เลือกหน้า

เมื่อ “ทีวีดิจิทัล” เปลี่ยนสนามสู้ สู่ “ออนไลน์” คนดูจะได้หรือเสียอะไร

เมื่อ “ทีวีดิจิทัล” เปลี่ยนสนามสู้ สู่ “ออนไลน์” คนดูจะได้หรือเสียอะไร

 “สาหัสมาก” “สะบักสะบอม” แทบจะกลายเป็นคำพูดติดปากของคนทำสื่อไทยเวลานี้

โดยเฉพาะคนที่ทำอยู่กับ “ทีวีดิจิทัล” ซึ่งเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อเข้าสู่ช่วงปีสุดท้ายก่อนใบอนุญาตที่ได้รับจาก กสทช. จะสิ้นสุด (ในปี พ.ศ. 2572) หนึ่งในตัวเร่ง คือการคาดการณ์ที่ว่าอีกไม่นาน “เงินโฆษณา” ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของ “สื่อโทรทัศน์” โดยเฉพาะเหล่าทีวีดิจิทัลที่ต้องลงทุนสูง จะลดลงอย่างต่อเนื่องจนอาจเหลือ “ไม่ถึงครึ่ง” ของที่เคยได้รับสูงสุด (ย้อนไปสิบปีก่อน สื่อทีวีได้เงินโฆษณารวมกันมากกว่า 70,000 ล้านบาทต่อปี) และอาจแพ้ให้กับ “สื่อออนไลน์” เป็นครั้งแรก ซึ่ง “ตัวเลข” ล่าสุด ที่ออกมา ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ

ทีวีดิจิทัลไทย “สาหัส” แค่ไหน 

ตัวเลขเบื้องต้น จากเม็ดเงินโฆษณาของอุตสาหกรรมสื่อทั้งหมดในปี พ.ศ. 2567 กว่า 86,980 ล้านบาท สื่อทีวีได้รวมกัน 32,500 ล้านบาท (ลดลงจากปีก่อนถึง 2,864 ล้านบาท หรือลดลง 8%) ส่วนสื่อดิจิทัลได้รวมกัน 33,859 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4,576 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16%) นำไปสู่การ “ปรับตัว” ของเหล่าทีวีดิจิทัล ซึ่งกลยุทธ์ที่หลายช่องใช้ก็แทบจะไม่แตกต่างกัน คือ “มุ่งสื่อออนไลน์” (go online) และปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสมยิ่งขึ้นกับภารกิจใหม่

ในรายงานสรุปภาพรวมสถานการณ์สื่อไทยในปี พ.ศ. 2567 ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย พูดถึงการลงไปแข่งขันในสนามออนไลน์ของสื่อไทยที่มีสูงขึ้นเรื่อย ๆ และการปรับโครงสร้างของสื่อทีวีหลายแห่งเพื่อให้ยังสามารถแข่งขันและอยู่รอดได้ในธุรกิจ นำไปสู่การเลิกจ้างพนักงานหลายร้อยคน เช่น

–  Voice TV ปิดสถานีหลังขาดทุนสะสม (ตั้งแต่ยังเป็นทีวีดิจิทัล ก่อนใบอนุญาตในปี พ.ศ. 2562) เลิกจ้างพนักงานกว่า 200 คน

–  Mono 29 ปรับโครงสร้าง เลิกจ้างพนักงานกว่า 100 คน

–  ช่อง 3 ปรับโครงสร้าง เลิกจ้างพนักงานกว่า 300 คน

–  เครือเนชั่นพักจ่ายเงินเดือนพนักงานบางส่วน

 ทั้งนี้ ยังไม่รวมถึงกรณี PPTV เลิกจ้างพนักงาน 90-100 คน. ช่อง 7 ยกเลิกใช้ outsource บางบริษัท และยังมีทีวีดิจิทัลบางช่องที่ปรับโครงสร้าง-เลิกจ้างพนักงานอีกจำนวนหนึ่งทำให้เฉพาะปี พ.ศ. 2567 มีคนวงการสื่อถูกเลิกจ้างระหว่าง 800-1,000 คน แต่ถึงจะลดขนาดองค์กร, ปรับโครงสร้าง, มุ่งสู่ออนไลน์แล้ว ก็ใช่ว่า สื่อทีวีทุกแห่งจะอยู่รอดได้ ยังมีความท้าทายอะไรรออยู่ในปี พ.ศ. 2568 และในอีกไม่กี่ปี ก่อนครบใบอนุญาต รวมถึงคำถามที่ว่า การปรับตัวเหล่านี้จะกระทบต่อผู้บริโภคข่าวอย่างไรกันบ้าง

 องค์กรปรับตัว: จาก “หน้าจอ” สู่อีก “หน้าจอ” ความยากและท้าทาย

 “ในเมื่อใบอนุญาตทีวีดิจิทัลเหลืออยู่แค่ 4-5 ปี ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ทีวีดิจิทัลหลายช่องเตรียมความพร้อมว่า ถ้าเกิดเราไม่ได้ใบอนุญาตต่อจะเป็นอย่างไร ก็อยู่บนโจทย์ที่คงไม่หายไปไหน เพราะทุกคนก็อยากจะไปต่อ ซึ่งการมุ่งสู่สนามออนไลน์ก็เป็นหนึ่งในวิธีการที่เรามอง” นายพุทธิฉัตร จินดาวงศ์ รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายโครงการพิเศษ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด ในฐานะผู้บริหาร PPTV Online สื่อออนไลน์ของสถานีโทรทัศน์ PPTV HD36 กล่าว

 ปัจจุบัน รายได้ของ PPTV จะมาจากสื่อทีวีราว 90% และสื่อออนไลน์อีกราว 10% จึงต้องหาวิธีทำอย่างไรให้รายได้จากออนไลน์เติบโตขึ้น โมเดลหารายได้ของสื่อทีวีที่มีสื่อออนไลน์ด้วยจำนวนมาก จะเน้นการนำคอนเทนต์ของทีวีไปผลิตซ้ำบนออนไลน์ แล้วหารายได้จากยอดวิวที่แพลตฟอร์มจะตอบแทนมาให้เป็นตัวเงิน หรือที่เรียกกันว่า programmatic ads แต่นายพุทธิฉัตรมองว่า ถ้าจะใช้ “วิธีเดิม” ในการหารายได้เพิ่ม สิ่งที่จะต้องทำคือผลิตชิ้นงานที่เยอะขึ้น ที่จะต้องอาศัยคนมากขึ้น พอคนเพิ่มขึ้น รายจ่ายก็มากขึ้น ก็ต้องหารายได้เพิ่มขึ้นอีก กลายเป็นงูกินหาง ..เป็นปัญหาไม่รู้จบ

 “ส่วนตัวมองว่าวิธีการนี้จะไม่รอด คือมันไม่พอที่จะมีรายได้มาเลี้ยงคนทั้งองค์กรได้ ทางที่เรามองก็เลยกลับไปที่การหาจุดแข็งของตัวเองแล้วต่อยอดไปสู่ออนไลน์” นายพุทธิฉัตรกล่าวก่อนขยายความว่า สิ่งที่ PPTV จะต่อยอดมีทั้งการทำทัวร์ต่างประเทศ, จัดอีเว้นต์ฟุตบอล, เปิดอคาเดมีสอนถ่ายภาพ ไปถึงการทำ special project กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง       นายปรัชญา ชีพเจริญรัตน์ บรรณาธิการบริหารข่าวออนไลน์ (Onenews) ของช่อง ONE ซึ่งดูแลแบรนด์ออนไลน์อื่นในเครือ อาทิ GMM25, Sum Up ด้วย กล่าวว่า ช่อง ONE หันไปโฟกัสกับออนไลน์มาได้ 4-5 ปีแล้ว เพราะจากที่สมัยก่อนบางคนจะมองว่าออนไลน์เป็นแค่ second screen ของทีวี แต่เรามองว่าออนไลน์จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งระยะหลังเทรนด์คนหันไปดูคอนเทนต์ในมือถือมากกว่าทีวี

 “ออนไลน์ตอนนี้ มันต้องทำอีกหน้าที่ นอกจากยังเป็น second screen ก็ต้องมี original คอนเทนต์ของตัวเอง และวิธีเล่าก็ต้องให้เหมาะกับกลุ่ม audience เช่น คนดูทีวีจะเป็นคนที่อายุ 35-45 ปีขึ้นไป แต่ออนไลน์จะตั้งแต่ 18 ปี คือเป็นคนรุ่นใหม่แล้ว วิธีการสื่อสารก็จะเป็นอีกแบบ” ทั้งนี้ ช่อง ONE ไม่ได้ทำงานแบบแยกขาดกันระหว่างทีวีกับออนไลน์ เพราะเวลาคนข้างนอกมองเข้ามา ไม่ว่าจะทีวีหรือออนไลน์ก็ถือเป็น “แบรนด์เดียวกัน” ดังนั้นหากทำให้แนวคอนเทนต์ชัดเจนจนกลายเป็นภาพจำ audience ก็จะหันมาติดตาม และเอเจนซี่ก็อยากจะมาซื้อโฆษณาจากคุณ

 คนทำงานปรับตัว: หนึ่งคนทำได้หลายอย่าง คนที่ได้ไปต่ออาจไม่ 100%

 เรื่องการปรับตัวของ “คนทีวี” มาสู่การเป็น “คนออนไลน์”

 นายปรัชญายังมองว่า ด้วยปัจจัยทางเทคโนโลยีและสภาพเศรษฐกิจ ในปัจจุบัน คนที่ทำงานทั้งในส่วนของทีวีและออนไลน์จะต้อง cross กัน ไม่ได้แยกขาด เพราะถ้าไม่ cross กันก็อาจจะต้องแบกทั้ง 2 อย่าง อะไรที่ใช้ร่วมกันได้ก็ใช้ อาจจะไม่ได้ 100% แต่บางอย่างที่คาบเกี่ยวกันได้ก็แชร์กัน “ถ้าเราไม่ปรับ เทคโนโลยีหรือสภาพเศรษฐกิจจะมาบังคับให้เราปรับ แล้วเทคโนโลยีก็เอื้อต่อการทำสิ่งต่างๆ ให้ง่ายขึ้น ถ้าคุณยังไม่ไปอีก เขาก็อาจจะเลือกคนอื่นมาทำแทน นี่คือสัจธรรม นี่พูดในแง่ของธุรกิจ” ปัจจุบัน ทีมงานที่นายปรัชญาบริหารจะพยายามให้ 1 คนทำงานได้หลายอย่าง เช่น ช่างภาพนอกจากถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอก็ยังจะต้องตัดต่อคลิปได้ด้วย

ด้านนายพุทธิฉัตร ผู้บริหาร PPTV Online สื่อออนไลน์ของสถานีโทรทัศน์ PPTV HD36 กล่าวเสริมว่า ความท้าทายการ go online ของสื่อทีวีในระยะหลัง เกิดขึ้นในช่วงที่คนวงการทีวี ทั้งนายทุนและผู้ปฏิบัติงานต่างสะบักสะบอมจากการทำทีวีดิจิทัลในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา

“พี่น้องในวงการวิชาชีพหลายคนมีปัญหาทั้งสุขภาพกาย-สุขภาพใจ เพราะเวลาที่ผ่านมา ทำงานกันหนักมาก การพยายามจะไปต่อในสภาพเช่นนี้ ต้องยอมรับว่าอาจจะไม่ 100% ที่จะไปสู่ออนไลน์ได้ แม้จะมีความพยายามทำความเข้าใจเรื่องการปรับตัว แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง ที่ต้องช่วยกันประคับประคองกันไป” เขาระบุ

 

จะ “เน้นปริมาณ” ก็ไม่ใช่เรื่องผิด ถ้า..

 ส่วนเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่าย กระทั่งสมาคมนักข่าวฯ ยังระบุว่า การแข่งขันอย่างเข้มข้นในสนามออนไลน์ “..จะมุ่งต่อความนิยมหรือเรตติ้ง มากกว่าคุณภาพของข้อมูลข่าวสาร..”

นายพุทธิฉัตร ในฐานะผู้บริหาร PPTV Online ยอมรับว่า ด้วยเงื่อนไขของบางแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ก็บีบให้ต้องทำบางคอนเทนต์ที่เน้นไวรัล-ดึงกระแสโซเชียลฯ มาเล่าต่อ แต่จะบอกกับทีมเสมอว่าต้อง “เติม” อะไรบางอย่างลงไปในคอนเทนต์นั้นด้วย ไม่เช่นนั้นเราก็จะกลายเป็นแค่ “บุรุษไปรษณีย์” “แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่า บางแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างยูทูบ ก็ยังต้องการคอนเทนต์คุณภาพ เช่น คลิปขนาดยาว เราก็ต้องผลิตคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ในพื้นที่นั้น ๆ”

เสียงวิจารณ์เรื่องการผลิตคอนเทนต์โดยเน้นจำนวน-ไม่เน้นคุณภาพ นายพุทธิฉัตรระบุว่า ต้องไปดูแบรนดิ้งของสื่อนั้น ๆ ด้วยว่า เขาวางตัวเองไว้อย่างไร เพราะหากนั่นเป็นสไตล์และคนคาดหวังจากเขา จะทำสิ่งนั้นก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องผิด แต่ถ้าต้องทำสิ่งนี้เพราะทุนไม่มี หรือกลยุทธ์ไม่ดีพอ อันนี้แหละที่น่าห่วง

ขณะที่นายปรัชญา บรรณาธิการบริหารข่าวออนไลน์ของช่อง ONE กล่าวว่า แนวทางข่าวของเรามันถูกกำหนดโดย audience คนดูของเราส่วนใหญ่เป็นคนเมือง (urban) ที่เราพอจะรู้อยู่แล้วว่าเขาชอบเสพข่าวแบบไหน ถ้าเราไปเอาข่าวแมสมาก ๆ มาลง บางทีก็ถูกด่า คนดูของเราชอบอะไรที่ใกล้ตัวเขา สนใจความเดือดร้อนของผู้คน และยอมไม่ได้กับความอยุติธรรม

“เราเองก็มีทีม data หลังบ้านที่จะมาบอกว่า คอนเทนต์แบบไหนที่คนชอบ หรือมันเหมาะกับเรา ก็จะมีข้อมูลในการเลือกข่าวได้มากขึ้น” นายปรัชญากล่าวยอมรับว่า บางข่าวอาจจะด้อยลงในแง่คุณภาพ เพราะโลกออนไลน์จะเน้นเรื่องความเร็ว แต่ผู้บริหารของ ONE ก็จะพูดเสมอว่า นอกจากรายงานปรากฎการณ์ก็อยากให้มีพวก “เคียงข่าว” เพื่อ top-up ความรู้ให้กับผู้ชม และเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับข่าวของเราด้วย ส่วนการที่บางสื่อใช้วิธีคลิกเบตให้คนกดเข้าไปอ่านข่าว เขายอมรับว่าเป็นเทคนิคและลีลา แต่วิธีการเหล่านั้น ONE เลือกจะไม่ทำ

 

จะได้ไปต่อในฐานะ “สื่อทีวี” หรือไม่?

 ต่อคำถามที่ผู้บริหารทีวีดิจิทัลหลายช่องน่าจะถูกถาม ณ โค้งสุดท้าย 4-5 ปีที่เหลือ คือ จะไปต่อในฐานะ “สื่อทีวี” กันหรือไม่?

ผู้บริหารสื่อออนไลน์ของทั้ง 2 ช่องทีวีดิจิทัลตอบตรงกันว่า ยังให้คำตอบ ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ เพราะกติกาต่าง ๆ ในการต่อใบอนุญาตยังไม่ชัดเจนว่าจะใช้วิธีการใด จะประมูลอีกครั้งหรือไม่ วิธีการแบ่งรายได้จะเป็นอย่างไร ฯลฯ แต่ทั้งคู่ย้ำว่า ทั้ง PPTV และ ONE ยังอยากไปต่อในฐานะ “สื่อมวลชน” อยู่ “ต้องรอความชัดเจนจาก กสทช. และรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไรต่อกับใบอนุญาตทีวีดิจิทัล” นายปรัชญาจาก ONE กล่าว

 “เหลืออีกแค่ 4-5 ปีจะหมดใบอนุญาตแล้ว เรายังไม่รู้เลยว่า วิธีการให้ใบอนุญาตดิจิทัลต่อไปจะเป็นอย่างไร และด้วยราคาเท่าไร เพราะต่อให้ผู้เล่นพยายามแทบตายอย่างไร ถ้าระบบหรือโครงสร้างมันยังไม่สอดรับกับตลาด ก็ยากที่จะรอด เหมือนสถานการณ์ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา” นายพุทธิฉัตรจาก PPTV กล่าว 

อุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลของไทย เริ่มเมื่อ กสทช. เปิดประมูลช่วงปลายปี พ.ศ. 2556 มีผู้ชนะประมูล 24 ช่อง ได้เงินประมูลไป 50,862 ล้านบาท เริ่มออกอากาศวันแรก 25 เมษายน พ.ศ. 2557 ครบอายุใบอนุญาต (15 ปี) ในวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2572 หนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา การทำงานของ กสทช. ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าคาดการณ์อุตสาหกรรมผิดพลาด ทำให้หลายช่องทีวีดิจิทัลขาดทุน จนมีการคืนใบอนุญาตไป 9 ช่อง ทีวีดิจิทัลปรับตัวหลายครั้งเพื่อให้ “อยู่รอด” ในฐานะสื่อฯ ต่อไปได้ ต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงทั้งจากสถานการณ์การเมือง, สภาวะเศรษฐกิจ, ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงของกติกา – และทุกครั้งที่เปลี่ยนแปลง ไม่เพียงคนในวงการสื่อที่ได้รับผลกระทบ ผู้รับสารเองก็ได้รับผลกระทบ

 ในอดีต ทีวีถือเป็น “สื่อกระแสหลัก” ที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนด “วาระร่วมของสังคม” แต่เมื่อต้องปรับตัวในช่วงที่ปัจจัยหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป น่าสนใจว่า ถึงวันนี้และอนาคตอันใกล้ ที่ทีวีดิจิทัลต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดทางธุรกิจ จะยังมีบทบาทหรืออิทธิพลในการกำหนด “วาระร่วมของสังคม” ดังกล่าวอยู่หรือไม่

10 ประเด็นที่ได้รับความสนใจ มีการสื่อสารและมีส่วนร่วมมากที่สุดในโลกออนไลน์ เดือนธันวาคม 2567

“คริสต์มาสและปีใหม่” ขึ้นอันดับ 1 ความสนใจของโลกออนไลน์เดือนธันวาคม 67

“แบงค์ เลสเตอร์ เสียชีวิต” รั้งอันดับ 2 “หมูเด้ง” ร่วงไปอันดับ 7

ซีรีส์วาย-ยูริติด 10 อันดับแรก ถึง 3 เรื่อง TikTok ยังครอง Engagement สูงกว่าทุกแพลตฟอร์ม

จากการสำรวจประเด็นการสื่อสารในโลกออนไลน์ผ่าน 5 แพลตฟอร์มหลักคือ 1) Facebook 2) X 3) Instagram 4) YouTube และ 5) TikTok พบว่า ในเดือนธันวาคม 2567 “เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่” ได้รับความสนใจเป็นอันดับ 1 เช่นเดียวกับเมื่อเดือนธันวาคมปี 2566 โดยของปี 2567 มี Engagement 37.88% ส่วน แบงค์ เลสเตอร์ เสียชีวิตได้อันดับที่ 2 ที่ 12.83%GMMTV STARLYMPICS 2024″ รั้งอันดับที่สาม ด้วยสัดส่วนการมีส่วนร่วม 9.59% และ “ละคร ทิชา” อยู่ในอันดับที่สี่ ด้วยยอด Engagement 8.05% สำหรับ ประเด็น “หมูเด้ง ลูกฮิปโปแคระ” ซึ่งเคยได้รับความนิยมสูงในช่วงก่อนหน้านี้ ร่วงลงไปอยู่อันดับที่เจ็ดเป็นครั้งแรกในรอบปี 2567

สาเหตุที่สังคมออนไลน์ให้ความสนใจใน “เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่” นั้น อาจเนื่องจากเป็นวันหยุดยาวเป็นช่วงเวลาของการเฉลิมฉลอง เป็นโอกาสที่ผู้คนสามารถแบ่งปัน เรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึก ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เช่น ภาพและคำอวยพรภาพการเฉลิมฉลอง ภาพต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ตามสถานที่ต่าง ๆ การโปรโมทสินค้าส่งท้ายปีของแบรนด์ต่าง ๆ ฯลฯ สะท้อนบรรยากาศของความสุข ความสนุกสนาน ที่มีร่วมกันเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่จึงได้รับความสนใจสูงสุดในสื่อสังคมออนไลน์จากการสำรวจครั้งนี้ 

นอกจากนี้ ในเดือนธันวาคม 2567 มีหลายประเด็นหรือเหตุการณ์ที่สังคมให้ความสนใจ เช่น อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม, แคมเปญ Lazada 12.12, งานประกาศรางวัลวายเอ็นเตอร์เทน อวอร์ด, การประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ , ความนิยมในมาสคอต “น้องหมีเนย” ของร้าน Butterbear  อย่างไรก็ตาม ประเด็นหรือเหตุการณ์ เช่นที่กล่าวไปกลับไม่ได้รับความสนใจ และไม่ติด 10 อันดับแรกความสนใจของสื่อสังคมออนไลน์ในเดือนธันวาคม 2567

10 ประเด็นที่ได้รับความสนใจ มีการสื่อสารและมีส่วนร่วมมากที่สุดในโลกออนไลน์ เดือนธันวาคม 2567

ตลอดปี 2567 Media Alert กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ร่วมกับบริษัท Wisesight ดำเนินการศึกษาการสื่อสารในโลกออนไลน์ของสังคมไทย โดยใช้เครื่องมือ ZocialEye ในการสำรวจข้อมูลจาก 5 แพลตฟอร์มหลัก ได้แก่ 1) Facebook 2) X 3) Instagram 4) YouTube และ 5) TikTok การศึกษาครั้งนี้เริ่มต้นจากการค้นหาแนวโน้มกระแสสังคมที่ได้รับความสนใจ เช่น Wisesight Trend และแนวโน้มจากทั้ง 5 แพลตฟอร์ม จากนั้นได้ทำการค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับประเด็นหรือเหตุการณ์สำคัญที่ได้รับความสนใจในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เช่น “คริสต์มาส”, “แบงค์ เลสเตอร์”, “#gmmtvstarlympics2024”, “ทิชา″, “#bmmf14”, “#happybusday”, “หมูเด้ง”, “#plutoseries”, “#perfect10liners” และ “#petrichortheseries” หลังจากนั้น ข้อมูลที่ได้จะถูกคัดกรอง และจัดหมวดหมู่ตามประเด็น กลุ่มเนื้อหา ประเภทแพลตฟอร์ม และกลุ่มผู้สื่อสารตามเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความแม่นยำและเป็นกลาง โดยอ้างอิงจากหลักฐานเชิงประจักษ์ (Empirical Data) ซึ่งประกอบด้วย จำนวนค่าการมีส่วนร่วม ข้อความจากสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงวันที่และเวลาในการโพสต์ ทั้งนี้ เพื่อให้การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นไปอย่างถูกต้อง และลดอคติในการวิเคราะห์ประเด็นที่ได้รับความสนใจในโลกออนไลน์ในช่วงเดือนธันวาคม 2567

อันดับที่ 1 เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ (127,159,214 Engagement)

เทศกาลคริสต์มาสและส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่เป็นเทศกาลที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ และร่วมกันเฉลิมฉลอง ด้านผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ของไทยก็มีการร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลนี้เช่นกัน ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่วันคริสต์มาสและวันส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่อยู่ในช่วงเวลาใกล้กัน เป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่เริ่มหยุดงาน มีการเดินทางกลับภูมิลำเนา เดินทางท่องเที่ยว มีการเฉลิมฉลอง การแบ่งปันภาพถ่ายจากสถานที่ต่าง ๆ ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ นอกจากนี้ ผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ก็มีบทบาทสำคัญในการแบ่งปันภาพและวิดีโอในช่วงเทศกาล รวมถึงแบรนด์ต่าง ๆ ที่มีการจัดโปรโมชั่นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ด้วย ในส่วนของผู้สื่อสาร พบว่า กลุ่มผู้มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์สามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้สูงที่สุด เช่น lalalalisa_m, srchafreen,  aonsomrutai โดยแพลตฟอร์ม Instagram มีสัดส่วนการมีส่วนร่วมสูงที่สุดถึง 50.19%

อันดับที่ 2 แบงค์ เลสเตอร์ อินฟลูฯ ถูกจ้างดื่มเหล้าจนเสียชีวิต (38,499,760 Engagement)

แบงค์ เลสเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง มีชื่อเสียงจากความสามารถในการร้องแรปขายพวงมาลัยเลี้ยงดูยาย จนคลิปกลายเป็นไวรัลในสื่อสังคมออนไลน์ ต่อมามีการสื่อสารทางออนไลน์ว่า แบงค์ เลสเตอร์เสียชีวิตจากการดื่มแอลกอฮอล์เกินขนาด เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม โดยมีรายงานว่าเขาถูกจ้างให้ดื่มแอลกอฮอล์แลกกับเงินจำนวน 30,000 บาท หลังจากการเสียชีวิตของแบงค์ เลสเตอร์ เกิดคำถามและการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการผลิตคอนเทนต์ในสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะคอนเทนต์ที่เป็นการกลั่นแกล้ง การทำร้ายร่างกาย การเสียชีวิตของแบงค์ เลสเตอร์ พาดพิงถึงผู้มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์หลายคน เช่น เบิร์ด วันว่าง ๆ, แจ๊ค แปปโฮ, เอ็ม เอกชาติ เป็นต้น เพราะเคยทำคลิปกลั่นแกล้งแบงค์ เลสเตอร์จนได้รับบาดเจ็บ และหลังการเสียชีวิตของแบงค์คลิปต่าง ๆ ถูกนำมาเผยแพร่อีกครั้ง จนเกิดการตำหนิจากสังคม ในส่วนของการวิเคราะห์ผู้สื่อสาร พบว่า สื่อ สำนักข่าวเป็นกลุ่มที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้สูงสุด เช่น khaosodonline, ch7hd_news,  ThairathTV โดยแพลตฟอร์ม TikTok มีสัดส่วนการมีส่วนร่วมสูงสุดถึง 69.04%

อันดับที่ 3 GMMTV STARLYMPICS 2024 (28,761,877 Engagement)

วันที่ 21 ธันวาคม บริษัท GMMTV จัดมหกรรมกีฬา GMMTV STARLYMPICS 2024 ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี มีดารานักแสดงในสังกัดกว่า 100 ชีวิตเข้าร่วมการแข่งขัน ที่แบ่งออกเป็น 2 ทีม ได้แก่ Lightning Cheetah และ Shadow Eagle ภายในงานมีทั้งการแข่งขันกีฬาและคอนเสิร์ต ทำให้ Hashtag ของงาน #GMMTVStarlympics2024 ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก ในส่วนของผู้สื่อสาร พบว่า กลุ่มผู้มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์สามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้สูงสุดจากการแบ่งปันภาพถ่ายในงาน เช่น tawan_v, skywongravee, tontawan โดยแพลตฟอร์ม X มีสัดส่วนการมีส่วนร่วมสูงสุดที่ 42.07%.

อันดับที่ 4 ละคร ทิชา (24,158,532 Engagement)

ละคร “ทิชา” ออกอากาศทางช่อง one31 นำแสดงโดยใบเฟิร์น พิมพ์ชนก, พีช พชร, ลูกเกด เมทินี เป็นเรื่องราวของ ทิชาหรืออู่ยี่ ลูกสาวแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย ด้วยความหวังว่าจะได้ชีวิตที่ดีกว่าเดิม แต่กลับถูกรังแกจากนายจ้าง ทำให้อู่ยี่ต้องทวงคืนความยุติธรรมให้กับแม่ และแก้แค้นนายจ้างของเธอ โดยสื่อสังคมออนไลน์ให้ความสนใจกับโพสต์โปรโมทละครตอนอวสาน ของดารานักแสดง เช่น ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก, พีท พชร, เซียงเซียง พรสรวง เป็นต้น ในส่วนของผู้สื่อสาร พบว่า กลุ่มผู้มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์สามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้สูงสุด เช่น baifernbah, pete_pamana, xiangspace04 โดยแพลตฟอร์ม TikTok มีสัดส่วนการมีส่วนร่วมสูงสุดที่ 40.15%.

อันดับที่ 5 Big Mountain Music Festival ครั้งที่ 14 (23,425,427 Engagement)

เทศกาลดนตรี Big Mountain Music Festival ครั้งที่ 14 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-8 ธันวาคม ที่ The Ocean เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา โดยในปีนี้จัดในธีม (Theme) “มัน ใหญ่ แทร่” โดยมีศิลปินชื่อดังเข้าร่วมงานมากมาย เช่น Bodyslam, โจอี้ ภูวศิษฐ์, ไททศมิตร, ทรีแมนดาวน์, ปาส์มมี่ ในส่วนของผู้ใช้งานที่สร้างการมีส่วนร่วมสูงสุด พบว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้งานทั่วไปที่แบ่งปันภาพและวิดีโอจากการเข้าร่วมคอนเสิร์ต โดยแพลตฟอร์ม TikTok สามารถสร้างการมีส่วนร่วมสูงสุดถึง 67.20%

 

อันดับที่ 6 Happy BUSDAY The 1st Year DIARY CONCERT (17,038,559 Engagement)

BUS บอยแบนด์น้องใหม่จากค่าย Sonray Music ได้จัดคอนเสิร์ต Happy BUSDAY The 1st Year DIARY CONCERT เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 1 ปีการเดบิวต์ของวง โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นในวันที่ 6 ธันวาคม ที่ One Bangkok Forum ในส่วนของผู้สื่อสาร พบว่า ผู้ใช้งานทั่วไปเป็นกลุ่มที่มีส่วนร่วมมากที่สุด ด้วยการแบ่งปันภาพถ่ายและประสบการณ์จากการเข้าร่วมคอนเสิร์ตครั้งนี้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยแพลตฟอร์ม X มีสัดส่วนการมีส่วนร่วมสูงสุดที่ 38.32%.

อันดับที่ 7 หมูเด้งลูกฮิปโปแคระ (14,812,415 Engagement)

หมูเด้ง” ลูกฮิปโปแคระ ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในสื่อสังคมออนไลน์ตั้งแต่เดือนกันยายน ต่อเนื่องมาจนถึงเดือนธันวาคม 2567 ด้วยการนำเสนอภาพและวิดีโอความน่ารักของหมูเด้งเช่นเดียวกับเดือนก่อน รวมถึงการนำเสนอ “หมูเด้ง” ในรูปแบบการ์ตูนฮิปโปเพื่อสอนศาสนาผ่านบัญชี krubaheng ประเด็นที่น่าสนใจในเดือนนี้ ได้แก่ การเปิดตัวกางเกงมวยหมูเด้งของ บัวขาว บัญชาเมฆ, การขายไอศกรีมหมูเด้งจากบูธตำรวจสอบสวนกลางในงานกาชาด, ข่าวหมูเด้งผิวแตกเนื่องจากอากาศหนาว และ วิทาลิก บูเทอริน ผู้มีอิทธิพลในวงการคริปโตเคอร์เรนซี เจ้าของเหรียญอีเทอเรียม บริจาคเงินจำนวน 10,000,000 บาท ให้กับโครงการอุปถัมภ์สัตว์ป่า เพื่อสร้างบ้านใหม่ให้หมูเด้ง  ในส่วนของผู้สื่อสาร พบว่า ผู้มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์เป็นกลุ่มที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้สูงสุด เช่น khamoo.andthegang, buakawvillage, อีจัน บันเทิง โดยแพลตฟอร์ม TikTok มีสัดส่วนการมีส่วนร่วมสูงสุดที่ 37.84%.

อันดับที่ 8 ซีรีส์ Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก (14,250,524 Engagement)

ซีรีส์ “Pluto นิทานดวงดาวความรัก” นำแสดงโดย ฟิล์ม รชานันท์ และ น้ำตาล ทิพนารี เป็นซีรีส์แนวแซฟฟิค (Sapphic) ดัดแปลงจากนิยายของนักเขียนนามปากกา เจ้าปลาน้อย เป็นเรื่องราวของ ไออุ่น ที่ต้องจำใจบอกเลิก เม แฟนของน้องสาวฝาแฝด โอบอุ้ม ตามคำขอสุดท้ายก่อนที่โอบอุ้มจะประสบอุบัติเหตุในวันแต่งงานของตัวเอง เมื่อไออุ่นได้พบกับเม เธอกลับพบว่าเมเป็นผู้พิการทางสายตา และด้วยความใกล้ชิด ทำให้ไออุ่นเริ่มรู้สึกดีต่อเมในลักษณะที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ไออุ่นจึงตัดสินใจสวมรอยเป็นน้องสาวฝาแฝดของตัวเอง โดยในสื่อสังคมออนไลน์ให้ความสนใจซีรีส์ตอนต่าง ๆ ที่เสนอทาง ช่องทางออนไลน์ของ GMMTV และ Viu ในส่วนของผู้สื่อสาร พบว่า ผู้มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์ เป็นกลุ่มที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้สูงสุด เช่น namtantipnaree, filmracha, namtanfilmtrend โดยแพลตฟอร์ม X มีสัดส่วนการมีส่วนร่วมสูงสุดที่ 57.12%

อันดับที่ 9 ซีรีส์ สายรหัสเทวดา Perfect 10 Liner (14,117,164 Engagement)

ซีรีส์ “สายรหัสเทวดา Perfect 10 Liner” เป็นซีรีส์วายแนวโรแมนติกคอมเมอดี้ จากช่อง GMM25 นำแสดงโดย ฟอส จิรัชพงศ์ และ บุ๊ค กษิดิ์เดช เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในรั้วมหาวิทยาลัยของหนุ่มคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ต้องมาอยู่ร่วมกับสายรหัสหน้าตาดี ทำให้เกิดความรักและความสัมพันธ์ในกลุ่มสายรหัส โดยในสื่อสังคมออนไลน์ให้ความสนใจซีรีส์ตอนต่าง ๆ ที่โพสต์ทางสื่อสังคมออนไลน์ของ GMMTV และ Viu รวมทั้งการโปรโมทซีรีส์ของนักแสดงในเรื่องอย่าง บุค กษิดิ์เดช, ฟอส จิรัชพงศ์, แซนต้า พงศภัค ในส่วนของผู้สื่อสาร พบว่า ผู้มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์ เป็นกลุ่มที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้สูงสุด เช่น kasilbook, fforcejs, และ ppsanta โดยแพลตฟอร์ม TikTok มีสัดส่วนการมีส่วนร่วมสูงสุดที่ 40.99%

อันดับที่ 10 ซีรีส์ หยดฝนกลิ่นสนิม (11,282,339 Engagement)

ซีรีส์ “หยดฝนกลิ่นสนิม” ดัดแปลงมาจากนิยายของ Sixteenseven ออกอากาศทางช่อง one31 นำแสดงโดย อิงฟ้า วราหะ และ ชาล็อต ออสติน เนื้อเรื่องเล่าถึง สารวัตรตุลย์ สารวัตรสาวไฟแรงที่ต้องรับมือกับคดีใหญ่ ในการสืบสวนคดีนี้ เธอได้พบกับ เฌอรัญชน์ แพทย์นิติเวช ซึ่งมีนิสัยการทำงานที่แตกต่างจากเธออย่างสิ้นเชิง ทำให้ทั้งคู่ไม่ลงรอยกัน แต่ยังคงต้องทำงานร่วมกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยสังคมออนไลน์ให้ความสนใจกับการโปรโมทละครของนักแสดง เช่น อิงฟ้า วราหะ, ชาร์ล็อต ออสติน, บัญชีกลุ่มแฟนคลับของทั้งสองคน ในส่วนของผู้สื่อสาร พบว่า ผู้มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์ เป็นกลุ่มที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้สูงสุด เช่น itscharlotty, ewaraha, memoriesofengfa โดยแพลตฟอร์ม X มีสัดส่วนการมีส่วนร่วมสูงสุดที่ 80.32%

ผลการสำรวจการสื่อสารออนไลน์ในเดือนธันวาคม 2567 ในด้านกลุ่มเนื้อหา ผู้สื่อสาร แพลตฟอร์ม

กลุ่มเนื้อหา

จาก 10 ประเด็นที่ได้รับความสนใจและมีการสื่อสารในสื่อสังคมออนไลน์มากที่สุดในช่วงเดือนธันวาคม 2567 สามารถจำแนกเนื้อหาออกเป็น 3 กลุ่ม ตามจำนวน Engagement ดังนี้

อันดับหนึ่ง กลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง รวม 147,846,837 Engagement คิดเป็น 47.16% จาก 8 ประเด็น ประกอบด้วย GMMTV STARLYMPICS 2024 (28,761,877 Engagement) ตามด้วย ละครทิชา (24,158,532 Engagement), Big Mountain Music Festival ครั้งที่ 14 (23,425,427 Engagement), Happy BUSDAY The 1st Year DIARY CONCERT (17,038,559 Engagement), หมูเด้ง ลูกฮิปโปแคระ (14,812,415 Engagement), ซีรีส์ Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก (14,250,524 Engagement), ซีรีส์ สายรหัสเทวดา Perfect 10 Liner (14,117,164 Engagement) และซีรีส์ หยดฝน กลิ่นสนิม (11,282,339 Engagement)

อันดับสอง เทศกาล พบ 1 ประเด็น คือ เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ มีจำนวน 127,159,214 Engagement คิดเป็น 40.56%

อันดับสาม กลุ่มอาชญากรรม อุบัติเหตุ พบ 1 ประเด็น คือ แบงค์ เลสเตอร์ เสียชีวิตจากอาการแอลกอฮอล์เป็นพิษ มีจำนวน 38,499,760 Engagement คิดเป็น 12.28%

จะเห็นว่า กลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง ยังคงเป็นกลุ่มเนื้อหาหลักที่ได้รับ Engagement มากกว่าทุกกลุ่ม และติด 10 อันดับแรกของทุกเดือน ตลอดปี 2567 โดยในเดือนธันวาคม 2567 พบว่า ละครและซีรีส์ติดอันดับมากถึง 4 เรื่อง ได้แก่ ละครทิชา, ซีรีส์  Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก, ซีรีส์ สายรหัสเทวดา Perfect 10 Liner และ ซีรีส์ หยดฝน กลิ่นสนิม นอกจากนี้ยังมี GMMTV STARLYMPICS 2024, Big mountain Music Festival ครั้งที่ 14 และ หมูเด้ง ลูกฮิปโปแคระ ที่จัดอยู่ในกลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง ทำให้เป็นกลุ่มเนื้อหาที่สื่อสังคมออนไลน์ให้ความสนใจมากถึง 8 ประเด็น

กลุ่มเนื้อหาที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจำแนกตามผู้สื่อสารและแพลตฟอร์ม

กลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง มีกลุ่มผู้สื่อสารที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วม หรือมี Engagement มากที่สุดในเดือนธันวาคม 2567 คือ ผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ (50.06%) รองลงมา ได้แก่ ผู้ใช้งานทั่วไป (39.80%), สื่อ สำนักข่าว (9.80%) และ แบรนด์ (0.34%) โดยมี TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่สร้าง Engagement มากที่สุดที่ 35.27% รองลงมาได้แก่ X (31.93%), Instagram (21.42%), Facebook (9.77%), และ YouTube (1.61%)

กลุ่มเนื้อหาเทศกาล มีกลุ่มผู้สื่อสารที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วม หรือมี Engagement มากที่สุด คือ ผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ (73.14%) รองลงมา ได้แก่ ผู้ใช้งานทั่วไป (22.98%), แบรนด์ (2.19%), สื่อ สำนักข่าว (1.15%) และ อื่น ๆ ได้แก่ ภาครัฐ (0.40%) นักการเมือง (0.14%) โดยมี Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่สร้าง Engagement มากที่สุดที่ 50.19% รองลงมาได้แก่ TikTok (30.87%), X (10.64%), Facebook (7.08%) และ YouTube (1.22%)

กลุ่มเนื้อหาอาชญากรรม อุบัติเหตุ มีกลุ่มผู้สื่อสารที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วม หรือมี Engagement มากที่สุด คือ สื่อ สำนักข่าว (61.71%) รองลงมา ได้แก่ ผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ (32.09%), ผู้ใช้งานทั่วไป (6.18%) และ อื่น ๆ ได้แก่ พรรคการเมือง (0.02%) โดยมี TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่สร้าง Engagement มากที่สุดที่ 69.04% รองลงมาได้แก่ Facebook (22.48%), X (4.11%), Instagram (2.95%) และ YouTube (1.42%)

กลุ่มผู้สื่อสาร

            ในภาพรวมช่วงเดือนธันวาคม 2567 แบ่งกลุ่มผู้สื่อสารที่สร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) ในสื่อออนไลน์ ออกได้เป็น 6 กลุ่มหลัก ได้แก่ ผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ (57.21%) ตามด้วย ผู้ใช้งานทั่วไป ในสัดส่วน (28.85%), สื่อ สำนักข่าว (12.66%), แบรนด์ (1.05%) ภาครัฐ (0.16%) และ นักการเมือง 0.07%

กลุ่มผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ สร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) สูงสุดในกลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง จากการโพสต์ของนักแสดงที่เข้าร่วมกิจกรรม GMMTV STARLYMPICS 2024 ส่วนโพสต์เกี่ยวกับละคร    ทิชา, ซีรีส์ Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก, ซีรีส์ สายรหัสเทวดา Perfect 10 Liner และ ซีรีส์ หยดฝน กลิ่นสนิมเป็นการโปรโมทละครของนักแสดง และผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์อื่น ๆ ส่วนในกลุ่มเนื้อหาเทศกาล เป็นการแบ่งปันภาพถ่าย วิดีโอที่เกี่ยวข้องกับการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส ส่วนในกลุ่มเนื้อหาอาชญากรรม ผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ยังคงมีบทบาทในการสรุปประเด็นและการแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น การแสดงความเสียใจกับการเสียชีวิตของแบงค์ เลสเตอร์, การนำข่าวมาสรุปให้เข้าใจง่าย, ข่าวการจับกุม เบิร์ด วันว่าง ๆ เป็นต้น ตัวอย่างกลุ่มผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ที่สามารถสร้าง Engagement ได้สูง เช่น lalalalisa_m, bus.becauseofyouishine, baifernbah

ผู้ใช้งานทั่วไป สามารถสร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) ได้มากที่สุดในกลุ่มเนื้อหาเทศกาลจากการแบ่งปันภาพถ่าย หรือวิดีโอจากเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ตามสถานที่ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมาจากกลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง เช่น Big mountain Music Festival ครั้งที่ 14, Happy BUSDAY The 1st Year DIARY CONCERT, GMMTV STARLYMPICS 2024, การแชร์ภาพหมูเด้ง, รวมถึงการแบ่งปันหรือแชร์ Highlight ละครและซีรีส์ต่าง ๆ ส่วนประเด็น แบงค์ เลสเตอร์ เป็นการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคอนเทนต์ในเชิงกลั่นแกล้งที่เกิดขึ้น และการแสดงความเสียใจกับการเสียชีวิตของแบงค์ เลสเตอร์

สื่อ สำนักข่าว สร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) สูงสุดในกลุ่มเนื้อหาอาชญากรรรม อุบัติเหตุ จากประเด็นแบงค์ เลสเตอร์ เสียชีวิตจากอาการแอลกอฮอล์เป็นพิษ โดยสื่อ สำนักข่าวยังคงมีบทบาทสำคัญในการนำเสนอข่าวที่มีเนื้อหาหนักอย่างอาชญากรรม ด้วยผู้สื่อข่าวสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลและมีทักษะในการนำเสนอที่ดีกว่าผู้สื่อสารกลุ่มอื่น ๆ

ส่วนกลุ่มผู้สื่อสารอื่น ๆ ได้แก่ แบรนด์, พรรคการเมือง และ ภาครัฐ พบว่า แม้ในภาพรวมสร้าง Engagement ได้น้อยกว่า 3 กลุ่มแรก แต่ก็สามารถสร้างการมีส่วนร่วมในกลุ่มเนื้อหาเทศกาล เช่น การจัดโปรโมชันของแบรนด์ต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ การโปรโมทสถานที่จัดกิจกรรมคริสต์มาส กิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ การอวยพร การเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ของนักการเมือง ของหน่วยงานภาครัฐ เป็นต้น

แพลตฟอร์มการสื่อสาร

         จากการสำรวจ 10 อันดับประเด็นที่ได้รับความสนใจสูงสุดในโลกออนไลน์ช่วงเดือนธันวาคม 2567 ในภาพรวมพบว่าแพลตฟอร์มที่สร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) มากที่สุดเรียงตามลำดับคือ TikTok ซึ่งมีสัดส่วน 38.07% ตามด้วย Instagram 30.30%, X 20.30%, Facebook 10.00% และ YouTube 1.33%

 เมื่อพิจารณารายแพลตฟอร์ม พบว่า TikTok ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) สูงที่สุดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 โดยในเดือนธันวาคม พบว่า กลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิงสามารถสร้าง Engagement ได้สูงที่สุด จากการตัดต่อคลิปวิดีโอสั้น Highlight ละคร, การแบ่งปันภาพถ่ายวิดีโอภายในงาน Big mountain Music Festival, หมูเด้ง สำหรับกลุ่มเนื้อหาอื่น ๆ ยังคงมาจากความนิยมในเนื้อหาวิดีโอที่ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ชื่นชอบในเดือนนี้ เช่น การแบ่งปันภาพ วิดีโอตามสถานที่จัดงานคริสต์มาส, การสรุปข่าวแบงค์ เลสเตอร์, การแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ แบงค์ เลสเตอร์ เป็นต้น ซึ่ง TikTok สามารถตอบโจทย์การสื่อสาร และสร้าง Engagement จากคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอสั้นได้ดีกว่าแพลตฟอร์มอื่น

ขณะที่แพลตฟอร์ม X พบว่า เด่นในกลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง โดยเฉพาะจาก มหกรรมกีฬา GMMTV STARLYMPICS 2024 และซีรีส์หยดฝนกลิ่นสนิม ทั้งนี้ การสื่อสารในแพลตฟอร์ม X ส่วนใหญ่จะเป็นการสื่อสารหรือแสดงความสนใจในเรื่องเฉพาะเจาะจง เช่น ดารา นักแสดงวัยรุ่น คอนเสิร์ต ซีรีส์ที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางเพศ เนื้อหาที่ต้องการความสดใหม่ และการสื่อสารแบบเรียลไทม์จากกลุ่มแฟนคลับละคร รวมถึงแฟนคลับนักแสดงที่ชื่นชอบซีรีส์แนวแซฟฟิคหรือหญิงรักหญิง และซีรีส์วัยรุ่นจากช่อง GMMTV ที่พบว่าเริ่มเป็นที่นิยมหรือมีการสื่อสารใน X มากขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567

Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่สร้าง Engagement จากประเด็น แบงค์ เลสเตอร์ เสียชีวิตจากอาการแอลกอฮอล์เป็นพิษ โดยส่วนใหญ่มาจากสื่อหรือนักข่าวที่ทำหน้าที่ติดตามและรายงานเรื่องราวที่สังคมกำลังให้ความสนใจ เช่น ภาพการเก็บกระดูกของแบงค์ เลสเตอร์, ข่าวเกี่ยวกับตำรวจพบคลิปรุนแรงในมือถือ เบิร์ด วันว่าง ๆ, ศาลไม่ให้ประกันตัวเบิร์ด วันว่าง ๆ เป็นต้น ส่วนเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ จะมาจากผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ ที่โพสต์เฉลิมฉลองคริสต์มาสและปีใหม่ในสื่อสังคมออนไลน์ ส่วนกลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง เป็นการโพสต์เพื่อสื่อสารในประเด็นที่ได้รับความสนใจ เช่น โปรโมทละครทิชา การโพสต์ความน่ารักของหมูเด้ง การโปรโมทงาน Big mountain Music Festival ครั้งที่ 14 เป็นต้น 

Instagram สร้าง Engagement ได้สูง ในกลุ่มเนื้อหาเทศกาล จากผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ที่โพสต์เฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ และในกลุ่มเนื้อหา สื่อ สิ่งบันเทิง เนื่องจากเป็นช่องทางที่สามารถแบ่งปันภาพถ่ายได้ดีที่สุด และเป็นช่องทางที่ผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ส่วนใหญ่เลือกใช้มากในการโปรโมทละคร กิจกรรมที่เข้าร่วม เช่น GMMTV STARLYMPICS 2024, การโพสต์โปรโมทละครของนักแสดง, โปรโมทงาน Big mountain Music Festival ครั้งที่ 14, Happy BUSDAY The 1st Year DIARY CONCERT เป็นต้น

YouTube เป็นแพลตฟอร์มที่สร้าง Engagement ได้สูงจากกลุ่มเนื้อหาเทศกาลจากการร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ของผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ เช่น การโปรโมทขนมที่กินในช่วงคริสต์มาส การโพสต์วิดีโอการฉลองคริสต์มาสร่วมกับ ลิซ่า ลลิษา, การทำเมนูอาหารที่เข้ากับเทศกาลคริสต์มาส เป็นต้น ส่วนกลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง จะเป็นการโพสต์ละครในแต่ละตอนบนช่องทางออนไลน์ของช่อง GMMTV และช่อง one31 เช่น ซีรีส์ Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก, ซีรีส์ สายรหัสเทวดา Perfect 10 Liner เป็นต้น

ในกลุ่มเนื้อหาอาชญากรรม YouTube ยังคงสร้างความสนใจได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโพสต์จาก สื่อ สำนักข่าวซึ่งถือเป็นผู้สื่อสารที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะทำหน้าที่ติดตามและรายงานสถานการณ์ได้ดีกว่ากลุ่มผู้สื่อสารอื่น ๆ

“ธ.ค. 67 คริสต์มาสและวันขึ้นปีใหม่ยังคงเป็นประเด็นอันดับ 1 ในเดือนสุดท้ายของปี โดยอินฟลูฯยังคงสร้าง Engegement สูงสุด สื่อ สิ่งบันเทิงยัง ครองพื้นที่ความนิยมถึง 8 ใน 10 อันดับ”

กล่าวโดยสรุป การสื่อสารออนไลน์ของเดือนธันวาคม 2567 ในภาพรวม 10 อันดับแรก พบว่ากลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง ได้ความสนใจสูงถึง 8 อันดับ คิดเป็น 47.16% โดยเป็นประเด็น GMMTV STARLYMPICS 2024 (อันดับที่ 3), ละครทิชา (อันดับที่ 4), Big mountain Music Festival ครั้งที่ 14 (อันดับที่ 5),คอนเสิร์ต Happy BUSDAY The 1st Year DIARY CONCERT (อันดับที่ 6), หมูเด้ง ลูกฮิปโปแคระ (อันดับที่ 7), ซีรีส์ Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก (อันดับที่ 8) ซีรีส์ สายรหัสเทวดา Perfect 10 Liner (อันดับที่ 9)  และ ซีรีส์ หยดฝน กลิ่นสนิม (อันดับที่ 10) ตามด้วยกลุ่มเนื้อหาเทศกาล เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ (อันดับที่ 1) และกลุ่มเนื้อหาอาชญากรรม อุบัติเหตุ 1 ประเด็น ได้แก่ แบงค์ เลสเตอร์ เสียชีวิตจากอาการแอลกอฮอล์เป็นพิษ (อันดับที่ 2)

เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ได้รับความสนใจมากเป็นอันดับที่ 1 แต่มีสัดส่วนของผู้ส่งสารที่แตกต่างจากปีที่แล้ว

การสื่อสารออนไลน์ในเดือนธันวาคม 2567 ประเด็นเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ได้รับความสนใจเป็นอันดับที่ 1 ด้วย Engagement สูงถึง 127,159,214 ครั้ง สูงกว่าปี 2566 ที่เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ได้รับความสนใจเป็นอันดับที่ 1 เช่นกันแต่ด้วย Engagement ประมาณ 78 ล้านครั้ง ขณะที่ผู้สื่อสารหลักของปี 67 เป็นผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ ที่ 73.12% ต่างจากปี 2566 ที่ผู้สื่อสารหลักเป็นผู้ใช้งานทั่วไปที่ 51.71% แต่ด้านแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในเดือนธันวาคม 2567 เป็นแพลตฟอร์มเดียวกับเดือนธันวาคม 2566 คือ  Instagram ที่ยังคงเป็นแพลตฟอร์มอันดับที่ 1 ในประเด็นเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่

สรุปได้ว่า ปี 2567 สังคมออนไลน์ยังคงให้ความสนใจกับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่เช่นเดียวกับปี2566 แต่ผู้สื่อสารมีการเปลี่ยนไป อาจเพราะผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์เลือกที่จะสร้าง Engagement ภายใต้โพสต์ของผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ มากกว่าเป็นผู้โพสต์เพื่อสร้าง Engagement เอง

สื่อ สิ่งบันเทิงได้รับความสนใจมากถึง 8 ใน 10 อันดับ ละครและซีรีส์ได้รับความสนใจมากถึง 4 เรื่อง

ในเดือนธันวาคม 67 พบว่า กลุ่มเนื้อหา สื่อ สิ่งบันเทิงได้รับความสนใจมากถึง 8 ใน 10 อันดับ โดยส่วนใหญ่เป็น ละคร ซีรีส์ ที่ออกอากาศในเดือนธันวาคม ได้แก่ ละครทิชา, ซีรีส์ Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก, ซีรีส์ สายรหัสเทวดา Perfect 10 Liner และซีรีส์ หยดฝน กลิ่นสนิม หากสังเกตจะพบว่า 3 ใน 4 เป็นซีรีส์วาย และซีรีส์แซฟฟิค บ่งบอกถึงความสนใจของผู้ใช้งานสังคมออนไลน์ที่ให้ความสำคัญกับละครแนวนี้ นอกจากนี้ละครทิชา ยังเป็นละครสะท้อนปัญหาผู้ใช้แรงงานต่างด้าวที่ถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นเนื้อหาที่แปลกใหม่ของละครไทย ส่งผลให้ได้รับความนิยมอย่างมาก 

หมูเด้ง ลูกฮิปโปแคระยังคงติด 10 อันดับ ประเด็นที่ได้รับความนิยมสูงในสังคมออนไลน์ ในอันดับที่ 7 ด้วย Engagement 14,812,415 ครั้ง ลดลงจากเดือนพฤศจิกายนที่มี Engagement 32,796,339 ครั้ง สาเหตุอาจมาจากผู้ใช้งานสังคมออนไลน์มุ่งความสนใจที่เทศกาลคริสต์มาสและวันขึ้นปีใหม่ ทำให้ความสนใจต่อหมูเด้งที่เริ่มโตขึ้นเริ่มมีแนวโน้มลดลง ซึ่งมีลักษณะคล้ายความสนใจในประเด็นหมีเนย ที่ในเดือนธันวาคม 67 ลงไปอยู่อันดับที่ 20    

กลุ่มเนื้อหาอาชญากรรม อุบัติเหตุ ยังคงได้รับความสนใจเมื่อเกิดประเด็นที่สะเทือนขวัญ หรือกระทบกระเทือนจิตใจคนหมู่มาก

กลุ่มเนื้อหาอาชญากรรม อุบัติเหตุ ได้รับความสนใจจากสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยมีเหตุการณ์ที่สะท้อนถึงการรับรู้และการตระหนักของสังคมต่อประเด็นเหล่านี้ เช่น เดือนกันยายน คดีร้านทองของแม่ตั๊ก เดือนตุลาคม คดี “ดิไอคอนกรุ๊ป” และอุบัติเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษานักเรียนที่สร้างความสะเทือนใจต่อสาธารณชน เดือนพฤศจิกายน ประเด็นเกี่ยวกับทนายษิทราถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงในวงกว้าง ก่อนที่จะมาถึงเดือนธันวาคม ซึ่งเกิดเหตุการณ์ที่สร้างความตกใจและสะเทือนใจแก่สังคม เมื่อ “แบงค์ เลสเตอร์” อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังเสียชีวิตหลังจากถูกจ้างให้ดื่มเหล้า ประเด็นนี้ได้รับความสนใจจากสังคมออนไลน์ในหลากหลายมุมมอง โดยเฉพาะเรื่องราวของความกตัญญูที่แบงค์มีต่อยายของเขา ซึ่งได้รับการชื่นชมจากสาธารณชน นอกจากนี้ ยังมีการตื่นตัวของสังคมออนไลน์ที่ไม่เห็นด้วยกับคอนเทนต์แนวกลั่นแกล้งหรือการแสดงออกในเชิงลบ ต่อข่าวการควบคุมตัวผู้ที่มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ซึ่งเคยเผยแพร่คลิปที่กลั่นแกล้งแบงค์ เลสเตอร์ การเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนถึงความตระหนักในการต่อต้านคอนเทนต์ที่มีลักษณะเป็นการกลั่นแกล้ง และอาจเป็นโอกาสในการส่งเสริมให้สังคมออนไลน์ไทยมีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านการใช้สื่อให้เกิดประโยชน์และการส่งเสริมพฤติกรรมที่สร้างสรรค์ในสังคมออนไลน์

ประเด็นที่ไม่ติด 10 อันดับแรก และแนวโน้มความสนใจในภาพรวม

จากการสำรวจข้อมูลในเดือนธันวาคม 2567 พบว่าประเด็นที่ได้รับความสนใจในสังคมออนไลน์ส่วนใหญ่ยังคงเกี่ยวข้องกับสื่อมวลชน สิ่งบันเทิง และเทศกาลต่าง ๆ เนื่องจากอยู่ในช่วงการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ อย่างไรก็ตาม ประเด็นเชิงสังคมทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างก็ยังได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง หากประเด็นเหล่านั้นมีผลกระทบสูงต่อประชาชนจำนวนมาก เช่น ประเด็นที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อ 3 ธันวาคม 67 โดยอ้างมีภัยคุกคามจากกลุ่มต่อต้านรัฐ การประกาศกฎอัยการศึกเป็นปฏิปักษ์กับสังคมประชาธิปไตย ประชาชนจำนวนมากรวมทั้งสส. ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลจึงออกมารวมตัวกันเพื่อแสดงออกเชิงคัดค้าน เวลาราว 01.00 น.ของวันถัดไป เสียงส่วนใหญ่ของส.ส.ได้โหวตยกเลิกกฎอัยการศึก เหตุการณ์ที่เกาหลีใต้ครั้งนี้ทำให้เกิดการเปรียบเทียบนักการเมืองเกาหลีใต้กับนักการเมืองไทย โดยชื่นชมนักการเมืองเกาหลีใต้ที่ยืนหยัดไม่ยอมให้ประเทศตกอยู่ในระบอบเผด็จการ อย่างไรก็ตามประเด็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้ประกาศกฎอัยการศึกติดอันดับที่ 19 ของเดือนธันวาคม 67

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่ได้รับความสนใจต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า เช่น กรณีของ “อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม” และ “หมีเนย มาสคอตร้าน Butterbear” ซึ่งยังคงติดอันดับเพราะเป็นที่กล่าวถึงในสังคมออนไลน์ แม้กระแสความสนใจจะลดลงบ้าง แต่หากมีการจัดกิจกรรมหรืออีเวนต์ต่าง ๆ ก็สามารถกระตุ้นให้กลับมาได้รับความสนใจได้อีก สำหรับเดือนมกราคม 2568 คาดว่าความสนใจในสังคมออนไลน์จะยังคงมุ่งเน้นไปที่เทศกาลขึ้นปีใหม่ โดยเฉพาะกิจกรรมเฉลิมฉลองในสถานที่ท่องเที่ยวและห้างสรรพสินค้า ซึ่งมักมีการเชิญนักร้อง นักแสดงมาร่วมงาน เพื่อสร้างความสนใจต่อกิจกรรมและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง

ทั้งนี้ น่าติดตามว่า ในต้นปี 2568 ประเด็นที่ได้รับความสนใจต่อเนื่องในช่วงปีที่ผ่านมา เช่น “หมูเด้ง ลูกฮิปโป แคระ”, “อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม”, “หมีเนย มาสคอตร้าน Butterbear” จะยังคงได้รับความนิยมในสังคมออนไลน์แบบข้ามปีหรือไม่ อีกทั้งความคืบหน้าของคดีความในกลุ่มเนื้อหาอาชญากรรม อุบัติเหตุ ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2567 เช่น คดี “ดิไอคอน”, คดีการตายของ “แบงค์ เลสเตอร์” ที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการในกระบวนการยุติธรรมจะเป็นประเด็นที่สังคมออนไลน์ยังคงให้ความสนใจ และต้องการคำชี้แจงจากผู้รับผิดชอบหรือไม่

Do Thais Enjoy Social Media Just For Fun?Evolving Social Media Trends and Thai Digital Citizenship

The online sensation that is “Moo Deng” the Pygmy hippo and the hashtag #ไฟไหม้รถบัส (#BusCaughtFire), around vehicle safety standards following an accident that killed over 20 primary school students, show the dynamics in the Thai social media – raises an important question of how social media – as it evolves from a source of connectivity and entertainment into a pivotal tool for activism and civic engagement – can contribute to “digital citizenship” in Thailand.

The internet and digital technology are integrated into the everyday lives of Thais. In early 2024, the Internet penetration index was 88% and 68.3% of the population had at least one active social media account. In the same year, Facebook was the most popular social media platform, used by over 90% of internet users, followed by TikTok (83%), Instagram (64.5%) and X (formerly Twitter) (49.6%). Thais utilise social media primarily as a source of information and communication.

Given this, understanding social media trends is crucial to grasp contemporary digital behaviours and explore the broader dynamics of Thai society. Social media not only mirrors cultural interests and lifestyles but also underscores the concept of “digital citizenship” – the active engagement of citizens with society, politics and governance through digital means.

This article introduces a study conducted by Wisesight, a social media analytics company, which monitored Thai social media trends from 2022 to the first half of 2024. The research was supported by the Thai Media Fund through its “Media Alert” project. Thai Media Fund is a public agency dedicated to promoting media literacy and responsible media use.

The study provides an examination of how digital platforms influence public engagement in Thailand, focusing on the types of content that have dominated discussions and generated significant engagement during this period. Furthermore, the article explores the intersection of social media and socio-political advocacy, presenting some key findings from the research that illustrate how these platforms can shape public engagement and foster digital citizenship.

Figure 1: Number of Content Categories Appearing in the Top 10 Engagement List Each Year

Social Media Trends in Thailand, From 2022 – First Half of 2024

Social media serves as a platform for discussions on a wide array of topics. Some of the most discussed subjects from 2022 to 2024 (first half) are those that revolve around the media and entertainment industry, social issues (particularly crimes and accidents) and politics. Then there are instances of event-specific content like festivals and sports. Figure 1 shows the diverse interests of the Thai population and highlights how social media acts as a barometer for public sentiment. See below what categories appeared in each year’s top ten lists of content most engaged.

Taking a broader look into the top 120 content each year (top ten monthly for 12 months), 60 for the first half of 2024 (Figures 2–4), no singular topic “dominated” the social media sphere. “Crime & Accidents” accounted for 30% of total social media engagements (encompassing views, likes, shares, and comments). This was followed closely by “Politics” and “Media & Entertainment”, both at 21%. Notable events that sparked significant engagement include the sudden death of Thai celebrity Nida Patcharaveerapong (or “Tang Mo”), which captivated the public with suspense and intrigue. Similarly, the Bangkok gubernatorial election and other political developments generated heightened interest in domestic politics. In addition, international events such as the World Cup and the Russia-Ukraine war also captured social media attention. For a detailed overview, refer to Figure 2 below.

Figure 2: Social Media Engagements in 2022, Categorised by Theme

In 2023, the social media landscape in Thailand underwent a significant transformation, largely influenced by the electoral cycle that occurred from April to August. Throughout the year, election-related content accounted for 58% of all engagements on social media, with nine out of the top ten trending topics in the year focused on political matters. Discussions encompassed a wide range of issues, including electoral campaigns, election results and government formation. After this period, the social media dynamics mirrored closely the dynamics seen in 2022, as “crime” and “media” saw an uptick in interest. See Figure 3.

Figure 3: Social Media Engagements in 2023, Categorised by Theme

In the first half of 2024, there was a notable resurgence of interest in “Media and Entertainment” on Thai social media. This trend encompassed a variety of discussions surrounding movies, TV shows, concerts and news related to celebrities and the entertainment industry. Trending hashtags were either in reaction to news related to individual celebrities, or specific events such as the launch of highly anticipated movies and TV shows. Such content accounted for around ⅔ of all engagements in the year. See Figure 4.

Figure 4: Social Media Engagements in 2024/1, Categorised by Theme

Socio-political Advocacy on Social Media Platforms

One of the key highlights of the study, as already alluded to in the previous section, is the visibility of political content on social media, which fluctuated significantly between electoral and non-electoral periods. In the months leading up to the general election on 14 May 2023 and in the subsequent months, Wisesight’s research found that political content dominated online discourse. Especially in May of 2023, “politics” was effectively the only topic discussed online. The surges in political engagement during these politically charged periods reveal a latent enthusiasm for political discourse among Thais. A similar surge was observed in May 2022 during the Bangkok gubernatorial election. These patterns underscore social media’s role as a powerful tool for public participation in political affairs.

Conversely, in non-electoral periods, discussions labelled as “politics” were significantly less prevalent. In 2022, political content accounted for only 20.7% of overall online engagement for
the year. In the first half of 2024, political discussions constituted only 2.6% of total engagements. Significant events, such as the Senate election taking place from May to June 2024, failed to generate traction in online discourse.

However, while engagement levels for explicitly “political” content surge during key events like elections, social media also serves as a platform for sustained advocacy on broader societal issues, even outside these periods. For example, online engagements during Pride Month celebrations in 2022 and 2023 extended beyond typical corporate campaigns and celebrity endorsements to include discussions around LGBTQI+ rights. These conversations, often linked
to legislative reforms of the same-sex marriage law, culminated in its passage in June 2024. By embedding these discussions within a wider social context, advocates not only bring visibility to crucial issues but also pressure policymakers to address the rights and concerns of the LGBTQI+ community. This demonstrates that, outside election cycles, social media remains a potent tool
for raising awareness and shaping public discourse around important social matters.

The Emergence and Dominance of TikTok

Among Thailand’s social media platforms, TikTok has become a critical tool for social advocacy and political engagement. Usage data shows that TikTok was adopted by 79% of Thai internet users in 2022, growing to 83% in 2023. In 2023, TikTok accounted for a remarkable 50% of all social media engagements, substantially higher than Facebook’s 23% share, despite Facebook being used by 90% of internet users. In 2024, despite a drop, it accounted for 39% of all engagements and is still ahead of other platforms. In 2024, despite a drop, it accounted for 39% of all engagements and is still ahead of other platforms. From 2023 to the first half of 2024, TikTok accounted for 47.9% of all engagements. See Figure 5.

Figure 5: Engagement Shares Across Platforms (2023 – First Half of 2024)
(TikTok was not included in the 2022 research

Wisesight’s research, which began including TikTok in its 2023 analysis onwards, highlights the platform’s sustained popularity in engaging users across various topics, especially “Media & Entertainment,” “Crime & Accidents,” and “Festivals.” A notable trend from the findings is TikTok’s ability to capture heightened engagement during socially and politically sensitive periods. For example, despite being a video-based platform which might make it more difficult to create real-time content, TikTok nevertheless received 7.3 million engagements (following X at 7.8 million) for content related to the 2023 Siam Paragon shooting.

During the 2023 general election campaign, TikTok emerged as a key platform for political outreach, particularly for the Move Forward Party, which leveraged the platform’s reach to connect with a broad voter base through compelling, short-form videos. The party’s campaign content accumulated over 300 million views on TikTok, marking a transformative shift in Thai election campaigning by demonstrating the effectiveness of short, engaging video formats for political messaging. Analysing the broader trends, internet users engage with “political” content on TikTok far more than on other platforms, with 54% of all “political” content being engaged in the TikTok platform.

Several factors contribute to TikTok’s rapid growth in Thailand. Its short, dynamic video format allows for quick content consumption, making it more engaging than traditional text-based platforms like Facebook and X (formerly Twitter), image-based Instagram, or long-form video platforms like YouTube. Furthermore, TikTok’s algorithm effectively tailors user-generated content that resonates with individual users – discussed in the next section – fostering a highly personalised and immersive experience.

 

The Role of User-generated Content in Shaping Online Discourses

The study also underscores the significant role of user-generated content (UGC) – content created by individual, everyday internet users rather than influencers or brands – in shaping online discourse in Thailand. UGC constituted 50% of all engagements on social media. This prevalence demonstrates the substantial influence of ordinary internet users in driving discussions and public sentiment on social media. In contrast, the content generated by government authorities and political parties accounted for less than 2.5% of total engagements in 2023 (Figure 6 below) and less than 0.01% of all engagements in the first half of 2024 (Figure 7).

Figure 6: Share of User-generated Content on Social Media in 2023

Figure 7: Share of User-generated Content on Social Media in the First Half of 2024

Platforms like TikTok epitomise the shift towards user-generated content (UGC), with 73% of all engagements on the platform in 2023 attributed to UGC. This UGC engagement constituted over a third of total social media interactions for that year. TikTok, alongside X (formerly Twitter), stands out as one of the few major platforms where UGC dominates, in contrast to Facebook, which is heavily influenced by commercial entities, limiting the diversity of engagements, especially during periods of lower social and political mobilisation when lighter, entertainment-focused content prevails.

UGC’s emergence also reflects how Thais exert their digital citizenship to use social media platforms as a vital medium for social advocacy and civic participation. Unlike traditional media, which may exercise self-censorship or favour certain narratives, UGC allows diverse voices and perspectives to flourish, fostering genuine discussions on governance and societal issues. A notable example of this phenomenon can be seen in the 2023 year-end reviews conducted by mainstream media outlets, such as Matichon (a major Thai-language national daily newspaper, which positions itself as a “quality” upmarket newspaper as opposed to the usually sensationalist mass-circulation papers), which released their own top ten list. The list, however, downplayed the significance of the year’s election in shaping the country’s news cycle and instead gave weight to stories related to society and entertainment. In contrast, research from Wisesight revealed that political content was predominant on Thai social media in 2023. As noted above, content categorised as “politics” fills 9 out of the 10 slots in the annual list of the most engaged content.

However, this user-dominated landscape also raises concerns about the potential for mis- and disinformation to spread in the information vacuum left by the absence of authoritative sources of information. As noted above, the Wisesight study has shown that authoritative communicators – government, political parties and other credible institutions – have a markedly smaller presence in comparison to UGC, therefore limiting their ability to influence public discourse at large. This underscores the need for an integrated approach to social media, where authoritative stakeholders actively contribute to digital citizenship by ensuring the accuracy of information while fostering an informed and engaged online public.

Conclusion

The findings of this study underscore the role of social media in fostering digital citizenship and social advocacy in Thailand. As evidenced by the significant engagement surrounding the May 2023 elections and the rising influence of platforms like TikTok, Thais have found social media useful for voicing their opinions, mobilising for social causes, and shaping public discourse.

This dynamic mirrors trends in Southeast Asia and globally, where social media has catalysed civic engagement. Internationally, movements like #MeToo and Black Lives Matter have shown how social media can facilitate global solidarity and raise awareness around critical social issues. Regionally, online campaigns like #MilkTeaAlliance pointed not only towards calls by youths in Thailand, Myanmar and other countries for political reform within national borders but also towards broader regional solidarity.

To enhance the effectiveness of social media as a tool for social advocacy, it is essential that stakeholders – including civil society organisations, government bodies and the private sector – collaborate in developing transparent and inclusive communication strategies that empower users. Specific recommendations include investing in digital literacy programmes to equip citizens with skills to critically evaluate information. Furthermore, establishing partnerships with influencers and community leaders can further broaden engagement and facilitate dialogue around pressing social issues.

By adopting these strategies, Thailand can strengthen its civic-digital landscape, ensuring that social media serves not only as a platform for entertainment but also as a critical arena for advocacy, accountability and meaningful engagement.

ปรากฎการณ์ “หมูเด้ง” เซเลบสาวที่ไม่ได้ดังเพราะความบังเอิญ

ถึง ผอ.สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จะเคยออกตัวว่า “ไม่คิดว่ากระแสจะมาถึงขนาดนี้”แต่เบื้องหลังการปั้น “หมูเด้ง” ลูกฮิปโปแคระซึ่งเพิ่งเกิดเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา ให้ไวรัลในโลกออนไลน์ ก็มีทั้งความเข้าใจพฤติกรรมของสัตว์ รวมไปถึงการวางแผนทำคอนเทนต์ซ่อนอยู่ การใช้ “ความน่ารัก” ของสัตว์ในการโฆษณาหรือทำการตลาดมีมานานแล้ว เรียกกันว่า Cute Marketing แต่อะไรที่ทำให้ หมูเด้ง “ดัง” ในระดับต้น ๆ ของบรรดาสัตว์ ที่เคยถูกใช้ทำการตลาดมา อย่างน้อยก็ดังที่สุดของปีนี้ กระทั่งแพล็ตฟอร์ม x ประกาศให้เป็นสุดยอดมีมแห่งปี

นี่เป็นพลังของการกระจายข้อมูลข่าวสารบนโซเชียลมีเดียประจำปี 2567 ที่น่าถอดบทเรียน เผื่อเราจะเจอรูปแบบอะไรบางอย่าง ใน “ปฏิสัมพันธ์” ของผู้คนกับการไหลเวียนข้อมูลข่าวสารบนโลกออนไลน์ ที่ไม่ใช่นำไปใช้เพื่อการตลาดเท่านั้น แต่ยังอาจนำไปใช้ในสร้างประโยชน์ต่อสังคม เช่นเดียวกับที่ “ปรากฎการณ์” หมูเด้ง สร้างประโยชน์ให้กับสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี, ชุมชนโดยรอบสวนสัตว์, การท่องเที่ยวของไทย, สวนสัตว์ทั่วโลก และชุมชนนักอนุรักษ์สัตว์ป่าและธรรมชาติ

 

หมูเด้ง ดังขนาดไหน

เราต่างรู้กันว่า หมูเด้งนั้น “ดัง” สุด ๆ ไปเลย แต่ถ้าถามว่า “ดังขนาดไหน” เฉพาะในไทย การสำรวจการสื่อสารออนไลน์ โดย Wisesight ร่วมกับ Media Alert กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ก็พบว่า ระหว่างเดือนกันยายน เดือน พ.ย. 2567 ประเด็นเกี่ยวกับ “หมูเด้ง” ถูกพูดถึงบนโลกออนไลน์ไทย เป็นอันดับ 1 และ 2 ของเดือนนั้น ๆ

  • เดือน ก.ย. 2567 อยู่ในอันดับที่ 1 ถูกพูดถึง 8 ล้านเอ็นเกจเม้นต์
  • เดือน ต.ค. 2567 อยู่ในอันดับที่ 2 ถูกพูดถึง 9 ล้านเอ็นเกจเม้นต์ (แพ้ “คดีดิไอคอนกรุ๊ป” ที่ได้ 103.9 ล้านเอ็นเกจเม้นต์)
  • เดือน พ.ย. 2567 อยู่ในอันดับที่ 2 ถูกพูดถึง 7 ล้านเอ็นเกจเม้นต์ (แพ้ “เทศกาลลอยกระทง” ที่ได้ 95.5 ล้านเอ็นเกจเม้นต์)
  • เดือน ธ.ค.2567 แม้จะยังไม่จบเดือน (1 – 23 ธ.ค. 2567) แต่ก็มีการพูดถึงหมูเด้งไปมากกว่า 11 ล้านเอ็นเกจเม้นต์ เข้าไปแล้ว

 

ส่วนความดังในต่างประเทศ นอกจากที่แพล็ตฟอร์ม x เพิ่งประกาศให้เป็นสุดยอดมีมประจำปีนี้ เพราะจากข้อความที่มีผู้โพสต์ถึงกว่า 7.7 ล้านครั้ง https://x.com/X/status/1871243966794104872 หมูเด้งยังถูก The New York Times จัดให้ติดอยู่ในรายชื่อ 63 บุคคล? ที่ “มีสไตล์ที่สุด” ประจำปีนี้ (The 63 Most Stylish People of 2024) พร้อมกับคำอธิบายสนุก ๆ ว่า “เธองับ เธอกรีดร้อง เธอขโมยหัวใจคนทั้งโลก!https://www.nytimes.com/2024/12/05/style/best-dressed-people-2024.html

สำรวจและพบว่า มีสำนักข่าวระดับโลกอย่างน้อย 20 แห่ง ที่รายงานข่าวหมูเด้ง ทั้งเอพี, เอเอฟพี, บีบีซี, ซีเอ็นเอ็น, ดอยต์เชอเวลเลอ(ดีดับบลิว), รอยเตอร์, เดอะ การ์เดียน, เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์, ไทม์ แมกกาซีน, วอลล์สตรีทเจอร์นัล, วอชิงตันโพสต์, วีโอเอ, ซินหัว ฯลฯ 

รายการโทรทัศน์ดังในสหรัฐอเมริกาอย่าง Saturday Night Live ยังนำการแต่งกายเลียนแบบหมูเด้งไปเล่นมุกในการออนแอร์วันที่ 29 ก.ย. 2567 หรือการทายผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (ที่หมูเด้งเลือกว่าโดนัลด์ ทรัมป์จะชนะ) ก็กลายเป็นข่าวดังในโลกตะวันตก (ที่สำคัญทรัมป์ชนะจริง), ทีมกีฬาอาชีพระดับโลก ทั้งฟุตบอล. เบสบอล, บาสเก็ตบอล, อเมริกันฟุตบอล ยังนำ “หมูเด้ง” ไปเล่นเป็นมีม

สวนสัตว์ต่าง ๆ ทั่วโลก พยายามนำเสนอสัตว์ที่มีความน่ารักน่าชังไม่ต่างจากหมูเด้ง เช่น ลูกฮิปโปแคระ “แฮกกิส” ของสวนสัตว์ในสก็อตแลนด์, ลูกฮิปโปแคระ “เนมุเนมุ” ของสวนสัตว์ในญี่ปุ่น, “เพสโต้” ลูกเพนกวินจักรพรรดิของอควาเรียมในออสเตรเลีย, “บิสกิต” ลูกแมวน้ำของอควาเรียมในแคนาดา ฯลฯ

หมูเด้ง ยังถูกนำไปใช้ประโยชน์ในการสร้าง pop culture อื่น เช่น ถูกแบรนด์สินค้าในไทยกว่า 70 แบรนด์นำไปผลิตสิ่งของเชิงพาณิชย์, ถูกค่ายเพลงนำไปแต่งเพลง “หมูเด้ง” หลายภาษา, ล่าสุด ยังนำไปเป็นธีมปี 2024 ของงาน Bangkok Illumination Festival ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 ธ.ค. 2567 – 5 ม.ค. 2568 ในชื่องาน “หมูเด้งบุกกรุง” ใน 9 แลนด์มาร์กทั่ว กทม.

หากเทียบกับคนไทยอื่นแล้ว เฉพาะปีนี้ หมูเด้งน่าจะมีชื่อเสียงระดับโลกน้อยกว่า “ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล” เพียงคนเดียวเท่านั้น (หากนับว่า หมูเด้งเป็นคนน่ะนะ)

 

หมูเด้ง เริ่มดังจากอะไร

พยายามสืบเสาะดูว่า กระแสความดังของหมูเด้ง เริ่มขึ้นได้อย่างไร อาศัยข้อมูลที่ได้จากการ social listening ของสื่อต่างประเทศบางแห่ง https://www.meltwater.com/en/blog/moo-deng-trend และสำรวจเทรนด์จาก Google ใต้คีย์เวิร์ด “หมูเด้ง” และ “Moo Deng

กระแสความนิยมลูกฮิปโปแคระสาวตัวนี้ “ในไทย” เริ่มขึ้นในวันที่ 1 ก.ย. 2567 หลังผู้ใช้เอ็กซ์โพสต์อัลบั้มรูปหมูเด้ง ในอาการสะดีดสะดิ้งพี่เลี้ยง https://x.com/sighyam/status/1830286475621257702 ต่อมาในวันที่ 10 ก.ย. 2567 เมื่อมีภาพหมูเด้งงับขาพี่เลี้ยงด้วยอาการน่ารักน่าชัง ก็เหมือนเป็นตัวจุดระเบิดไวรัล https://x.com/quinnberely/status/1833591828760956990

ส่วนความนิยมระดับ “นานาชาติ” เริ่มขึ้นหลังเกิดกระแสในไทยเล็กน้อย เมื่อโพสต์ต้นทางในเอ็กซ์ถูกหยิบไปทำเป็นสกู๊ปโดยไทม์แมกกาซีน ในวันที่ 12 ก.ย. 2567 ในชื่อ “She’s an Icon, She’s a Legend, and She Is the Moment. Meet Viral Baby Hippo Moo Deng” https://time.com/7021047/moo-deng-baby-pygmy-hippo-thailand-viral-cute-safety-concerns/ โดยมีคนสังเกตว่า แค่วันเดียว เฟซบุ๊กของไทม์ฯ หยิบสกู๊ปหมูเด้งมาโพสต์ซ้ำ ถึง 4 ครั้ง เพราะได้รับเอ็นเกจเม้นต์สูง

หลังจากนั้นชื่อของหมูเด้งก็เหมือน “ขึ้นรถไฟเหาะ” สื่อต่างชาติจำนวนมากหันมาทำข่าวหมูเด้งต่อเนื่อง เพียงสัปดาห์เดียว (12-19 ก.ย. 2567) ก็มีทั้งจากดอยต์เชอเวลเลอ(ดีดับบลิว), เดอะการ์เดียน, เดอะ เสตรทไทม์, ไวซ์, ซีเอ็นเอ็น, บีบีซี, รอยเตอร์, เอเอฟพี, วอชิงตันโพสต์

จุด “พีค” ของกระแสหมูเด้ง ในไทยคือวันที่ 11 ต.ค. 2567 ส่วนระดับนานาชาติ คือวันที่ 29 ก.ย. 2567 เมื่อรายการ Saturday Night Live หยิบไปเล่นมุก

หากอ่านเฉพาะข้อมูลข้างต้น เราอาจคิดไปว่า หมูเด้งดังเพราะ “โชคช่วย” หรือความบังเอิญ แต่แท้จริงแล้ว มันผ่านการวางแผนที่เข้าใจธรรมชาติของตัวละครหลัก (ลูกฮิปโปแคระ) ต่างหาก

ในหลายบทความของสื่อต่างประเทศและสื่อไทย จะอ้างความสม่ำเสมอและสร้างสรรค์ในการผลิตคอนเทนต์หมูเด้งที่น่ารักน่าเอ็นดูของเพจเฟซบุ๊ก “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊งค์” ที่นำโดย “เบนซ์ – นายอรรถพล หนุนดี” พนักงานบำรุงและจัดการสวนสัตว์ 3 งานบำรุงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ฝ่ายบำรุงสัตว์ zookeeper ที่คอยดูแลหมูเด้ง

นายอรรถพลจะดูแลหมูเด้งอย่างใกล้ชิดทุกวัน เพราะเวลาสัตว์มีปัญหาจะได้เข้าไปรักษาหรือให้ยาได้ทันที

เขาบอกว่า ความดีดเด้งอย่างที่ทุกคนเห็น จะเกิดขึ้นแค่วันละ 10-20 นาทีเท่านั้นเอง ที่เหลือก็นอนหมดเลย นิสัยเหมือนลูกฮิปโปแคระทั่วไป “แต่พอรู้จังหวะว่า เขาจะดีดๆ เด้งๆ ตอนนี้ เราก็ตั้งกล้องรอถ่าย”

ส่วนภาพที่หมูเด้งเข้ามางับเข่า นายอรรถพลบอกว่า น่าจะมาจากอาหารคันเขี้ยว ฟันกำลังจะขึ้น “พฤติกรรมการงับสิ่งรอบข้างแบบนี้ก็เป็นพฤติกรรมปกติของลูกฮิปโปแคระเช่นกัน”

ก่อนหน้าหมูเด้ง zookeeper คนนี้ก็เคยปั้นให้ “หมูตุ๋น” พี่ชายของหมูเด้ง กลายเป็นเซเลบของสวนสัตว์เปิดเขาเขียวมาแล้ว

หลังจากนี้ เขายังวางแผนจะใช้วิธีการเดียวกัน ในการทำให้คนรู้จักสัตว์อื่นๆ เช่น สลอธ, คาปิบารา, หมีขอ, ฮิปโปใหญ่ ฯลฯ

 

หมูเด้งช่วยสร้างอะไรบ้าง?

กระแสหมูเด้ง ช่วยทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวของสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรีเติบโตขึ้น 4 เท่า จากเดิมที่มีผู้เข้าชมเพียง 3,000-4,000 คน/วัน เพิ่มเป็น 12,000 คน/วัน

หากนับยอดรวมรายเดือน

เดือน ก.ค. 2567 มีนักท่องเที่ยว 84,849 คน (เดือนที่หมูเด้งเกิด)

เดือน ส.ค. 2567 มีนักท่องเที่ยว 98,046 คน

เดือน ก.ย. 2567 มีนักท่องเที่ยว 159,743 คน (เดือนที่เริ่มเป็นกระแส)

เดือน ต.ค. 2567 มีนักท่องเที่ยว 299,034 คน (เดือนที่กระแสถึงจุดพีคทั้งในไทยและต่างชาติ)

https://www.zoothailand.org/more_news.php?cid=77

Grab แพล็ตฟอร์มให้บริการเรียกรถยนต์ ให้ข้อมูลว่า กระแสหมูเด้งทำให้มีคนเรียกรถยนต์ไป จ.ชลบุรีเพิ่มขึ้น 267%

นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า ปรากฎการณ์หมูเด้ง สร้างรายได้มากกว่า 40 ล้านบาท เป็นส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ชุมชนโดยรอบสวนสัตว์เปิดเขาเขียว และรวมถึงทำให้ จ.ชลบุรีและเมืองพัทยา มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากกว่า 80%

ไม่เพียงประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ “หมูเด้งฟีเวอร์” ยังช่วยให้คนหันมาสนใจ ชะตากรรมของฮิปโปแคระ (Pygmy hippopotamus) สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในธรรมชาติ คาดว่าเหลือไม่ถึง 3,000 ตัว หลังถิ่นที่อยู่หดหาย-ถูกทำลาย โดยติดอยู่ใน “บัญชีแดง” ขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN)

 

หมูเด้งยังทำให้สื่อต่าง ๆ ทั่วโลก หันมานำเสนอเรื่องราวของสัตว์มากขึ้น ดังที่กล่าวไปข้างต้น

 แน่นอนว่า “กระแส” ไม่อยู่กับเรานาน ยิ่งเป็นกระแสในโลกออนไลน์ ที่ทุกอย่างมาและไปอย่างรวดเร็ว แทบจะทุกวินาที การที่หมูเด้งอยู่ในความสนใจของผู้คนได้นานถึง 4 เดือนเศษ จึงสมควรเรียกว่าเป็น “ปรากฎการณ์” ที่ควรถูกบันทึก, หยิบมาถอดบทเรียน และหาวิธีต่อยอดให้เกิดประโยชน์ต่อไป

10 ประเด็นที่ได้รับความสนใจของสื่อสังคมออนไลน์ในเดือนพฤศจิกายน 2567

“ลอยกระทง” ขึ้นอันดับ 1 ของความสนใจในโลกออนไลน์เดือนพฤศจิกายน 67

“หมูเด้ง”รั้งอันดับ 2 “แม่หยัว” อันดับ 3 “หมีเนย” กลับขึ้นมาติด 10 อันดับอีกครั้ง

TikTok ยังครอง Engagement สูงกว่าทุกแพลตฟอร์ม

จากการสำรวจประเด็นการสื่อสารในโลกออนไลน์ผ่าน 5 แพลตฟอร์มในเดือนพฤศจิกายน 2567 พบว่า “เทศกาลลอยกระทง” ได้รับความสนใจสูงสุด โดยมีสัดส่วนการมีส่วนร่วม (Engagement) สูงถึง 36.27% ซึ่งสูงที่สุดในอันดับที่ 1 เช่นเดียวกับเดือน พ.ย.ปี 66 ตามมาด้วย “หมูเด้ง ลูกฮิปโปแคระ” ในอันดับที่ 2 ด้วยสัดส่วนการมีส่วนร่วม 12.45% “ละครแม่หยัว” อยู่ในอันดับที่ 3 ด้วยสัดส่วนการมีส่วนร่วม 11.97% และ “GMMTV2025 RIDING THE WAVE” อยู่ในอันดับที่ 4 ด้วยสัดส่วนการมีส่วนร่วม 10.41% นอกจากนี้ “น้องหมีเนย” ยังสามารถกลับมาติด 10 อันดับแรกได้อีกครั้งในเดือนนี้

สาเหตุที่สื่อสังคมออนไลน์ให้ความสนใจใน “เทศกาลลอยกระทง” เนื่องจากเป็นประเพณีอันทรงคุณค่าที่สืบทอดกันมาช้านาน และยังเป็นเทศกาลที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในบางจังหวัดที่มีการจัดงานลอยกระทงอย่างยิ่งใหญ่ เช่น งานลอยกระทงที่เชียงใหม่, สุโขทัย และกรุงเทพฯ เป็นต้น ด้วยความสำคัญทางวัฒนธรรม และการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย จึงไม่น่าแปลกใจที่เทศกาลลอยกระทงได้รับความสนใจสูงสุดในสื่อสังคมออนไลน์และติดอันดับที่ 1 ในการสำรวจครั้งนี้

ในเดือนพฤศจิกายน 2567 มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ เช่น คดีดิไอคอนกรุ๊ป, กระแสน้องเอวาเสือโคร่งสีทองของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี, หนุ่ม กรรชัยตัดขาดฟิล์ม รัฐภูมิจากกรณีถูกแอบอ้างชื่อเรียกร้องเงินจากบอสดิไอคอนเพื่อให้มาออกรายการโหนกระแส, งาน “DENTISTE” Presents LISA Fan Meetup in Asia 2024 และงานรับปริญญาของ ออม กรณ์นภัส นักแสดงจากซีรีส์ใจซ่อนรัก อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ทั้งหมดดังกล่าวกลับไม่ติด 10 อันดับแรกความสนใจของสื่อสังคมออนไลน์ในเดือนพฤศจิกายน 2567

10 ประเด็นที่ได้รับความสนใจ มีการสื่อสารและมีส่วนร่วมมากที่สุดในโลกออนไลน์ เดือนพฤศจิกายน 2567

Media Alert กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ร่วมกับบริษัท Wisesight ได้ดำเนินการศึกษาการสื่อสารในโลกออนไลน์ของสังคมไทย โดยใช้เครื่องมือ ZocialEye ในการสำรวจข้อมูลจาก 5 แพลตฟอร์มหลัก ได้แก่ 1) Facebook 2) X 3) Instagram 4) YouTube และ 5) TikTok การศึกษาครั้งนี้เริ่มต้นจากการค้นหาแนวโน้มกระแสสังคมที่ได้รับความสนใจ เช่น Wisesight Trend และแนวโน้มจากทั้ง 5 แพลตฟอร์ม จากนั้นได้ทำการค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญที่ได้รับความสนใจในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เช่น “ลอยกระทง” “หมูเด้ง” “แม่หยัว” “gmmtv2025″ “missuniversethailand2024” “คนตื่นธรรม” “ทนายตั้ม” “มิตรภาพคราบศัตรู” “ปิ่นภักดิ์” และ “Butterbear” หลังจากนั้น ข้อมูลที่ได้จะถูกคัดกรองและจัดหมวดหมู่ตามประเด็น กลุ่มเนื้อหา ประเภทแพลตฟอร์ม และกลุ่มผู้สื่อสารตามเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความแม่นยำและเป็นกลาง โดยอ้างอิงจากหลักฐานเชิงประจักษ์ (Empirical Data) ซึ่งประกอบด้วย จำนวนค่าการมีส่วนร่วม ข้อความจากสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงวันที่และเวลาในการโพสต์ เพื่อให้การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นไปอย่างถูกต้องและลดอคติในการวิเคราะห์ประเด็นที่ได้รับความสนใจในโลกออนไลน์ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 มีดังนี้

อันดับที่ 1 เทศกาลลอยกระทง (95,578,396 Engagement)

เทศกาลลอยกระทงเป็นประเพณีที่มีความสำคัญและสืบทอดกันมาตั้งแต่อดีต โดยมีความเชื่อว่าการลอยกระทงในคืนวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เป็นการขอขมาพระแม่คงคา และบูชารอยพระพุทธ ในปัจจุบันสื่อสังคมออนไลน์ได้มีบทบาทสำคัญในการแบ่งปันภาพถ่าย และวิดีโอจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังสถานที่จัดงานในจังหวัดต่าง ๆ เช่น เชียงใหม่ สุโขทัย และกรุงเทพฯ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกระแสการลดหรือยกเลิกการใช้กระทงแบบดั้งเดิม แม้ว่าจะมีความสนใจน้อยกว่าในปี 2566 แต่ในปีนี้เริ่มมีการพูดถึงกระทงที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ เช่น “น้องวันเพ็ญกระทงพลาสติกรีไซเคิล ซึ่งพัฒนาโดยมูลนิธิ TerraCycle Thai และเพจ Konggreengreen ให้สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ แม้ Engagement ไม่สูงนัก แต่ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการจัดการปัญหาขยะจากกระทงรูปแบบใหม่ในปีนี้ ในด้านของผู้สื่อสาร พบว่า ผู้ใช้งานทั่วไปเป็นแหล่งข้อมูลที่สร้างการมีส่วนร่วมได้มากที่สุด โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม TikTok ซึ่งมียอดการมีส่วนร่วมสูงสุดถึง 71.67%

อันดับที่ 2 หมูเด้ง ลูกฮิปโปแคระ (32,796,339 Engagement)

            หมูเด้ง” ลูกฮิปโปแคระ ได้รับความนิยมในสื่อสังคมออนไลน์ตั้งแต่เดือนกันยายน มีการเผยแพร่ภาพ และวิดีโอความน่ารักในอิริยาบถต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ ความนิยมยังคงต่อเนื่องมาถึงเดือนพฤศจิกายน มีการนำเสนอในรูปแบบ วิดีโอการ์ตูน ภาพวาด การ Cover เพลงที่เกี่ยวกับหมูเด้ง รวมถึงการใช้ชื่อ “หมูเด้ง” ในรูปแบบการ์ตูนฮิปโปในการสอนศาสนาของบัญชี krubaheng ประเด็นที่น่าสนใจในเดือนนี้ ได้แก่ การนำเสนอความน่ารักของหมูเด้งผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ในชื่อ ขาหมูแอนด์เดอะแก๊ง ได้รับความสนใจจนได้รับรางวัลสาขา Video of the year ในงาน TikTok Award นอกจากนี้ยังมีความเคลื่อนไหวจากแฟนคลับที่ไม่พอใจที่พี่เลี้ยงหมูเด้งมีแฟนแล้ว และการเปรียบเทียบความน่ารักของหมูเด้งกับน้องเอวาเสือโคร่งสีทอง ในส่วนของผู้สื่อสารพบว่า ผู้มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์เป็นกลุ่มที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้สูงสุด เช่น khamoo.andthegang, kie_alan, และ pondonnews โดยแพลตฟอร์ม TikTok มีสัดส่วนการมีส่วนร่วมสูงสุดที่ 63.71%

อันดับที่ 3 ละครแม่หยัว (31,546,213 Engagement)

ละคร “แม่หยัว” ทางช่อง One 31 เป็นละครที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา ของแม่หยัวศรีสุดาจันทร์” ซึ่งเป็นสนมเอกของสมเด็จพระไชยราชาธิราช นำแสดงโดยใหม่ ดาวิกา, ฟิล์ม ธนภัทร, และตุ้ย ธีรภัทร์ ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องจากเดือนตุลาคม อย่างไรก็ตามในเดือนพฤศจิกายน ละครกลับมามีกระแสทางลบ เนื่องจากมีฉากหนึ่งในละครมีการใช้ยาสลบกับแมว ซึ่งทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ แม้ว่าผู้กำกับจะออกมาชี้แจงว่าแมวตัวดังกล่าวไม่ได้รับอันตราย แต่กระแสยังคงมีอยู่ และเกิดแฮชแท็ก #แบนแม่หยัว ขึ้น ในส่วนของผู้สื่อสาร พบว่า ผู้มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์ สามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้มากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นการโปรโมตละครจากช่อง One 31, ผู้จัด, นักแสดง และผู้ที่เกี่ยวข้องกับนักแสดง เช่น davikahchannel, pizza_movie, และ fernynopjira เป็นต้น โดยแพลตฟอร์ม TikTok มีสัดส่วนการมีส่วนร่วมสูงสุดที่ 50.65%

อันดับที่ 4 GMMTV 2025 RIDING THE WAVE (27,428,973 Engagement)

GMMTV 2025 RIDING THE WAVE เป็นงานแถลงข่าวที่เปิดเผยคอนเทนต์ และซีรีส์ของบริษัท GMMTV ในปี 2025 ซึ่งมีนักแสดงเข้าร่วมงานมากกว่า 100 ชีวิต และสร้างปรากฏการณ์ในสื่อสังคมออนไลน์จนทำให้แฮชแท็ก #GMMTV2025 ขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ใน X ทั่วโลกเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ในส่วนของผู้สื่อสาร พบว่า ผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ สามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้สูงที่สุด โดยเฉพาะจากบัญชีนักแสดง fourth.ig, gemini_nt, และ dew_jsu เป็นต้น โดยแพลตฟอร์ม Instagram สามารถสร้างการมีส่วนร่วมสูงสุดถึง 61.83%

อันดับที่ 5 การประกวด Miss Universe 2024 (16,095,568 Engagement)

การประกวด Miss Universe 2024 เป็นการประกวดครั้งที่ 73 ซึ่งรอบตัดสินจัดขึ้นในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ณ กรุงเม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก โดย โอปอล สุชาดา ช่วงศรี จากประเทศไทยสามารถคว้ารางวัลรองอันดับที่ 3 มาได้ ในขณะที่ตำแหน่ง Miss Universe 2024 ตกเป็นของ มารีแอ วิกทอแอร์ แคร์ ไทล์วี จากประเทศเดนมาร์ก ในส่วนของผู้สื่อสาร พบว่า ผู้มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์ สามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้มากที่สุด เช่น missuniverse.in.th, namtanlita, และ suchaaata เป็นต้น โดยแพลตฟอร์ม Instagram มีสัดส่วนการมีส่วนร่วมสูงสุดที่ 42.58%

อันดับที่ 6 อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม (14,350,608 Engagement)

อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม ผู้มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์ด้านธรรมะ ได้รับความนิยมจากการถ่ายทอดคำสอนในสไตล์ที่เข้มข้น และเข้าใจง่าย ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้คนในวงกว้าง ในเดือนพฤศจิกายนอาจารย์เบียร์ได้ไปออกรายการโหนกระแสร่วมกับแพรรี่ ไพรวัลย์ และพระครูปลัดธีระ หรือ พระปีนเสา การปรากฏตัวในครั้งนี้ถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายบนสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งจากผู้ใช้งานทั่วไป และผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ที่นำวิดีโอจากรายการโหนกระแสไปตัดต่อ และเรียบเรียงใหม่ นอกจากนี้ยังมีการตัดต่อคำสอนของอาจารย์เบียร์เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ในส่วนของผู้สื่อสาร พบว่า ผู้ใช้งานทั่วไปเป็นกลุ่มที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้มากที่สุด โดยแพลตฟอร์ม TikTok มีสัดส่วนการมีส่วนร่วมสูงสุดที่ 57.32%

อันดับที่ 7 ทนายษิทราถูกตั้งข้อหาฉ้อโกง (12,639,975 Engagement)

ทนายษิทรา หรือ ทนายตั้ม ทนายความชื่อดังจากคดีหวย 30 ล้านระหว่างหมวดจรูญ และครูปรีชา ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงในกรณีหลอกลวงนางสาวจตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย ให้ลงทุนในธุรกิจหวยออนไลน์เป็นเงินจำนวน 71 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมทนายษิทรา ขณะกำลังขับรถไปจังหวัดสระแก้ว ในส่วนของผู้สื่อสาร พบว่า สื่อ สำนักข่าวเป็นกลุ่มที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้มากที่สุด โดยเฉพาะ amarintvhd, khaosodonline, และ thairath_news เป็นต้น ส่วนแพลตฟอร์ม TikTok สามารถสร้างการมีส่วนร่วมสูงสุดที่ 61.44%

อันดับที่ 8 ซีรีส์ High School Frenemy มิตรภาพคราบศัตรู (12,551,059 Engagement)

ซีรีส์ High School Frenemy หรือมิตรภาพคราบศัตรู จากช่อง GMM25 นำแสดงโดยสกาย วงศ์รวี และ นานิ หิรัญกฤษฎิ์ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับความบาดหมางระหว่างนักเรียนจากสองวิทยาเขตที่ต้องมาเรียนร่วมกันเนื่องจากสถานการณ์ทางการเงินของโรงเรียน ในส่วนของการสื่อสารในสื่อสังคมออนไลน์ ส่วนใหญ่เป็นการโปรโมตซีรีส์จากนักแสดงบริษัท GMMTV โดยผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ทำหน้าที่เป็นผู้สื่อสารหลัก ส่วนใหญ่เกิดขึ้นผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการของซีรีส์ รวมถึงบัญชีของนักแสดง เช่น skywongravee, junewanwimol19, และ Viu_th เป็นต้น โดยแพลตฟอร์ม TikTok ยังคงสามารถสร้างการมีส่วนร่วมสูงสุดที่ 37.47%

 

 

อันดับที่ 9 ซีรีส์ปิ่นภักดิ์ (10,531,578 Engagement)

ปิ่นภักดิ์” ซีรีส์แนวแซฟฟิค (Sapphic) หญิงรักหญิง ที่มีเนื้อหาพร้อมบรรยากาศย้อนยุคโรแมนติก ทางช่อง Workpoint นำแสดงโดย ฟรีน สโรชา และ เบ็คกี้ รีเบคก้า ในเดือนพฤศจิกายนซีรีส์เข้าสู่ช่วงท้ายเรื่อง ส่งผลให้ผู้ชมพูดถึงละครเรื่องนี้อย่างกว้างขวางในสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะเนื้อหาในตอนที่ 16 ซึ่งเป็นตอนจบของเรื่อง ในส่วนของผู้สื่อสาร พบว่า ผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ ทำหน้าที่เป็นผู้สื่อสารหลัก ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่องทางอย่างเป็นทางการของซีรีส์ รวมถึงบัญชีของนักแสดง เช่น freen_official, idolfactory และ workpointofficial เป็นต้น โดยแพลตฟอร์ม X ยังคงสามารถสร้างการมีส่วนร่วมสูงสุดที่ 68.40%

อันดับที่ 10 ความนิยมมาสคอตร้าน Butterbear (9,983,541 Engagement)

น้องหมีเนย มาสคอตจากร้าน Butterbear กลับมาได้รับความสนใจจากสื่อสังคมออนไลน์อีกครั้งในอันดับที่ 10 หลังจากที่หลุดออกจาก 10 อันดับแรกในเดือนตุลาคม โดยโพสต์ที่ได้รับ Engagement สูงที่สุดในเดือนนี้มาจากกิจกรรม Butterbear’s 1st Fam Meeting และคลิปการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของ น้องหมีเนย ซึ่งเผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อสารอย่างเป็นทางการของร้าน Butterbear รวมถึงจากกลุ่มแฟนคลับ มัมหมี ในส่วนของผู้ใช้งานที่สร้างการมีส่วนร่วมสูงสุด ยังคงเป็นผู้ใช้งานทั่วไป โดยแพลตฟอร์ม TikTok สามารถสร้างการมีส่วนร่วมสูงสุดที่ 41.89%

ผลการสำรวจการสื่อสารออนไลน์ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ในด้านกลุ่มเนื้อหา ผู้สื่อสาร แพลตฟอร์ม
กลุ่มเนื้อหา

จาก 10 ประเด็นที่ได้รับความสนใจและมีการสื่อสารในสื่อสังคมออนไลน์มากที่สุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 สามารถจำแนกเนื้อหาออกเป็น 4 กลุ่ม ตามจำนวน Engagement ดังนี้

อันดับหนึ่ง กลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง รวม 140,933,271 Engagement คิดเป็น 53.48% จาก 7 ประเด็น ประกอบด้วย หมูเด้ง ลูกฮิปโปแคระ (32,796,339 Engagement) ตามด้วย ละครแม่หยัว (31,546,213 Engagement), GMMTV 2025 RIDING THE WAVE (27,428,973 Engagement), การประกวด Miss Universe 2024 (16,095,568 Engagement), ซีรีส์ High School Frenemy มิตรภาพคราบศัตรู (12,551,059 Engagement), ซีรีส์ปิ่นภักดิ์ (10,531,578 Engagement) และความนิยมมาสคอตร้าน Butterbear (9,983,541 Engagement)

อันดับสอง เทศกาล พบ 1 ประเด็น คือ เทศกาลลอยกระทง โดยมีจำนวน 95,578,396 Engagement คิดเป็น 36.27%

อันดับสาม กลุ่มเนื้อหาศาสนา ความเชื่อ พบ 1 ประเด็น คือ อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม โดยมีจำนวน 14,350,608 Engagement คิดเป็น 5.45%

อันดับสี่ กลุ่มเนื้อหาอาชญากรรม อุบัติเหตุ พบ 1 ประเด็น คือ ทนายษิทราถูกตั้งข้อหาฉ้อโกง โดยมีจำนวน 12,639,975 Engagement คิดเป็น 4.80%

จะเห็นว่า กลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง ยังคงเป็นกลุ่มเนื้อหาหลักที่ได้รับ Engagement มากกว่าทุกกลุ่ม และติด 10 อันดับแรกของทุกเดือน โดยในเดือนพฤศจิกายน 2567 พบว่าละครและซีรีส์ต่าง ๆ เข้าสู่ช่วงท้ายเรื่อง เช่น ละครแม่หยัว ซีรีส์ปิ่นภักดิ์ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม GMMTV 2025 RIDING THE WAVE เพื่อโปรโมตผลงานของบริษัท GMMTV ในปี 2025 และมีซีรีส์ใหม่ที่เพิ่งออกอากาศ เช่น ซีรีส์ High School Frenemy มิตรภาพคราบศัตรู ทำให้สื่อสังคมออนไลน์ให้ความสนใจในประเด็นสื่อสิ่งบันเทิงมากถึง 7 ประเด็น

กลุ่มเนื้อหาที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจำแนกตามผู้สื่อสารและแพลตฟอร์ม

กลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง มีกลุ่มผู้สื่อสารที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วม หรือมี Engagement มากที่สุดในเดือนพฤศจิกายน 2567 คือ ผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ (57.38%) รองลงมา ได้แก่ ผู้ใช้งานทั่วไป (27.23%), สื่อ สำนักข่าว (15.13%) และ แบรนด์ (0.26%) โดยมี TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่สร้าง Engagement มากที่สุดที่ 34.75% รองลงมาได้แก่ Instagram (28.24%), X (20.46%), Facebook (13.93%), และ YouTube (2.62%)

กลุ่มเนื้อหาเทศกาล มีกลุ่มผู้สื่อสารที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วม หรือมี Engagement มากที่สุด คือ ผู้ใช้งานทั่วไป (50.21%) รองลงมา ได้แก่สื่อ ผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ (44.40%), สื่อ สำนักข่าว (3.77%) และ อื่น ๆ ได้แก่ แบรนด์ (1.61%) ภาครัฐ (0.01%) โดยมี TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่สร้าง Engagement มากที่สุดที่ 71.67% รองลงมาได้แก่ Instagram (12.31%), Facebook (11.80%), X (3.42%) และ YouTube (0.80%)

กลุ่มเนื้อหาศาสนา ความเชื่อ มีกลุ่มผู้สื่อสารที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วม หรือมี Engagement มากที่สุด คือ ผู้ใช้งานทั่วไป (34.02%) รองลงมา ได้แก่ ผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ (33.22%), สื่อ สำนักข่าว (32.70%) และ แบรนด์ (0.06%) โดยมี TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่สร้าง Engagement มากที่สุดที่ 57.32% รองลงมาได้แก่ Facebook (33.03%), YouTube (6.40%), Instagram (2.24%) และ X (1.01%)

กลุ่มเนื้อหาอาชญากรรม อุบัติเหตุ มีกลุ่มผู้สื่อสารที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วม หรือมี Engagement มากที่สุด คือ สื่อ สำนักข่าว (61.66%) รองลงมา ได้แก่สื่อ ผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ (33.81%), ผู้ใช้งานทั่วไป (3.87%) และ อื่น ๆ ได้แก่ พรรคการเมือง (0.66%) โดยมี TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่สร้าง Engagement มากที่สุดที่ 61.44% รองลงมาได้แก่ YouTube (19.75%), Facebook (15.12%), Instagram (2.02%) และ X (1.67%)

กลุ่มผู้สื่อสาร

            ในภาพรวมช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 พบว่ากลุ่มผู้สื่อสารที่สร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) ในสื่อออนไลน์ สามารถแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มหลัก ได้แก่ ผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ (47.48%) ตามด้วย ผู้ใช้งานทั่วไป ในสัดส่วน (37.56%), สื่อ สำนักข่าว (14.20%), แบรนด์ (0.72%) พรรคการเมือง (0.03%) และภาครัฐ (0.01%)

กลุ่มผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ สร้าง Engagement สูงสุดในกลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง จากการโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหมูเด้ง เช่น ครูบาเฮงที่สอนธรรมะโดยการใช้ตัวละครฮิปโปที่ชื่อหมูเด้งรวมถึงการโพสต์ภาพชีวิตประจำวันของหมูเด้ง การเต้น Cover เพลงหมูเด้ง ส่วนละครแม่หยัวเป็นการโปรโมตละครของนักแสดง และผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์อื่น ๆ ส่วนในกลุ่มเนื้อหาเทศกาล เป็นการเป็นการแบ่งปันภาพถ่าย วิดีโอการลอยกระทง ส่วนในกลุ่มเนื้อหาอื่น ๆ ผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์มีบทบาทในการสรุปประเด็นที่เกิดขึ้น เช่น การตัดคลิปอาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม สอนธรรมะ และตัด highlight การดีเบตธรรมะในรายการต่าง ๆ การสรุปประเด็นทนายษิทราถูกตั้งข้อหาฉ้อโกง เป็นต้น ตัวอย่างกลุ่มผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ที่สามารถสร้าง Engagement ได้สูง ได้แก่ sunny_rung, khamoo.andthegang, ช่อง one Lakorn เป็นต้น

ผู้ใช้งานทั่วไป สามารถสร้างก Engagement ได้มากที่สุดในกลุ่มเนื้อหาเทศกาลจากการแบ่งปันภาพถ่าย หรือวิดีโอจากเทศกาลลอยกระทงตามสถานที่ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมาจากกลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง เช่น การแชร์ภาพหมูเด้ง, ละครแม่หยัว, GMMTV 2025 RIDING THE WAVE, การประกวด Miss Universe 2024, ซีรีส์ High School Frenemy มิตรภาพคราบศัตรู, ซีรีส์ปิ่นภักดิ์ และความนิยมมาสคอตร้าน Butterbear รวมถึงการกล่าวถึงอาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม โดยการแชร์คลิปสั้นของอาจารย์เบียร์ ส่วนประเด็นทนายษิทราถูกตั้งข้อหาฉ้อโกง เป็นการแชร์ข้อมูลการแสดงความคิดเห็น เช่น การคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นต่อกรณีทนายษิทรา เป็นต้น

สื่อ สำนักข่าว สร้าง Engagement สูงสุดในกลุ่มเนื้อหาอาชญากรรรม อุบัติเหตุ จากประเด็น         ทนายษิทราถูกตั้งข้อหาฉ้อโกง โดยสื่อ สำนักข่าวยังคงมีบทบาทสำคัญในการนำเสนอข่าวที่มีเนื้อหาหนักอย่างอาชญากรรม อุบัติเหตุ ด้วยผู้สื่อข่าวสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลและมีทักษะในการนำเสนอที่ดีกว่าผู้สื่อสารกลุ่ม  อื่น ๆ

ส่วนกลุ่มผู้สื่อสารอื่น ๆ ได้แก่ แบรนด์, พรรคการเมือง และ ภาครัฐ พบว่า แม้ในภาพรวมสร้าง Engagement ได้น้อยกว่า 3 กลุ่มแรก แต่ก็สามารถสร้างการมีส่วนร่วมในกลุ่มเนื้อหาเทศกาล รวมถึงการเชิญชวนให้ร่วมกิจกรรมลอยกระทง แม้จะไม่ได้เป็นผู้สื่อสารหลัก ยกตัวอย่างเช่น การประกวดนางนพมาศไอคอนสยาม 2567 การซ้อมลอยกระทงออนไลน์ การนำเสนอไอเดียการลอยกระทงรักษ์โลก การจัดกิจกรรมที่ล้อไปกับเทศกาลลอยกระทง เป็นต้น

แพลตฟอร์มการสื่อสาร

         จากการสำรวจ 10 อันดับประเด็นที่ได้รับความสนใจสูงสุดในโลกออนไลน์ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 ในภาพรวมพบว่าแพลตฟอร์มที่สร้าง Engagement มากที่สุดเรียงตามลำดับคือ TikTok ซึ่งมีสัดส่วน 50.65% ตามด้วย Instagram 19.79%, Facebook 14.25%, X 12.32% และ YouTube 2.99%

 เมื่อพิจารณารายแพลตฟอร์ม พบว่า TikTok ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่สร้าง Engagement สูงที่สุดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 ในกลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง แต่ในเดือนพฤศจิกายน พบ Engagement ส่วนใหญ่บน TikTok จากเทศกาลลอยกระทง ทั้งการแบ่งปันภาพ วิดีโอ ในงานลอยกระทงในจังหวัดต่าง ๆ โดยเฉพาะประเพณียี่เป็งของจังหวัดเชียงใหม่ และลอยกระทงในจังหวัดสุโขทัย นอกจากนี้ยังพบความพยายามในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น กระทงพลาสติกรีไซเคิล “น้องวันเพ็ญ” กระทงจิ๋ว ทำจากใบลิ้นกระบือ ดอกเข็ม การลอยกระทงออนไลน์ เป็นต้น สำหรับกลุ่มเนื้อหาอื่น ๆ ยังคงมาจากความนิยมในเนื้อหาวิดีโอที่ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ชื่นชอบในเดือนนี้ เช่น การตามติดหมูเด้งในอิริยาบถต่าง ๆ, การเผยแพร่คำสอนพุทธศาสนาของอาจารย์เบียร์ การตัดฉากสำคัญของละครแม่หยัวมาเผยแพร่ ทนายษิทราถูกตั้งข้อหาฉ้อโกง ซึ่ง TikTok สามารถตอบโจทย์การสื่อสาร และสร้าง Engagement จากคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอสั้นได้ดีกว่าแพลตฟอร์มอื่น

ขณะที่แพลตฟอร์ม X พบว่า เด่นในกลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง โดยเฉพาะจาก GMMTV 2025 RIDING THE WAVE และซีรีส์ปิ่นภักดิ์ ทั้งนี้ การสื่อสารในแพลตฟอร์ม X ส่วนใหญ่จะเป็นการสื่อสารหรือแสดงความสนใจในเรื่องเฉพาะเจาะจง เช่น ดารา นักแสดงวัยรุ่น คอนเสิร์ต หรือซีรีส์ที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางเพศ หรือเนื้อหาที่ต้องการความสดใหม่และการสื่อสารแบบเรียลไทม์ จากกลุ่มแฟนคลับละคร รวมถึงแฟนคลับนักแสดงที่ชื่นชอบละครแนวแซฟฟิค หรือ หญิงรักหญิง และละครวัยรุ่นจากบริษัท GMMTV ที่พบว่าเริ่มเป็นที่นิยมหรือมีการสื่อสารใน X มากขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567

Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่สร้าง Engagement จากเทศกาลลอยกระทงและสื่อ สิ่งบันเทิง โดยเทศกาลลอยกระทงจะมาจากผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ โพสต์แต่งกายเป็นนางนพมาศ การโพสต์ Highlight ละครแม่หยัว ส่วนสื่อสิ่งบันเทิงจะเป็นตัวกลางในการสื่อสารเพื่อติดตาม เพื่อรายงานเรื่องราวที่สังคมกำลังให้ความสนใจ เช่น การดีเบตระหว่างอาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม กับพระครูปลัดธีระ หรือ พระปีนเสา ในรายการโหนกระแส เป็นต้น

Instagram สร้าง Engagement ได้สูง ในกลุ่มเนื้อหา สื่อ สิ่งบันเทิง และกลุ่มเนื้อหาเทศกาล เนื่องจากเป็นช่องทางที่สามารถแบ่งปันภาพถ่ายได้ดีที่สุด และเป็นช่องทางที่ผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ส่วนใหญ่เลือกใช้มากในทุกกลุ่มเนื้อหา เช่น GMMTV 2025 RIDING THE WAVE, การโพสต์โปรโมตละครของนักแสดง, การโพสต์ภาพผู้เข้าประกวด Miss Universe Thailand 2024, ความนิยมมาสคอตร้าน Butterbear เป็นต้น

YouTube เป็นแพลตฟอร์มที่สร้าง Engagement ได้สูงจากกลุ่มเนื้อหาอาชญากรรม อุบัติเหตุ โดยเฉพาะจากสื่อ สำนักข่าว จากประเด็นทนายษิทราถูกตั้งข้อหาฉ้อโกง ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้รับสารต้องการเปิดรับข้อมูลจากสื่อมวลชน ซึ่งถือเป็นแหล่งข่าวที่มีความน่าเชื่อถือ และสามารถลงพื้นที่เพื่อติดตามและรายงานสถานการณ์ได้ดีกว่ากลุ่มผู้สื่อสารอื่น ๆ แต่เป็นที่น่าสนใจว่ากลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิงที่อยู่ใน YouTube มักถูกใช้โดยผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ เช่น การโพสต์ตัวอย่างละครที่จะเผยแพร่ในปี 2025 ของบริษัท GMMTV  การโพสต์ฉากสำคัญของซีรี่ส์หรือละครตอนต่าง ๆ บนช่องทางอย่างเป็นทางการของช่องที่ออกอากาศหรือจากทางผู้สร้างละคร เป็นต้น

กล่าวโดยสรุป การสื่อสารออนไลน์ของเดือนพฤศจิกายน 2567 ในภาพรวม 10 อันดับแรก พบว่า กลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง ได้ความสนใจสูงถึง 7 อันดับ คิดเป็นสัดส่วนที่ 50.65% โดยนับรวม หมูเด้ง ลูกฮิปโปแคระ (อันดับที่ 2) และความนิยมมาสคอตร้าน Butterbear (อันดับที่ 10) นอกนั้นเป็นสื่อและกิจกรรมให้ความบันเทิง คือ ละครแม่หยัว (อันดับที่ 3) GMMTV 2025 RIDING THE WAVE (อันดับที่ 4) ซีรีส์ High School Frenemy มิตรภาพคราบศัตรู (อันดับที่8) และซีรีส์ปิ่นภักดิ์ (อันดับที่ 9) ตามด้วยกลุ่มเนื้อหาเทศกาล จากประเด็นเทศกาลลอยกระทง (อันดับที่ 1) กลุ่มเนื้อหาศาสนา ความเชื่อ จากประเด็นอาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม (อันดับ 6) นอกจากนี้ ยังพบกลุ่มเนื้อหาอาชญากรรม อุบัติเหตุ 1 ประเด็น ได้แก่ ทนายษิทราถูกตั้งข้อหาฉ้อโกง (อันดับ 7)

 

เทศกาลลอยกระทงได้รับความสนใจมากเป็นอันดับ 1 โดยมีสัดส่วนผู้สื่อสารและแพลตฟอร์มคล้ายกับปีที่แล้ว

ในปี 2566 เทศกาลลอยกระทงได้รับความสนใจเป็นอันดับที่ 1 โดยมี Engagement ประมาณ 85 ล้านครั้ง มีผู้สื่อสารหลักเป็นผู้ใช้งานทั่วไปที่ 53.29% และมี TikTok เป็นแพลตฟอร์มหลักที่ 63.37% ในขณะที่ปี 2567 เทศกาลลอยกระทงได้รับความสนใจเป็นอันดับที่ 1 โดยมี Engagement ประมาณ 95 ล้านครั้ง มีผู้สื่อสารหลักและแพลตฟอร์มหลักคือ ผู้ใช้งานทั่วไป และ TikTok กล่าวได้ว่า จำนวนผู้ที่ให้ความสนใจกับเทศกาลลอยกระทงมีเพิ่มมากขึ้นจากปีที่ผ่านมา แต่เนื้อหายังมีลักษณะคล้ายกับปี 2566 คือ การแบ่งปันภาพความสวยงามของสถานที่จัดงานตามจังหวัดต่าง ๆ และภาพของผู้ที่เข้าร่วมงาน นอกจากนี้ยังพบแนวคิดในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น กระทงทำจากพลาสติกเพื่อนำมาใช้ซ้ำได้ กระทงจิ๋ว การลอยกระทงออนไลน์ เป็นต้น  

หมูเด้งได้รับความนิยมลดลง ในขณะที่ หมีเนย มีความนิยมใกล้เคียงกับเดือนที่ผ่านมา

         หมูเด้ง ลูกฮิปโปแคระยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 แต่ในเดือนพฤศจิกายน 2567 สื่อสังคมออนไลน์เริ่มให้ความสนใจลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤศจิกายนเนื้อหาที่ยังได้รับความสนใจสูงเป็นความน่ารักของหมูเด้งผ่านช่องทาง ขาหมูแอนด์เดอะแก๊ง ซึ่งได้รับรางวัลในงาน TikTok Award นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวจากแฟนคลับที่ไม่พอใจที่พี่เลี้ยงหมูเด้งมีแฟนแล้ว และการเปรียบเทียบความน่ารักของหมูเด้งกับน้องเอวาเสือโคร่งสีทอง ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ความสนใจลดน้อยลงอาจเป็นเพราะสื่อสังคมออนไลน์เริ่มไปโฟกัสที่น้องเอวา เสือโคร่งสีทองที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ประกอบกับหมูเด้งเริ่มโตขึ้นทำให้ไม่น่ารักเท่ากับตอนที่ยังเล็ก

            ในเดือนพฤศจิกายน หมีเนยสามารถกลับเข้ามาเป็นอันดับที่ 10 หลังจากหลุดไปอยู่อันดับที่ 12 ในเดือนตุลาคม แม้จำนวน Engagement อยู่ในระดับเดียวกันมาตั้งแต่เดือนกันยายน คือที่ประมาณ 9 ล้านครั้ง ซึ่งอาจสรุปได้ว่ากลุ่มฐานแฟนคลับของหมีเนยเริ่มคงตัวแต่ยังคงมีความเหนียวแน่น

สื่อ สิ่งบันเทิงยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ซีรีส์วายเริ่มกลับมาได้รับความนิยม

            ในเดือนพฤศจิกายน กลุ่มเนื้อหาสื่อ สิ่งบันเทิง ได้รับความสนใจมากถึง 7 ใน 10 ประเด็น นอกเหนือจากหมูเด้ง และหมีเนยที่กล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีละครและซีรีส์ที่เข้าสู่ช่วงท้ายเรื่องอย่าง แม่หยัว และปิ่นภักดิ์ นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Content ใหม่ในปี 2025 ของบริษัท GMMTV และการประกวด Miss Universe 2024 ที่สามารถช่วงชิงพื้นที่สื่อสังคมออนไลน์ได้จนติดอันดับที่ 4 และอันดับที่ 5 ในเดือนนี้ แต่ที่น่าสนใจคือ ซีรีส์วาย กลับมาติดอันดับอีกครั้งหลังจากซีรีส์เขียนรักด้วยยางลบติดอันดับที่ 7 เดือนกรกฎาคม ทั้งนี้อาจเป็นเพราะผู้จัดละครเริ่มกลับมาให้ความสนใจกับซีรีส์วายมากขึ้น หลังจากการทดสอบความนิยมซีรีส์แนวแซฟฟิกซึ่งได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงเดือนพฤศจิกายน

ประเด็นที่ไม่ติด 10 อันดับแรก และแนวโน้มความสนใจในภาพรวม

การสำรวจข้อมูลในเดือนพฤศจิกายน 2567 ยังพบว่ามีประเด็นเชิงสังคม และข่าวใหญ่อื่น ๆ ที่แม้จะไม่ติด 10 อันดับแรก แต่อยู่ในความสนใจในอันดับที่ 11-20 เช่น คดีดิไอคอนกรุ๊ป (อันดับที่ 11) ที่เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากการออกหมายจับบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดี โดยเฉพาะนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช นักการเมืองชื่อดัง, หนุ่ม กรรชัยตัดขาดฟิล์ม รัฐภูมิจากการแอบอ้างชื่อเรียกร้องเงินจากบอสดิไอคอนเพื่อให้มาออกรายการโหนกระแส (อันดับที่ 16)

กล่าวได้ว่า 10 อันดับแรกความสนใจของโลกออนไลน์ในเดือนพฤศจิกายน 2567 เป็นเรื่องของสื่อ สิ่งบันเทิง เป็นหลัก ซึ่งไม่ต่างจากสิ่งที่พบตั้งแต่เดือนมกราคม 67 แต่การที่ “เทศกาลลอยกระทง” ขึ้นอันดับ 1 ความสนใจของโลกออนไลน์ในเดือนพฤศจิกายน 2567 จึงเป็นที่น่าสนใจว่าในเดือนธันวาคม ที่มีทั้งวันสำคัญ และ เทศกาล อย่างคริสต์มาส และวันสิ้นปี จะได้รับความสนใจเช่นเดียวกับวันลอยกระทงหรือไม่

คดีแห่งปี “ดิไอคอนฯ” จะไม่ใช่แชร์ลูกโซ่สุดท้าย หากสังคมและรัฐยังไม่เปลี่ยน

ข่าวใหญ่ที่สุดในปี พ.ศ. 2567 คงไม่มีเรื่องไหนเกิน การทลายอาณาจักร “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ก่อนนำตัวเหล่า “บอส” พร้อมดารานักแสดงดังเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มีผู้เสียหายนับหมื่นคน มูลค่าความเสียหายเกิน 3 พันล้านบาท ..

  • แม้การสำรวจการสื่อสารออนไลน์ โดย Wisesight ร่วมกับ Media Alert กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ก็พบว่า ประเด็น ดิไอคอน ได้รับความสนใจสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในเดือนตุลาคม 67 ด้วยยอด Engagement สูงถึง 103.9M
  • กลไกทางจิตวิทยาอะไรที่อยู่เบื้องหลังความสูญเสียมหาศาลเช่นนี้ “เหยื่อ” คือเฉพาะคนที่โลภอย่างเดียวจริงไหม หรือ ใครๆก็มีโอกาสเป็นเหยื่อได้

 

เปิด “กลไกทางจิตวิทยา” ที่มิจฉาชีพใช้ในการชักชวนคนเข้าสู่วงการ ก่อนจะกลายมาเป็น “เหยื่อ” ที่มีคดี “ดิไอคอน” เป็นกรณีล่าสุด และกลายเป็นสุดยอดข่าวแห่งปี พ.ศ. 2567 เพราะผู้เสียหายนับหมื่น มูลค่ารวมกันเกิน 3 พันล้านบาท

 การชักชวนข้าสู่ธุรกิจอะไรบางอย่างที่ฟังดูยากจะเข้าใจ แต่ให้ข้อมูลชัดเรื่องผลตอบแทนที่ดีมากกว่าที่ได้จากการลงทุนแบบอื่น ทั้งไม่เน้นการขายสินค้าหรือบริการ (ถึงจะมีให้ขาย) แต่ให้หาคนมาร่วมลงทุนเยอะ ๆ แทน ฟังผ่าน ๆ ก็น่าจะพอรู้กันใช่ไหมว่า นี่คือ “แชร์ลูกโซ่” ที่หลายฝ่ายส่งเสียงเตือนกันมาเป็นสิบปี แต่เชื่อหรือไม่ว่า 85% ของคนที่ได้รับการชักชวน ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ก็ยังกล้าที่จะเสี่ยง ปัจจัยสำคัญมาจาก “ผลตอบแทน” ที่นำเสนอ (อ้างอิง1: งานวิจัยเรื่อง “นวัตกรรมการป้องกันแชร์ลูกโซ่ออนไลน์” ของ DSI เผยแพร่ปี พ.ศ. 2565)

 ยิ่งธุรกิจนั้น นำเหล่าดารานักแสดงหรือคนดังมาช่วยการันตี พร้อมกับสร้าง story ซึ้ง ๆ จากคนเคยจนมาตั้งตัวได้เพราะการลงทุนนี้ พร้อมกับถ้อยคำเด็ด ๆ โดนใจจนติดหูผู้ฟังด้วยแล้ว ยากมากที่เหยื่อทั้งหลายจะไม่ตก “หลุมพราง” เข้าสู่วงจรการหลอกลวงนี้ กว่าจะรู้ตัวก็เสียทรัพย์สินไปมากมาย บางคนถึงขั้นล้มละลาย เงินเก็บทั้งชีวิตหายไปในพริบตา

 ปี พ.ศ. 2567 คงไม่มีข่าวไหนดังไปกว่าการทลายอาณาจักร “ดิไอคอนกรุ๊ป” ที่หลายคนคงเคยได้เห็นการโฆษณาผ่านป้ายในรถไฟฟ้า ในย่านธุรกิจสำคัญ หรือบนบิลบอร์ดยักษ์มาหลายปี พร้อมกับตั้งคำถามในใจว่า นี่คือธุรกิจอะไรกันแน่? นอกเหนือจากหน้าตาของดารานักแสดงชื่อดังที่ปรากฎอยู่ในนั้น ก่อนความจริงจะมาเฉลยในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ว่า นี่อาจเป็นธุรกิจ “แชร์ลูกโซ่” ตามคำกล่าวหาของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แม้ผู้เกี่ยวข้องจะยังปฏิเสธ

ดิไอคอนฯ ก่อตั้งโดย “บอสพอล-นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล” เมื่อปี พ.ศ. 2561 อ้างว่าทำธุรกิจขายตรง จำหน่ายอาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงามผ่านตัวแทนจำหน่ายซึ่งเรียกกันว่า “พ่อทัพแม่ข่าย” แต่แทนที่จะเน้นการจำหน่ายสินค้า กลับมุ่งหาคนมาเป็น “ดาวน์ไลน์” ด้วยการเสนอสิ่งจูงใจสารพัดเพื่อให้ “เปิดบิล” ในเรต 2,500 บาท, 25,000 บาท ไปจนถึง 250,000 บาท ทั้งมีการจ้างดารานักแสดงชื่อดังมาร่วมสร้างความน่าเชื่อถือ เช่น “กันต์กันต์ กันตถาวร” “มีนพิชญา วัฒนามนตรี” “แซมยุรนันท์ ภมรมนตรี” “บอยปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” ฯลฯ พร้อมกับวลีติดปากที่น่าจะโดนใจคนวัยทำงาน “ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย!

เมื่อพูดถึงแชร์ลูกโซ่ เรามักคิดกันว่า “ความโลภ” เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คนจำนวนมากตกเป็น “เหยื่อ” แต่เชื่อหรือไม่ว่า ไม่ว่าจะกรณีแชร์ลูกโซ่, ฉ้อโกง, ปั่นหุ้น หรืออาชญากรรมทางเศรษฐกิจอื่น เช่น คอลเซ็นเตอร์, โรแมนซ์สแกม ที่ลงเอยด้วยการสูญเสียทรัพย์สิน แค่ความ “อยากได้-อยากมี” อาจไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้คนตกเป็นเหยื่อ ไม่ว่าจะรวยหรือจน ต่างก็มีโอกาสสูญเสียไม่ต่างกัน เช่นนั้น ปัจจัยอะไรบ้างที่อาจทำให้ใคร ๆ ก็อาจเป็นเหยื่อได้ – แม้กระทั่งตัวคุณเองชวนติดตามไปพร้อมกัน

 

กับดักทางจิตวิทยา

 SPRiNG รวบรวมคดี “แชร์ลูกโซ่” ที่ DSI รับเป็นคดีพิเศษ หรือสื่อมวลชนพูดถึงซ้ำ ๆ นับแต่คดีแชร์แม่ชม้อย. แชร์ชาร์เตอร์, เสมาฟ้าคราม, แชร์บลิสเชอร์ มาจนถึงดิไอคอนฯ ได้กว่า 30 คดี ความเสียหายรวมกันกว่า 25,000 ล้านบาท มีผู้เสียหายรวมกันอย่างน้อย 84,000 คน ยังไม่รวมถึงคดีอื่น ที่อาจจะมีชื่อเสียงหรือเป็นข่าวน้อยกว่าใน DSI อีก 118 คดี (ช่วงปี 2547 – 2566) รวมความเสียหายอีกกว่า 42,000 ล้านบาท (อ้างอิง2: ข่าวประชาสัมพันธ์จาก DSI เมื่อปี พ.ศ. 2566) หากประมวลจาก 2 แหล่งข้อมูลข้างต้น เป็นคดีแชร์ลูกโซ่ทั้งสิ้นอย่างน้อย 148 คดี รวมความเสียหายกว่า 67,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 1 คดี สร้างความเสียหายประมาณ 400 ล้านบาท ถือเป็นเงินที่มหาศาลไม่น้อย ทั้งนี้ ยังไม่รวมถึงแชร์ลูกโซ่อื่น ที่วงยังไม่ล่มจนกลายเป็นคดีความ หรือมีมูลค่าความเสียหายไม่มาก ซึ่งอาจอยู่นอกเหนือจากเรดาร์ของสื่อฯ หรือภาครัฐ ที่ยังไม่รู้ว่าจะมีอีกมากน้อยเพียงใด ทั้งจำนวนคดี, มูลค่าความเสียหาย, จำนวนผู้เสียหาย ที่มหาศาลทุกชุดข้อมูล ชวนให้สงสัยว่า มิจฉาชีพเหล่านั้นใช้วิธีการใดในการดึงคนเข้าสู่ขั้นตอนการถูกหลอกลวงได้? ทั้งที่รัฐบาลประกาศให้การแก้ไขปัญหานี้เป็น “วาระแห่งชาติ” มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 พร้อมระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยหาทางออก มีการรณรงค์ให้ความรู้อย่างต่อเนื่องยาวนาน

ดร.รพีพงค์ ยังวราสวัสดิ์ นักจิตวิทยาและนักจิตบำบัดการเงิน ให้คำอธิบายกับ SPRiNG ว่า สำหรับคนส่วนใหญ่เงิน” มันสำคัญกับชีวิตของพวกเขา และแทรกซึมในทุกอณูของจิตใจ หรือกระทั่งสัญชาตญาณ โดยเฉพาะคนที่มีความอ่อนไหวทางการเงิน

จากที่เคยให้คำปรึกษามา คนที่จะเป็นเหยื่อสามารถแบ่งได้เป็น 7 กลุ่มใหญ่

  • กลุ่มแรก คนที่ไม่มีความรู้ทางการเงินการลงทุน หรือมีความรู้ใน money game น้อย
  • กลุ่มที่สอง คนที่ขาดประสบการณ์ในการเงินการลงทุน
  • กลุ่มที่สาม คนที่ขาดความฉลาดรู้เท่าทันเกมการเงินการลงทุน คืออาจจะมีความรู้ มีภูมิต้านทานระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะทันเกม หรือคนที่มีประสบการณ์ก็อาจจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยม
  • กลุ่มที่สี่ คนที่ขาดการควบคุมความรู้สึก
  • กลุ่มที่ห้า คนที่มีปัญหาทางการเงิน เช่น เพิ่งตกงาน อย่างเคสดิไอคอนฯ ก็มีเหยื่อหลายคนที่เพิ่งตกงานจากโควิด
  • กลุ่มที่หก คนที่มีปัญหาชีวิต เช่น ผู้สูงอายุที่มีปัญหากับลูกหลาน รู้สึกตัวเองไม่มีค่า ต้องพึ่งเงินลูกหลาน ก็อาจจะเป็นเหยื่อได้
  • กลุ่มที่เจ็ด การเล่นกับ “อำนาจ” หรือจุดอ่อน โดยเฉพาะการโชว์ว่ามีอำนาจเงินกว่า มีอิสรภาพทางการเงิน ชีวิตที่ดี ซึ่งทำให้คนเหล่านั้น ถ้าไม่มี self-esteem หรือเห็นคุณค่าในตัวเอง ก็เป็นจุดที่ทำให้มิจฉาชีพเล่นงาน

 “คนที่ตกเป็นเหยื่อ อาจจะมีข้อใดข้อหนึ่ง หรือหลายข้อปนกันได้ มิจฉาชีพเขาจะเก่งในเรื่องการหลอกล่อมุมที่เหยื่ออ่อนไหว ซึ่งแต่ละคนจะอ่อนไหวไม่เหมือนกัน บางคนเป็นเรื่องความโลภ บางคนเป็นเรื่องความกลัว บางคนก็จะใช้ความรัก”

 บทบาทคนดังกับโซเชียลฯ ในการช่วยหลอกลวง

 ทำไม มิจฉาชีพหลายรายถึงมักแสดงไลฟ์สไตล์หรูหรา โชว์ความร่ำรวย อยู่ในแวดวงไฮโซผู้มีชื่อเสียง จนแทบจะเป็น “ท่ามาตรฐาน”

 ดร.รพีพงค์ให้คำอธิบายว่า มันเป็นวิธีหนึ่งในการแสดง “อำนาจ” การสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดีดูรวย เหมือนเป็นการ dominant เพื่อทำให้เหยื่อคล้อยตาม การเอาเหล่าดารานักแสดงหรือคนดังมาโปรโมต ก็ช่วยในเรื่องของการโฆษณาชวนเชื่อ เสมือนการ “สะกดจิต” ให้เหยื่อหลงเชื่อโดยง่าย และตกเข้ามาสู่ในวังวนของขบวนการ ในมุมของนักจิตวิทยา มี 3 ด่านที่มิจฉาชีพทางการเงิน โดยเฉพาะขบวนการแชร์ลูกโซ่จะใช้ เพื่อทะลวงเข้าไปในจิตใจและเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นเหยื่อ

ด่านแรก “เปิดใจ”  เป็นขั้นตอนที่ยากสุด ส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีพูดกันปากต่อปาก หรือใช้คนใกล้ตัวมาชักชวน

ด่านที่สอง “เชื่อใจ” เมื่อลองเปิดใจแล้ว อีกวิธีที่จะช่วยให้โอกาสสำเร็จของมิจฯ มากขึ้น คือการทำให้เชื่อใจ ซึ่งหนึ่งในวิธียอดนิยมคือการชวนไปฟังงานสัมมนา ให้เห็นความสำเร็จ ให้เชื่อว่าถ้าเข้ามาร่วมแล้วจะมีรายได้

ดร.รพีพงค์กล่าวว่า มิจฉาชีพเหล่านั้นมักจะสร้าง “เรื่องราว” ที่เน้นความแฟนตาซี เพื่อให้เห็นว่าหากมาร่วมมีโอกาสประสบความสำเร็จ เช่น เคยขับวินมอเตอร์ไซค์มาร่วมลงทุนไม่นานก็ร่ำรวย พร้อมกับวลีเด็ด ๆ ที่โดนใจคน อาทิ

“ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย

“ธุรกิจนี้ไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นทางรอด

“คนไม่ให้โอกาสเราอะไม่น่าเสียดายเท่าเราไม่ให้โอกาสตัวเอง

“ถ้าเราอยากสําเร็จเราก็ต้องทําตามคนที่สําเร็จ

 ด่านสุดท้าย “ศรัทธา” ซึ่งคำว่าศรัทธา-ลุ่มหลงงมงาย มันเป็นเส้นบางๆ แต่ใครที่เกิดความศรัทธาแล้วก็มักจะพร้อม all-in หรือทุ่มหมดหน้าตัก ยอมขายบ้าน ขายรถ หรือสร้างหนี้สินมาลงทุน เพราะศรัทธา

 การใช้ดารานักแสดงหรือผู้มีชื่อเสียงก็เป็นส่วนสำคัญในการทำให้คนตกเป็นเหยื่อ “เงินมันจะอยู่ทุกอณูของจิตใจเรา พอเวลามันไปคลิ๊กเราตรงไหนปุ๊บอ่ะ เราจะรู้สึกว่ามันอ่อนไหว แล้วเราก็รู้สึกว่ามันใช่ พอฟังบ่อยเราก็เริ่มเชื่อ เค้าถึงชอบให้เรามาฟังสัมมนา เพราะว่าเวลาฟังสัมมนาบ่อย มันซึม ยิ่งได้ดาราด้วย ความสวยหล่อของดารามันก็เป็นตัวสะกดจิตเหมือนกันนะครับ เพราะว่ามีบางคนที่ sensitive กับเรื่องความสวยหล่อ

 “ถ้าสะกดจิตได้ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง ทำให้เปิดใจเร็วขึ้น ก่อนจะไปสู่สเต็ปถัดไป คือเชื่อใจหรือศรัทธาตาม level สมมุติเต็มสิบ บางคนไม่ต้องถึงสิบ แค่สาม ก็เอาเงินออกจากกระเป๋าได้แล้ว แต่บางคนต้องให้ไปถึงสิบเสียก่อน มันมีเรื่องความเข้มแข็งทางจิตใจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งแต่ละคนจะมีไม่เหมือนกัน

 “กรณีแชร์ลูกโซ่ จะ sensitive กับความโลภ เขาจึงเน้นความร่ำรวย ความลำบากในการทำงานหาเงิน เขาจะเน้นเรื่องการได้เงินง่าย ๆ สร้างแรงจูงใจให้เหยื่อมาเข้าร่วม แล้วก็ปิดเกมเหยื่อให้เร็วที่สุด” ดร.รพีพงค์กล่าว

ส่วนบทบาทของโซเชียลมีเดีย ดร.รพีพงค์มองว่า เป็น 3 ปัจจัยในการช่วยเหลือมิจฉาชีพ ทั้ง 1) ทำให้การเผยแพร่ข้อมูลเข้าถึงคนได้ง่ายขึ้นและในวงกว้างขึ้น 2) ช่วยให้มีข้อมูลใช้ประกอบการดึงคนเข้าสู่วงจร เช่นไปสืบข้อมูลต่าง ๆ ของเหยื่อล่วงหน้า และ 3) ใช้พรางตัวในการหลอกลวง เพราะหลายแพล็ตฟอร์มก็ไม่ได้บังคับให้ต้องเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง

 บทสรุปทางออก

 หนึ่งในวิธีป้องกันเหล่ามิจฉาชีพ หลายฝ่ายมักรณรงค์ให้ประชาชนต้องรู้เท่าทัน อย่างกระทรวงยุติธรรม ก็เคยให้ความรู้ 5 วิธีสังเกตว่าเป็น “แชร์ลูกโซ่”

1.ให้ผลตอบแทนสูงในเวลาอันสั้น ชวนเชื่อว่าจะได้ผลตอบแทนหรือกำไรจากการลงทุนจำนวนมากอย่างรวดเร็วและง่ายดาย

2.การันตีผลตอบแทนเป็นตัวเลขแน่นอน

3.เร่งรัดให้ตัดสินใจ โดยมักจะเสนอสิทธิพิเศษเฉพาะในช่วงเวลานั้น เพื่อลดโอกาสในการไตร่ตรอง

4.อ้างว่าใคร ๆ ก็ลงทุน ถ้าไม่รีบอาจพลาดตกขบวน หรืออ้างบุคคลที่มีชื่อเสียง

5.ธุรกิจจับต้องไม่ได้ บอกว่าทำธุรกิจแต่ไม่เห็นสินค้า อ้างธุรกิจว่าได้รับการรับรอง แต่ไม่สามารถตรวจสอบธุรกิจได้

 พร้อมกับแนะนำ tips (เคล็ดลับ) สร้างเกราะป้องกันภัย “ไม่ตกเป็นเหยื่อแชร์ลูกโซ่”

  • ศึกษาหาความรู้ก่อนลงทุน
  • มีสติ คิดก่อนตัดสินใจ
  • รู้ผลกระทบที่มากกว่าเสียเงิน
  • ตื่นตัวและติดตามข่าวสารที่เกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่หรือการหลอกลวงลงทุนต่าง ๆ

อีกมุมหนึ่ง ก็มีเสียงเรียกร้องให้กำหนดหน่วยงานรัฐที่เป็น “เจ้าภาพหลัก” ในการแก้ไขปัญหา เพราะปัจจุบันมีหลายหน่วยงานมาเกี่ยวข้อง จนทำให้ประชาชนสับสนไปจนถึงการสร้างภาระแก่เหยื่อเมื่อถูกหลอก เช่น

  • ผู้เสียหายสามารถร้องเรียนต่อ สคบ. ธนาคารแห่งประเทศไทย กลต. สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และกระทรวงยุติธรรมได้ แต่หน่วยงานเหล่านี้ไม่มีอำนาจสอบสวน
  • หากจะร้องเรียนต่อ DSI ก็ต้องถึงเกณฑ์ที่สามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ เช่น มีผู้เสียหายเกิน 300 คน หรือมูลค่าความเสียหายเกิน 100 ล้านบาท
  • จะร้องเรียนกับตำรวจหรือ ปปง. ก็ล่าช้า จนหลายครั้งที่ผู้ก่อเหตุยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปเสียก่อน

ไปจนถึงกฎหมายแชร์ลูกโซ่ปัจจุบันที่ใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 (พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน) ก็มีบทบัญญัติไม่ทันสมัย รวมไปถึงการกำหนดให้รับโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 20 ปี อาจทำให้มิจฉาชีพมองว่าคุ้มค่าเสี่ยงในการหลอกลวงคนได้เป็นหลักร้อยล้านพันล้านบาท

ในมุมของ ดร.รพีพงค์มองว่า อยากให้ภาครัฐเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการมากขึ้น เหมือนอย่างสิงคโปร์ที่เพิ่งออกกฎหมายให้ธนาคารและบริษัทมือถือต้องร่วมรับผิดชอบด้วย หากมีลูกค้าถูกหลอกให้โอนเงินออนไลน์ โดยจะเริ่มใช้ปลายปี พ.ศ. 2567 แต่การจะปรับปรุงการทำงานภาครัฐหรือเปลี่ยนแปลงกฎหมาย เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา สิ่งที่ทำได้ ณ ตอนนี้ คือ การที่ทุก ๆ คน ต้องรู้เท่าทันกลโกงของเหล่ามิจฉาชีพที่จะพัฒนาตลอดเวลา จึงต้องพัฒนาความรู้ทางการเงินของตัวเองให้เท่าทัน ที่สำคัญ คือ ต้องเพิ่ม “ความเข้มแข็งทางจิตใจ” เพราะอาชญากรรมทางเศรษฐกิจจำนวนมาก เล่นกับกลไกทางจิตวิทยา เป็นเรื่องของ mind game ในการหาช่องโหว่ทางจิตใจต่าง ๆ เพื่อดึงเข้าสู่ขบวนการหลอกลวง ตามที่ ดร.รพีพงค์ว่าไว้ข้างต้น ไม่ได้มีแค่ “ความโลภ” เท่านั้น ที่จะทำให้เรากลายเป็นเหยื่อ ยังรวมถึง “ความกลัว” “ความรัก” หรืออารมณ์ความรู้สึกอื่น ที่อาจเปิดช่องให้ถูกลวงได้สักทาง

 คดีดิไอคอนฯ แม้จะเป็นข่าวใหญ่สุด ๆ ของปีนี้ แต่คงไม่ใช่คดี “แชร์ลูกโซ่” สุดท้ายอย่างแน่นอน

 TOP 5 แชร์ลูกโซ่ ความเสียหายสูงสุด

1. แชร์ชาร์เตอร์ 5,000 ล้าน

2. แชร์แม่ชม้อย 4,500 ล้าน

3. ดิไอคอน 3,200 ล้าน

4. FOREX-3D 2,000 ล้าน

5. เช่าพื้นที่คราวด์ 1,600 ล้าน