัญชาติ มีข้อจำกัดเยอะไปหมด ด้อยโอกาสในหลายเรื่อง เข้าไม่ถึงสวัสดิการต่าง ๆ และไม่สามารถเดินทางออกนอกพื้นที่ได้”

ชีวิตที่ยากลำบาก ด้อยโอกาสของเด็ก ๆ ชายขอบ เหมือนเป็นแรงขับให้ ศักดิ์ศิริ และทีมงานบริษัท อิเมจิแมกซ์ จำกัด ออกล่าฝันที่อยากผลิตภาพยนตร์ ถ่ายทอดชีวิต ความหวังและความฝันของเด็ก ๆ ไร้สัญชาติเหล่านี้ จากฝันของทีมงานก้าวสู่ความจริง หลังเสนอขอทุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ในประเภทเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปี 2562 จนได้รับทุนให้ผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ โอกาสมาพร้อมกับความท้าทาย เพราะเงื่อนไขของทุนประเภทเชิงยุทธศาสตร์ จะต้องนำเสนอไอเดียหรือนวัตกรรม ที่นำไปสู่การแก้ปัญหาเด็กติดเกม ผู้สูงอายุ และคนพิการ ด้วย

ศักดิ์ศิริ จึงต้องพัฒนาบทภาพยนตร์ใหม่ ให้เกิดความบาลานซ์ ผูกเรื่องใน 3 ประเด็นหลักเข้าด้วยกัน ทั้งเรื่องความฝันของเด็กไร้สัญชาติ ปัญหาเด็กติดเกม และการแข่งขันกีฬาเครื่องบินกระดาษพับ

“ดีเฟนกันอยู่นาน ในมุมมองของโปรดิวเซอร์หลายคน ตอนต้นเขามองว่า เคสของน้องหม่อง ทองดี ต้องเป็นเรื่องของเด็กชาติพันธุ์ด้อยโอกาส ที่พยายามต่อสู้เพื่อให้ได้สิทธิ์ความเป็นคนไทย แล้วจะไปเกี่ยวอะไรกับปัญหาเด็กติดเกม กระทั่งไปคุยกับน้องหม่องอีกครั้ง ปรากฎว่าเขาก็เคยแอบหยิบเงินที่บ้านไปเล่นเกม จนไม่เหลือเงินซื้อข้าวกลับมาให้ที่บ้านกินเช่นกัน จึงปลดล็อก และเป็นอีกปมสำคัญ ที่ถูกถ่ายทอดอยู่ในโปรเจกต์ A Time to Fly “บินล่าฝัน” เวอร์ชันนี้”

ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึงเส้นทางบินล่าฝันของเด็กชายหม่อง ทองดี” ในช่วงวัย 7-8 ขวบที่ได้เป็นตัวแทนโรงเรียนบ้านห้วยทราย ที่ จ.เชียงใหม่ ไปร่วมแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับ ระดับภูมิภาค จนชนะได้ไปแข่งระดับประเทศ และได้แชมป์ประเทศไทยไปแข่งระดับนานาชาติที่ประเทศญี่ปุ่น แต่มาติดปัญหาตรงที่เขาเป็นเด็กไร้สัญชาติ ทางการออกพาสปอร์ตให้ไม่ได้ จึงเกิดการรวมตัวของอาจารย์ นักวิชาการ นักกฎหมาย และสื่อมวลชน ที่พยายามช่วยผลักดันให้น้องหม่อง ได้ไปแข่งขันภายใต้เวลาอันจำกัดที่กำลังจะหมดลง

“เราอยากให้เรื่องราวของน้องหม่อง เป็นตัวแทนของเด็กไร้สัญชาติ เด็กด้อยโอกาสคนอื่น ๆ ที่มีอยู่อีกหลายแสนคนในประเทศไทย ซึ่งพวกเขาต่างก็มีความฝัน อยากได้สิทธิความเป็นคนไทยเหมือนกัน”

ระหว่างที่รอ A Time to Fly “บินล่าฝัน” เตรียมเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ภายในปีนี้ ศักดิ์ศิริ และทีมงาน ได้ตระเวนนำไปฉายตามโรงเรียนเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในหุบเขาและบนดอยสูงเกือบ 30 แห่ง ทั้งที่เชียงใหม่ และเชียงราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กไร้สัญชาติ เด็ก ๆ หลายคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ถึงกับน้ำตาไหลกับเรื่องราวที่กระทบใจและความรู้สึก แต่ตอนจบกลับสร้างพลัง ความหวัง และแรงบันดาลใจให้พวกเขากล้าที่จะตามล่าฝันในชีวิตจริงได้มากขึ้น

#กองทุนสื่อ #ATimetoFly #บินล่าฝัน #ภาพยนตร์
#เล่าสื่อกันฟัง #บทความเล่าสื่อกันฟัง
#ผลงานผู้รับทุนกองทุนสื่อ
#สื่อสร้างสรรค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

ติดตาม “กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์” ได้ที่
Website : www.thaimediafund.or.th
Facebook : www.facebook.com/ThaiMediaFundOfficial
Youtube : www.youtube.com/c/ThaiMediaFund
Line Official : @thaimediafund