เลือกหน้า

YAKLAND : เมื่อหน้ายักษ์กลายเป็นน่ารักในยักษ์แลนด์ ตอนที่ 2

การเข้าวัดทำบุญไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป และไม่ได้เป็นเรื่องของผู้สูงวัย รุ่นลุงป้าน้าอา คุณตาคุณยาย เท่านั้น การเข้าวัดของคุณจะเปลี่ยนไปเมื่อดาวน์โหลดเกม YAKLAND เกมที่จะให้คุณสัมผัสความดุร้ายของหน้ายักษ์กลายเป็นน่ารักไปทันที
.
อย่างที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือที่รู้จักกันในชื่อวัดโพธิ์ วัดประจำรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี แต่ละวันจะมีผู้คนที่ไปร่วมทำบุญ และชมความสวยงามของวัดจำนวนมาก แต่ช่วงนี้บรรยากาศการเที่ยวชมวัดคึกคักและสนุกสนานมากขึ้น หลังจากมีทั้งเด็ก ๆ วัยรุ่น และผู้สูงวัย รุ่นคุณตา คุณยาย อีกหลายคน ดาวน์โหลดเกม YAKLAND มาเล่นและร่วมผจญภัย ออกตามหาเหล่ายักษ์แสนน่ารักจากเกม YAKLAND เริ่มจากการเช็คอินที่วัด แล้วค่อยออกเดินตามหายักษ์น้อยใหญ่ ไปตามแผนที่จนเกือบทั่ววัด เพื่อเช็คพอยท์ให้ครบทั้ง 5 จุด ถึงจะมีโอกาสได้พบกับ “ยักษ์อัสนีย์” ยักษ์ผู้ว่องไวและมีความจริงใจ แล้วก็ต้องตอบคำถามให้ถูกต้อง จึงจะสามารถไล่จับและนำยักษ์อัสนีย์กลับไปเลี้ยงได้ เช่นเดียวกับที่วัดอรุณฯ วัดระฆัง วัดสุทัศน์ และวัดสระเกศ ซึ่งมีเหล่ายักษ์ภูผา ยักษ์เมฆา ยักษ์อัคคี และยักษ์วารีซ่อนตัวอยู่

สุนิสา ศรีพลทัศน์ ทีมผู้พัฒนาเกมและแอปพลิเคชัน จากบริษัท บราเธอร์ พิคเจอร์ จำกัด เล่าถึงบรรยากาศที่แสนประทับใจ ในวันที่ทีมงานไปออกบูธเปิดตัวเกมและแอปพลิเคชัน YAKLAND ที่วัดโพธิ์ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก เช่นเดียวกับตอนไปโรดโชว์ที่วัดอรุณฯ วัดระฆัง วัดสุทัศน์ และวัดสระเกศ ที่มียักษ์อีก 4 ตน ซึ่งถูกปรับคาแรกเตอร์ใหม่ แปลงโฉมจากยักษ์ใหญ่ตัวร้าย หน้าตาน่ากลัวและน่าเกรงขาม จากหน้ายักษ์กลายมาเป็นเหล่ายักษ์ผู้น่ารัก ที่มีบุคลิกและนิสัยแตกต่างกัน ซึ่งแอบซ่อนตัวอยู่ ตามวัดทั้ง 5 แห่ง
.
“มีคนมาร่วมกิจกรรมเยอะมาก เขาโหลดแอปไปลองเล่น ถ่ายรูปกับยักษ์ แฮปปี้มากเลย หลายคนโหลดแอปได้ปุ๊บ ก็เดินไปหายักษ์ในวัดทันที ซึ่งเราก็แปลกใจที่คนให้ความสนใจกันขนาดนี้ หลังจากจับยักษ์ได้ เขาก็ดีใจเดินกลับมาบอกเราว่าจับยักษ์ได้แล้ว มันเกินความคาดหมายจริง ๆ”
.
และที่เกินความคาดหมายมากยิ่งขึ้นไปอีก ก็คือ กลุ่มผู้ใหญ่และผู้สูงวัยจำนวนมาก ที่ต่างตื่นเต้นเข้ามาสอบถามว่าเทคโนโลยี AR คืออะไร เขาต้องดาวน์โหลดและเล่นอย่างไร มาต่อคิวขอให้ทีมงานช่วยสอนกันอย่างคึกคัก
.
“ตอนแรกเราคิดว่า ผู้สูงอายุ คงไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหลัก น่าจะสนใจกันน้อย เพราะมีความยากในเรื่องการเข้าถึงเทคโนโลยี เขาอาจไม่เข้าใจ แต่กลับกลายเป็นว่า กลุ่มผู้สูงอายุที่มาวัด คุณป้า คุณน้า คุณอา ต่างยื่นโทรศัพท์ให้เราช่วยกดโหลดแอปให้เกือบทุกคนเลย จาก 100% เรียกได้ว่ามีถึง 80% ที่สนใจให้เราช่วยโหลดเกมให้”
.
ส่วนกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่ทีมงานอยากให้เกมนี้เป็นสื่อกลางชวนพวกเขามาเที่ยววัดให้มากขึ้น ก็ให้ความสนใจไม่น้อย เช่นเดียวกับกลุ่มเด็กเล็ก ที่ต่างขอให้คุณพ่อคุณแม่มาดาวน์โหลดเกม YAKLAND ซึ่งมีทั้งเวอร์ชันภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ไปเล่นไล่ตามจับยักษ์กันสนุกสนาน
.
สุนิสา บอกว่า เมื่อได้ฟังฟีดแบ็ก ทีมงานก็รู้สึกชื่นใจและหายเหนื่อย หลายคนบอกว่าไอเดียที่เราทำมันดีมาก ช่วยให้การมาวัดของเขาไม่น่าเบื่อ หลังไหว้พระทำบุญเสร็จ ก็ยังไม่อยากกลับ อยากอยู่เล่นเกมและทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่วัดต่อ ทำให้เขาได้ใช้เวลาอยู่ในวัดมากขึ้น และได้เดินดูสถาปัตยกรรมชมความงามภายในวัดได้นานขึ้น ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนใหญ่ก็ชอบคาแรกเตอร์ของยักษ์ที่ดูน่ารักแปลกตา หลายคนอยากได้ เข้ามาถามถึงวิธีการเล่นว่าต้องทำอย่างไร พอดาวน์โหลดสำเร็จเขาก็รู้สึกอะเมซิงมาก รีบออกไปตามจับยักษ์กันใหญ่ นอกจากนี้เขายังชอบฟีเจอร์แชทบอทช่วยตอบข้อสงสัย ที่เป็นเสมือนไกด์ช่วยให้เข้าถึงการท่องเที่ยวของไทยได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

จากกระแสตอบรับที่เกิดขึ้น ทำให้ตอนนี้เกมและแอปพลิเคชัน YAKLAND มียอดดาวน์โหลดทะลุกว่า 20,000 ราย และยังคงเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่กว่าที่จะมาถึงวันนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หลังทีมบราเธอร์ พิคเจอร์ฯ นำไอเดียการพัฒนาเกมพาท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแนวใหม่ ไปเสนอกับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จนได้รับทุนประเภทเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปี 2563 แล้วก็ต้องมาเจอกับพิษโควิด 19 สถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะวัดดังทั้ง 5 แห่งที่กำหนดไว้ในเกมก็ปิดทั้งหมด ทีมงานไม่สามารถลงพื้นที่ไปเช็กแผนที่ เทสระบบ พัฒนาจุด และปักหมุดโลเคชั่นได้
.
“ช่วงนั้นทำงานกันยากมาก เราลงพื้นที่จริงไม่ได้ ทำได้เพียงแค่ดู Google Map จากในออนไลน์ แต่ระยะต่าง ๆ ที่ไปวัดสเกลพื้นที่มันไม่ได้แม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำให้การทำงานล่าช้าไปจากที่เราวางแผนไว้ ขยายเป็น 1 ปี 6 เดือน กว่าที่งานจะออกมาสมบูรณ์”
.
เกมและแอปพลิเคชัน YAKLAND จากฝีมือคนไทย จึงเป็นความภูมิใจที่ทีมผู้พัฒนา อยากให้ทุกคนได้ลองดาวน์โหลดมาเล่น เพราะนอกจากจะได้ผจญภัยสนุกกับการตามจับยักษ์แสนน่ารักในวัดดังของไทยทั้ง 5 แห่งแล้ว ยังได้เรียนรู้ได้ชมความงามของสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญ จากหน้ายักษ์เป็นน่ารักในยักษ์แลนด์ ของยักษ์ทั้ง 6 ตน จะช่วยดึงดูดผู้คนจากทุกมุมโลกให้มาสัมผัสความน่ารักของพวกเขา สัมผัสเสน่ห์ความเป็นไทยและส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบน่ารัก ๆ ได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย
.
#กองทุนสื่อ #ยักษ์ไทย #YakLand #เกมออนไลน์
#โครงการส่งเสริมคุณค่าวัดไทยโดยยักษ์ไทย
#เล่าสื่อกันฟัง #บทความเล่าสื่อกันฟัง
#ผลงานผู้รับทุนกองทุนสื่อ
#สื่อสร้างสรรค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

YAKLAND : เมื่อหน้ายักษ์กลายเป็นน่ารักในยักษ์แลนด์

ใครจะคิดว่า “ยักษ์” เขี้ยวใหญ่ คิ้วหนา หน้าตาถมึงทึง รูปร่างใหญ่โต ที่เห็นเป็นรูปปั้นถือกระบองคอยเฝ้าอยู่ตามวัดวาอาราม ท่าทางน่าเกรงขาม แม้จะอยู่ในวรรณคดี ก็ได้แค่บทตัวร้ายที่รักเธอ แถมสำนวนสุภาษิตไทยยังกล่าวหาว่าเจ้าชู้ยักษ์ ซึ่งหมายถึงพวกคนเจ้าชู้ที่ไม่ได้ดังใจ ก็จะใช้กำลังหักหาญ ดูโหดร้ายไปหมด ไม่คิดว่าจะปรับโหมดจากหน้ายักษ์เป็นน่ารัก โลดแล่นอยู่ในเกมและแอปพลิเคชัน “YAKLAND” ที่พัฒนาจากฝีมือคนไทย จากแรงบันดาลใจที่ต้องการจะส่งเสริมให้สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมอันสวยงามของไทย ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ผ่านยักษ์ที่แปลงโฉมเป็นยักษ์ผู้น่ารักทั้ง 6 ตน ที่มีนิสัยใจคอแตกต่างกัน ทั้ง
.
อสุรสี ยักษ์พี่ใหญ่ผู้รักความสงบ ตัวแทนความยุติธรรม ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน
ภูผา ยักษ์เขียวผู้มีเมตตา เสียสละ และมีพละกำลังไว้เป็นที่พึ่งให้กับทุกคน
เมฆา ยักษ์ผู้รักในความอิสระ ช่างคิด ช่างสงสัย และใฝ่เรียนรู้
อัคคี ยักษ์แดงผู้กล้าหาญ รักการผจญภัย ชอบความท้าทายใหม่ ๆ
วารี ยักษ์ฟ้าผู้มีเหตุผล ใจเย็น มีแบบแผน มองส่วนรวมก่อนเสมอ
.
อัสนีย์ ยักษ์ที่ว่องไว และมีความจริงใจ
สุนิสา ศรีพลทัศน์ ทีมผู้พัฒนาเกมและแอปพลิเคชัน จากบริษัท บราเธอร์ พิคเจอร์ จำกัด เล่าถึงไอเดียแรกเริ่มของการพัฒนาเกม YAKLAND ที่นำไปเสนอต่อกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จนได้รับทุนสนับสนุนประเภทเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปี 2563 โดยเกมนี้อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีและฟีเจอร์หลากหลายที่เชื่อมโยงกัน ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์เกมเทคโนโลยี AR (Augmented reality) เทคโนโลยีการโต้ตอบอัตโนมัติ (Chatbot) ที่เป็นเสมือนไกด์พาเที่ยว รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาผสานระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกเสมือนจริงเข้าด้วยกัน และการสะสมแต้มเพื่อแลกส่วนลดกับร้านค้าต่าง ๆ ที่เข้าร่วมรายการ

นอกจากความสนุกที่ได้จากการไปตามไล่จับยักษ์และนำมาเลี้ยงให้โตแล้ว ภายในแอปพลิเคชัน YAKLAND ยังมีฟีเจอร์ให้ถ่ายรูปคู่กับแอนิเมชั่นยักษ์แสนน่ารักทั้ง 6 ตน มีมินิเกมยักษ์ขี่รถตุ๊กตุ๊กไล่ตามยักษ์ต่าง ๆ ให้เล่นเก็บแต้มแบบใส่สกอริ่งในยามว่าง และมีโหมด Chatbot เป็นเสมือนไกด์พาเที่ยว คอยตอบข้อสงสัยที่เกี่ยวข้องกับวัด สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง ร้านอาหาร เรื่องราวต่าง ๆ หรือเส้นทาง ซึ่ง สามารถกดลิงก์ Google Map พาไปยังสถานที่เป้าหมายได้ทันที

เกมและแอปพลิเคชัน YAKLAND เล่นได้ทั้งเวอร์ชันภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน จากความมุ่งหวังของทีมผู้พัฒนาเกม ที่อยากส่งเสริมให้วัยรุ่นและนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่เข้าวัดมากขึ้น แต่กระแสตอบรับกลับดีเกินคาด ไม่เพียงแต่เด็กและวัยรุ่นเท่านั้น วัยทำงาน ผู้สูงอายุ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต่างก็ให้ความสนใจจนมียอดดาวน์โหลดทะลุกว่า 20,000 รายไปแล้ว กับการมาร่วมผจญภัยกับเหล่ายักษ์สุดน่ารัก ใน YAKLAND ดินแดนยักษ์ เกมพาท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแนวใหม่ที่พร้อมที่จะให้ผู้คนจากทุกมุมโลกได้สัมผัสความน่ารักในยักษ์แลนด์ ที่เต็มไปด้วยความสวยงามของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมของวัดสำคัญในไทย ไปพร้อมกับความสนุกสนานกับพี่น้องยักษ์สัญชาติไทยทั้ง 6 ตน ที่กำลังได้รับความนิยมจากผู้คนทุกเพศทุกวัย ที่ต่างบอกต่อ ยักษ์แลนด์ หน้ายักษ์ น่ารัก น่าเล่น รับรองลองแล้วจะติดใจ
.
#กองทุนสื่อ #ยักษ์ไทย #YakLand #เกมออนไลน์
#โครงการส่งเสริมคุณค่าวัดไทยโดยยักษ์ไทย
#เล่าสื่อกันฟัง #บทความเล่าสื่อกันฟัง
#ผลงานผู้รับทุนกองทุนสื่อ
#สื่อสร้างสรรค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

อันดามัน ชาติพันธุ์มิใช่ความต่าง ตอนที่ 2

“อันดามัน ชาติพันธุ์มิใช่ความต่าง”
“เราต่างมีศาสตร์ศิลป์ ทุกท้องถิ่นเป็นเอกลักษณ์”
“ตันหยง ตันหยง….”
“ยิ่งพอได้รู้จัก ยิ่งหลงรักในกันและกัน”
“ยอมรับความหลากหลาย มัดหัวใจความเหมือนให้มั่น”
“หลอมรวมชาติพันธุ์ กลายเป็นเธอกับฉัน รักกันตลอดไป”
“ลัล ลัล ลา ลัล ล้า….ลัล ลัล ลา ลัล ล้า…ลัล ลัล ลา ลัล ล้า…..”
.
เนื้อร้องและท่วงทำนองของบทเพลง “เธอกับฉันรักกันตลอดไป” จากบทเพลงลอยเรือ ล้อเล่นไปกับเกลียวคลื่นในท้องทะเลอันดามันอันกว้างใหญ่ ที่ถ่ายทอดผ่านไลน์ดนตรีเกือบ 60 แทร็ค จากความหลากหลายที่มารวมเป็นหนึ่งเดียวกัน อยู่ในบรรทัด 5 เส้น ภายในเวลา 5 นาที กลายเป็นเหมือนเส้นด้ายร้อยเรียงเรื่องราวในภาพยนต์สารคดีชุด “อันดามัน ชาติพันธ์มิใช่ความต่าง” ทั้ง 3 ตอนเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน แม้จะเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของกลุ่มชาติพันธ์ 3 กลุ่ม ทั้งชาวมอแกลน บ้านทับตะวัน พังงา ชาวอูรักลาโว้ย หาดราไวย์ ที่ภูเก็ต และพี่น้องชาวมอแกน บนเกาะพยาม ที่ระนอง กลุ่มชาติพันธ์บนคาบสมุทรอันดามันของไทย ให้โลกได้รู้จักตัวตนพวกเขามากขึ้น โดยบทเพลงนี้ ดร.จุมพล ทองตัน หรือ โกไข่ ศิลปินนักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดัง ลงพื้นที่ไปเก็บเสียงรำมะนาและเสียงเครื่องดนตรีพื้นถิ่น มาสร้างสรรค์เป็นบทเพลงด้วยตัวเอง
.
“สิ่งที่ผมตั้งใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ ก็เพื่อสร้างบทเพลงให้ชาวอันดามันทั้งปวง ไม่ว่าจะสืบเชื้อสายมาจากชาติพันธุ์ใด ๆ ได้เห็นว่า เราชาวอันดามันมีความเสมอภาคและเท่าเทียมกันในแง่มุมต่างๆ”
.
บทเพลง “เธอกับฉันรักกันตลอดไป ” กลายเป็นพลังสำคัญนำผู้ชมให้เข้าไปสัมผัส เรื่องราวสารคดีทั้ง 3 ตอน ซึ่งแต่ละตอน จะมี Pain Point หรือประเด็นหลักในการสื่อสารเรื่องความเท่าเทียมในแง่มุมที่แตกต่างกันออกไป ตามวิถีของชาวเลในแต่ละพื้นที่ ผ่านมุมมองของเยาวชนคนรุ่นใหม่ อย่างตอนแรก เป็นเรื่องราวของชาวมอแกลน บ้านทับตะวัน ที่ จ.พังงา ที่พยายามจะลุกขึ้นมาหาวิธีสื่อสารกับสังคมในรูปแบบใหม่ ๆ ที่ดูนุ่มนวลและที่น่าสนใจมากขึ้น จากเดิมที่เคยถูกมองว่าเป็นพวกหัวรุนแรง และไม่รู้ว่าจะสื่อสารอย่างไร โดยมี “ต้นกล้า” เยาวชนในหมู่บ้าน ที่มองเห็นถึงวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไปและกำลังจะสูญหาย เข้ามาช่วยถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ และถ่ายทอดเรื่องราวของพวกเขาลงในโซเชียลมีเดีย

ตอนที่ 2 สะท้อนมุมมองแนวคิดของกลุ่มเยาวชนชุมชนราไวย์ จ.ภูเก็ต ที่สื่อสารเรื่องราวความรักและความภาคภูมิใจในแผ่นดินเกิดของตัวเอง หลังจากได้ศึกษารากเหง้าทางวัฒนธรรม ผ่านด้วยวิชาศิลปะ การทำแผนที่ชุมชน จนทำให้พวกเขารู้สึกว่ามีตัวตน และสามารถสื่อสารกับคนอื่นได้
.
และตอนที่ 3 ถ่ายทอดเรื่องราวของชาวมอแกน ที่เกาะพยาม จ.ระนอง ผ่านกีฬาเซิร์ฟบอร์ด ที่เยาวชนมอแกนตั้งใจฝึกซ้อมและเข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งท้ายที่สุดแม้พวกเขาจะไม่ได้รับชัยชนะ แต่แค่มีโอกาสได้เล่นและแข่งขันกีฬามันก็ทำให้พวกเขารู้สึกเท่าเทียมกับทุกคน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะคนไทยเท่านั้นที่มองเห็น ชาวต่างชาติก็รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
.
ภาคภูมิ ประทุมเจริญ หัวหน้าโครงการฯ และผู้ควบคุมการผลิตภาพยนตร์สารคดีชุด “อันดามัน : ชาติพันธุ์มิใช่ความต่าง” เล่าถึงความโชคดีของการผลิตงานชิ้นนี้ ว่านอกจากได้รับทุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ในประเภทเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปี 2564 แล้ว บริษัท ภาคภูมิใจเสมอ จำกัด ยังได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิชุมชนไท ที่ทำงานอยู่กับกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลมายาวนาน รวมถึงผู้กำกับสารคดีมากฝีมืออย่าง พัฒนะ จิระวงศ์ และดร.จุมพล ทองตัน หรือ โกไข่ นักประพันธ์เพลงชื่อดัง มาร่วมออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานด้วย
.
ทุกคนล้วนตั้งใจใช้ความสามารถและความถนัดที่มีมาช่วยกันผลิตสารคดีชุดนี้ ซึ่งใช้เวลานานกว่า 1 ปี เพราะติดปัญหาสถานการณ์โควิด19 และเรื่องราวของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลก็มีข้อมูลค่อนข้างเยอะ จึงต้องทำการบ้านกันอย่างหนัก แต่เมื่อนำสารคดีไปเผยแพร่ทางช่อง ช่อง 9 MCOT HD และช่องยูทูบ Andaman Short film ก็มีกระแสตอบรับอย่างดี โดยเฉพาะจากการนำกลับไปฉายหนังกลางแปลง ให้พี่น้องชาวเลได้ชม ในพื้นที่อันดามัน ทั้งที่ พังงา ภูเก็ต ระนอง กระบี่ และเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ทำให้พวกเขาภูมิใจ รู้สึกว่ามีตัวตนและมีคุณค่า สะท้อนได้จากแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง ไม่ต้องโดดเดี่ยว หรือเดินเพียงลำพังอีกต่อไป

“พี่น้องหลายคน บอกว่า เมื่อก่อนเวลาเราไปไหนต่อไหน เราไปพูด มันเหมือนเราไปตักอาหารเสริ์ฟให้เขา ไปพูดเรื่องวัฒนธรรม แต่เขาไม่กิน แต่สารคดีชิ้นนี้มันเหมือนออเดิร์ฟชวนให้คนมาลิ้มลอง และมาร่วมรับรู้วัฒนธรรมเดียวกับเรา อันนี้คือสิ่งที่เกิดในพื้นที่”
.
ส่วนเพลง “เธอกับฉันรักกันตลอดไป” ที่ใช้ประกอบสารคดีทั้ง 3 ตอน คนในพื้นที่ก็นำไปร้องเป็นเพลงประจำถิ่นในกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในเวอร์ชั่นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี เพราะเป็นเพลงที่ “โกไข่” แต่งมารากฐานวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนในพื้นที่ ผสมผสานสิ่งเก่าและสิ่งใหม่เข้าด้วยกัน จนทำให้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องราวของพวกเขาจริง ๆ และนอกจากความเพลิดเพลินแล้ว สารคดีชุดนี้ยังเป็นสื่อกลางช่วยสร้างพื้นที่ในการชวนคิดชวนคุย และยกระดับสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมในรูปแบบต่าง ๆ ได้อีกด้วย โดยเฉพาะการผลักดัน พ.ร.บ. ส่งเสริมและคุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ที่พวกเขาเรียกร้องกันมานาน
.
“ภูมิใจ ที่หลายๆครั้ง มูลนิธิชุมชนไท มีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เขาก็หยิบเอาสารคดีชุดนี้ไปเปิดเป็น orientation ในการเริ่มต้นพูดคุย หรือสื่อสารในเวทีต่างๆ ฉะนั้นสื่อชุดนี้มันไม่ตาย ไม่ได้แค่ถูกฉายออนแอร์แล้วจบไป หรือต้องรอให้คนมาดูในยูทูบ แต่มันยังเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์พี่น้องชาติพันธุ์ชาวเล และถูกขยายผลออกไปเรื่อยๆ”
.
ภาพยนตร์สารคดีชุด “อันดามัน : ชาติพันธุ์มิใช่ความต่าง” จึงไม่ได้เป็นเพียง สื่อกลางที่บอกเล่าเรื่องความเท่าเทียมอย่างนุ่มนวลและจริงใจ แต่ยังช่วยปลุกความหวังของพี่น้องชาติพันธุ์ชาวเล ที่อยากสื่อสารให้สังคมเข้าใจถึงความหลากหลายทางอัตลักษณ์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของพวกเขา เหมือนช่วงท้ายของบทเพลง “เธอกับฉันรักกันตลอดไป” ในสารคดีชุดนี้ ที่ยังดังก้องอยู่ในใจของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์อันดามัน และหวังว่ามันจะเริ่มดังอยู่ในใจของผู้คนบนโลกใบนี้ ที่ได้ชมสารคดีชุดนี้ด้วย
.
“ลัล ลัล ลา ลัล ล้า….ลัล ลัล ลา ลัล ล้า…” “ตันหยง ตันหยง…”
“ลัล ลัล ลา ลัล ล้า….ลัล ลัล ลา ลัล ล้า…” “หยงไรล่ะน้อง”
“ลัล ลัล ลา ลัล ล้า….ลัล ลัล ลา ลัล ล้า…” “หยงความเท่าเทียม”
.
#กองทุนสื่อ #อันดามันชาติพันธุ์มิใช่ความต่าง
#เล่าสื่อกันฟัง #บทความเล่าสื่อกันฟัง
#ผลงานผู้รับทุนกองทุนสื่อ
#สื่อสร้างสรรค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

อันดามัน ชาติพันธุ์มิใช่ความต่าง

“อันดามัน ชาติพันธุ์มิใช่ความต่าง”
ท่ามกลางเกลียวคลื่นและผืนน้ำกว้างบนท้องทะเลอันดามัน ที่เป็นเหมือนบ้านของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ผู้คนและสังคมแทบไม่รู้จักตัวตนและวิถีของพวกเขา ทั้งที่อยู่บนแผ่นดินเดียวกัน ทั้งชาวมอแกลนบ้านทับตะวัน ที่พังงา ชาวอูรักลาโว้ย ที่หาดราไวย์ ในภูเก็ต และชาวมอแกน บนเกาะพยาม ที่ระนอง ซึ่งพวกเขาพยายามสื่อสารให้คนบนโลกนี้เห็นตัวตนและเคารพสิทธิของพวกเขาด้วยความเท่าเทียม
.
“ก่อนหน้านี้ พวกเราใช้การรณรงค์ เดินไปรณรงค์ในจังหวัด ในอำเภอ แล้วก็ไปกรุงเทพฯ ไปทำอาหารให้เขาเห็นรสชาติของความเป็นมอแกลน แต่การรณรงค์ มันดูคล้ายเหมือนกับว่าเป็นการประท้วง สังคมก็จะมองว่าพวกเรารุนแรงอะไรอย่างนี้ แต่ว่าพวกเราเนี่ยไม่มีความรู้ ไม่รู้จะทำอย่างไร”

”หญิง” อรวรรณ หาญทะเล ชาวมอแกลนบ้านทับตะวัน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา บอกเล่าแนวทางที่พี่น้องเครือข่ายชาติพันธุ์ชาวเล เคยใช้สื่อสารกับสังคม แต่ผลตอบรับยังไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ เธอกับชาวมอแกลนในชุมชนและเครือข่าย จึงพยายามลุกขึ้นมาพัฒนาชุมชนมอแกลนให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และใช้โซเชียลมีเดีย สื่อสารกับสาธารณะในรูปแบบใหม่ ๆ ให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
.
คลิปวิดีโอจากฝีมือของ “ต้นกล้า” อารักษ์ เทพส่ง ลูกชายของเธอที่ถ่ายภาพเล่าเรื่องราววิถีชีวิตที่พึ่งพาตัวเอง การอยู่กับธรรมชาติและท้องทะเลของชาวมอแกลน ถ่ายทอดลงผ่านเพจ The Moklan Tour มอแกลนพาเที่ยว ทำให้ผู้คนเริ่มเห็นถึงภูมิปัญญาและความรู้อีกมากมาย ทั้งการใช้สมุนไพร การจักสาน และการรำรองเง็ง วัฒนธรรมการละเล่นอันเก่าแก่ของชาวมอแกลน รวมถึงความคิดความเชื่อ คำสอนของบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมาบนแผ่นดินเกิดและเป็นแผ่นดินตายของพวกเขา
.

“พวกเรามีที่ดินเพื่ออยู่อาศัย ที่ดินเป็นของส่วนรวม ไม่มีสิทธิ์ครอบครองเป็นเจ้าของ เมื่อตายไปก็ต้องให้ลูกหลานอาศัยต่อ มีเพียงที่ดินผืนเดียวที่เราเป็นเจ้าของ นั่นก็คือ ที่ดินที่เป็นสุสาน”
.
ความตั้งใจของเยาวชนชาวมอแกลนบ้านทับตะวัน พังงา ที่ถ่ายคลิปวิดีโอเล่าเรื่องราวตัวตนของพวกเขา รวมถึงเรื่องราวของเยาวชนชาวอูรักลาโว้ย หาดราไวย์ ภูเก็ต และเยาวชนชาวมอแกน ที่เกาะพยาม ระนอง ที่พยายามทำให้สังคมเข้าใจวิถีชาติพันธุ์อันดามันมากขึ้น กลายเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์สารคดีชุด “อันดามัน : ชาติพันธุ์มิใช่ความต่าง” สารคดีชีวิตชาติพันธุ์แห่งอันดามัน ทั้ง 3 ตอน ให้ผู้คนบนโลกนี้ได้รู้จักตัวตนพวกเขามากขึ้น
.
โดยสารคดีชุดนี้บริษัทภาคภูมิใจเสมอ จำกัด ร่วมกับ มูลนิธิชุมชนไท ซึ่งขับเคลื่อนทำงานอยู่กับกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลมากว่า 30 ปี ร่วมกันผลิตขึ้น มี พัฒนะ จิระวงศ์ ผู้กำกับสารคดีมากฝีมือ และดร.จุมพล ทองตัน หรือที่รู้จักกันในชื่อโกไข่ ศิลปินนักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดังมาสร้างสรรค์งานเพลงประกอบสารคดีแห่งชีวิตชุดนี้ด้วย โดยได้รับทุนสนับสนุนและส่งเสริมความเท่าเทียมจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ในประเภทเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปี 2564

ภาคภูมิ ประทุมเจริญ หัวหน้าโครงการฯ และผู้ควบคุมการผลิตภาพยนตร์สารคดีชุด “อันดามัน : ชาติพันธุ์มิใช่ความต่าง” บอกว่า สารคดีชุดนี้ พูดถึงความเท่าเทียมอย่างนุ่มนวลผ่านการเล่าเรื่องอย่างจริงใจ พาผู้ชมไปทำความรู้จักกับวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของกลุ่มพี่น้องชาติพันธุ์ในคาบสมุทรอันดามัน ผ่านเยาวชนคนรุ่นใหม่ในแต่ละพื้นที่ เพื่อสร้างความตระหนักในความหมายของ “คน” ภายใต้ความเชื่อที่ว่า ยิ่งเรารู้จักวัฒนธรรมของคนอื่นมากเท่าไหร่ เราจะยิ่งเห็นความเป็นคนเท่ากันมากขึ้นเท่านั้น
.
“ในสารคดีทั้ง 3 ตอน เราเล่าเรื่องถึงความภาคภูมิใจของชาวเลในแต่ละพื้นที่ เอกลักษณ์ วัฒนธรรม และคุณค่าในความหมายของเขา เมื่อเราพูดถึงความเท่าเทียม มันจะมีความเท่าเทียมหลายระดับ 1.เขาต้องยอมรับก่อนว่าเขามีความเท่าเทียม 2.คนในสังคมเขาต้องมีความเท่าเทียม 3.ในมุมมองของคนภายนอกหรือต่างประเทศ เขามองเห็นความเท่าเทียมอย่างไร ฉะนั้นเราจึงเอาเรื่องของวิถีชีวิตและวัฒนธรรมมาสร้างสรรค์เป็นภาพยนตร์ ผ่านการเล่าเรื่องจากเด็กและเยาวชนในพื้นที่ ซึ่งพวกเขามีความคลาสสิคที่แตกต่างกัน”
.
ภาพยนตร์สารคดีชุด “อันดามัน : ชาติพันธุ์มิใช่ความต่าง” ใช้เวลาผลิตกว่า 1 ปี เพิ่งเผยแพร่ผ่านทางช่อง 9 MCOT HD ไปเมื่อไม่นานมานี้ สามารถชมย้อนหลังได้ที่ช่องยูทูบ Andaman Short film ขณะเดียวกันทีมผู้ผลิตยังนำไปฉายหนังกลางแปลง ให้พี่น้องชาวมอแกลน มอแกน และอูลักละโว้ย ในพื้นที่อันดามัน ทั้งที่ พังงา ภูเก็ต ระนอง กระบี่ รวมถึงเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล พื้นที่ที่พึ่งเกิดปัญหาข้อพิพาทเรื่องที่ดิน ให้ได้รับชมกันด้วย ซึ่งอย่างน้อยก็ช่วยให้พวกเขาได้รับรู้ถึงการมีตัวตน มีคุณค่า มีความภูมิใจ ที่เสียงของพวกเขาที่อยากตะโกนให้เพื่อนร่วมโลกรับรู้ถึงการมีอยู่ของชาติพันธุ์ในทะเลอันดามัน ประเทศไทย เริ่มมีคนได้ยินบ้างแล้ว
.
#กองทุนสื่อ #อันดามันชาติพันธุ์มิใช่ความต่าง
#เล่าสื่อกันฟัง #บทความเล่าสื่อกันฟัง
#ผลงานผู้รับทุนกองทุนสื่อ
#สื่อสร้างสรรค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

นักสืบสายรุ้ง ซีซั่น 2 สืบเสาะความสุข ละครเด็กดี ๆ ที่ต้องตามดู

นักสืบสายรุ้ง ซีซั่น 2 สืบเสาะความสุข ละครเด็กดี ๆ ที่ต้องตามดู
.
เมื่อเรื่องวุ่น ๆ ส่อเค้าคืบคลานเข้าสู่ชุมชนเทพาลัย ทั้งคอนโดมีเนียมสุดหรูผุดขึ้นกลางชุมชน เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกลายเป็นความขัดแย้งในชุมชน ท่ามกลางวิกฤติพิษโควิด 19 แพร่ระบาด ส่งผลกระทบคนในชุมชนลำบากกันถ้วนหน้า ขณะที่ความสัมพันธ์ของสมาชิกในแก๊งนักสืบสายรุ้ง ทั้งกล้า บอส ขิง อัสมาและนัตตี้ ที่ขึ้นชั้น ป .6 แล้ว ก็เริ่มสั่นคลอน แถมจู่ ๆ จ้อย เพื่อนร่วมชั้นต้องขอพักการเรียน เพราะพ่อป่วยด้วยโควิด 19 แม่ต้องแบกภาระเพียงลำพังด้วยการไปเป็นแม่บ้านในคอนโด และจ้อยยังถูกลักพาตัวไปจากชุมชนอีก แก๊งนักสืบสายรุ้งและชาวชุมชนเทพาลัย จะช่วยกันแก้ไขปัญหาและหาทางออกจากเรื่องวุ่น ๆ นี้ได้อย่างไร กลายเป็นเรื่องราวเข้มข้นสุดท้าทาย ในละครนักสืบสายรุ้ง ซีซั่น 2

“แรงบันดาลใจมาจากสถานการณ์โควิดเลย พอโควิดเข้า ก็ไม่มีใครเลยที่ไม่ได้รับผลกระทบ เพียงแต่ว่าจะกระทบมากกระทบน้อย และเนื่องจากเราทำละครเด็กด้วย เรารู้สึกว่าเด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กที่ไม่ได้มีฐานะดีนัก หรือเด็กตามภูมิภาค เขาน่าจะได้รับผลกระทบค่อนข้างเยอะ ถ้าตามข่าว จะทราบว่าช่วงนั้นมีการเรียนการสอนแบบออนไลน์ และก็มีเด็กหลายคนหลุดออกจากระบบการศึกษา คือประเทศไทย มันดูเหมือนทุกคนร่ำรวย แต่เอาจริง ๆ เด็กบางคนในต่างจังหวัด เขาก็ไม่มีเน็ตใช้ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นผลกระทบต่าง ๆ มันเกิดขึ้นกับกลุ่มเปราะบางค่อนข้างเยอะ ทั้งเด็ก ผู้พิการ และผู้สูงอายุ”
.
อโนมา สอนบาลี คนเขียนบทและคอนเทนต์ครีเอเตอร์ บริษัท แฟลทไฟว์ อินเตอร์ มีเดีย จำกัด ผู้ผลิตละครเรื่องนี้ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในละครนักสืบสายรุ้ง ซีซั่น 2 ที่สะท้อนปัญหาทั้งความเหลื่อมล้ำของสังคมผ่านชุมชนยากจนกลางกรุง ที่ต้องเจอพิษโควิด 19 และส่งผลมาถึงเด็ก ๆ ได้อย่างเข้มข้น สนุกสนานและน่าติดตาม ไม่แพ้ซีซั่น 1 ที่เน้นความเท่าเทียมและสิทธิมนุษยชน พอมาถึงซีซั่นนี้ทั้ง 10 ตอน จะเห็นเส้นเรื่องที่ซับซ้อน มีความเป็นภาพยนตร์มากขึ้น แม้จะจบในตอน แต่มีความต่อเนื่องเหมือนซีรีส์ ที่ทุกตอนจะทิ้งปมตอนจบไว้ ให้ติดตามในตอนต่อไป

โดยละครเรื่องนี้ ในซีซั่น 2 เราจะเห็นพัฒนาการของเด็ก ๆ ในแก๊งนักสืบสายรุ้ง ที่ยังคงความน่ารักสมวัย และแสดงได้เก่งขึ้น ในการสวมบทตัวละครที่บอกเล่าปมปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างธรรมชาติและสมจริงมากขึ้น อย่างตอนที่ผลัดกันเล่าปัญหาต่าง ๆ ของตัวเอง จนมาถึงน้องบอส ที่ต้องสูญเสียคุณตาจากโควิด 19 ไป ซึ่งไม่ต่างจากในชีวิตจริง ที่หลาย ๆ ครอบครัวต้องสูญเสียคนที่รักจากโควิด 19
.
อโนมา ยอมรับ เป็นความยากและท้าทาย ที่จะเขียนจากโจทย์ที่หนัก ให้เป็นละครเด็กที่น่าดู พอดี และสนุก รวมทั้งการกำกับการแสดงของเด็ก ๆ
“เด็ก สัตว์ สลิง สามสิ่งนี้มันยากอยู่แล้ว เราควบคุมไม่ได้ เขามีความธรรมชาติของตัวเอง แต่อันนี้ต้องยกความดีให้กับ คุณอุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร ที่กำกับออกมาได้ดีมาก พอได้เห็นในขั้นตอนการทำโพสโปรดักชั่น พี่ขนลุกเลย น้อง ๆ เล่นได้ดีมาก เขาเก่งขึ้น เมื่อเทียบกับตอนที่เล่นในซีซั่น 1”
.
นอกจากนี้ยังได้นักแสดงมืออาชีพร่วมแสดงคับคั่ง ทั้ง ขวัญฤดี กลมกล่อม , นรินทร ณ บางช้าง, พศิน เรืองวุฒิ, ดี๋ ดอกสะเดา แม้แต่ รศ.สุริยเดว ทรีปาตี ที่ปรึกษาโครงการ ที่รับบทผู้อำนวยการโรงเรียนกรุงเทพพาลัย ที่สุดแสนใจดี คอยช่วยเหลือนักเรียนและสร้างความเข้าใจระหว่างคนในชุมชนกับเจ้าของคอนโดเทพาลัย ให้ช่วยกันสืบเสาะหาความเข้าใจและอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขในละครเรื่องนี้

โดยละครนักสืบสายรุ้ง ซีซั่น 2 ได้รับทุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ประเภทเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปี 2565 ผลิตและออกอากาศทางช่องไทยพีบีเอส ทุกวันเสาร์ 14.30 น. แม้จะจบไปแล้ว แต่ยังสามารถชมย้อนหลังได้ทางออนไลน์ ในช่องยูทูบ Thai PBS Kids และเพจนักสืบสายรุ้ง สัมผัสสาระและความสนุกสนานของนักสืบสายรุ้งซีซั่น 2 ละครเด็กดี ๆ ที่เต็มไปด้วยข้อคิดสอนใจ ให้พ่อแม่ ลูก หรือทุกครอบครัว นั่งล้อมวงดู ช่วยกันสืบเสาะหาความสุขจากละครเรื่องนี้ไปด้วยกัน
.
#กองทุนสื่อ #นักสืบสายรุ้งซีซั่น2
#เล่าสื่อกันฟัง #RainbowKidsSeries2
#บทความเล่าสื่อกันฟัง #ผลงานผู้รับทุนกองทุนสื่อ
#สื่อสร้างสรรค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

โนราไทยฟิต ต่อยอดทุนวัฒนธรรม สู่คลาสออกกำลังกายเปิดใจสู่โลกโนรา

โนราไทยฟิต ต่อยอดทุนวัฒนธรรม สู่คลาสออกกำลังกายเปิดใจสู่โลกโนรา
.
ท่ามกลางเกลียวคลื่นที่ซัดหาดทรายขาวสะอาดบนชายหาดปัตตานี ครูเฟี้ยว-มาดาพร น้อยนิตย์ และครูดิว-ขจิตธรรม พาทยกุล สองสาวแห่ง Thai Fit Studio ที่ใช้ท่าร่ายรำนาฏศิลป์ไทยมาออกแบบเป็นท่าออกกำลังกาย ชวนให้ชาวปัตตานีที่สนใจได้สัมผัสการออกกำลังกายแบบไทยฟิตกันอย่างสนุกสนาน โดยมีพ่อครูเฉลิม และ แม่ครูประภา แห่งคณะมโนราห์เฉลิมประภา มโนราห์ชั้นครูของปัตตานี ที่เฟี้ยวและดิว ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ขอเรียนท่ารำมโนราห์ เพื่อนำมาปรับใช้เป็นท่าออกกำลังกาย เฝ้ามองท่าทางการออกกำลังกายที่ดูแปลกตาจากมโนราออกไป
.
“การที่เอาไปดัดแปลงออกกำลังกายนิ ดีลูก ดี พ่อเห็นด้วย จะได้สืบทอดไป ไปจากมโนราห์ท่านี้ท่าไหน” พ่อครูเฉลิม มโนราห์ชั้นครูของปัตตานีและภาคใต้ ให้ความเห็นไว้อย่างชื่นชมกับแนวคิดของทั้งสองสาวที่จะนำท่าร่ายรำของมโนราห์ไปปรับใช้เป็นท่าออกกำลังกายโนราไทยฟิต นั่นทำให้ทั้งสองสาวลดความกังวลใจ หากจะนำมโนราห์ออกไปสู่รูปแบบใหม่ ๆ ให้ผู้คนได้สัมผัสและรู้จักมโนราห์มากขึ้น

หลังจากที่ครูเฟี้ยวและครูดิว ฝากตัวเป็นศิษย์มโนราห์คณะเฉลิมประภา ที่ปัตตานี ได้เรียนรู้ ได้ฝึกฝนพื้นฐานการรำมโนราห์ที่ถูกต้อง รวมไปถึงขนบ และวิธีการสืบทอดโนรา จนได้รับโอกาสออกโรงแสดงมโนราห์เป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งกลายเป็นความภูมิใจของเฟี้ยวและดิว ที่ได้เรียนรู้และสัมผัสเสน่ห์ศิลปะพื้นบ้านที่ทรงคุณค่าอย่างมโนราห์ พร้อมกับการก้าวสู่เป้าหมาย นำท่ารำโนราห์มาพัฒนาเป็นท่าออกกำลังกาย โดยร่วมกับนักวิทยาศาสตร์การกีฬา ปรับองศาท่าทางการเคลื่อนไหวของ มือ เท้า ศีรษะ ตามท่ารำโนรา ให้ร่างกายใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนและให้คนทำตามได้ง่ายขึ้น ร้อยเรียงตั้งแต่อินโทรดักชั่น วอร์มอัพ เทรนนิ่ง คลูดาวน์ ใช้เวลาราว 50 นาที ช่วยเบิร์นได้ถึง 400 แคลอรี่
.
“คนที่เรียนจะค่อย ๆ จำท่า เรียกชื่อท่าที่เราไปเรียนจากคณะเฉลิมประภาเป็นตั้งแต่เขาควาย ช่อระย้า โคมเวียน พระรามข้ามสมุทร รูปวาดรูปเขียน ท่าเทพพนมเทียมบ่าเทียมภพ สอดสร้อย อะไรอย่างงี้ ทุกคนจะเริ่มเรียกชื่อท่าเป็น เข้าใจโนรา เข้าใจคนที่เขาเรียนโนรามา”
.
การออกกำลังกายโนราไทยฟิต ได้รับความสนใจมากขึ้น หลังเรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดเป็นสารคดี ความยาวไม่ถึง 40 นาที แต่ใช้เวลาถ่ายทำ 1 ปี โดยได้รับทุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ประเภทเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปี 2565 และฉายในโรงภาพยนตร์ ออกอากาศทางทรูไอดี และเผยแพร่ทางออนไลน์ ผ่านสายตาผู้คนมากมาย

“ฟีดแบ็กค่อนข้างดี เราทำแบบสอบถามด้วย ส่วนใหญ่บอกว่ารู้สึกดูแล้วอิ่ม ได้รับรู้ ได้เข้าใจ ได้นำไปใช้ หลายคนอยากรู้จักโนราให้มากกว่านี้” และมีผู้ชมอีกไม่น้อยที่สนใจไปออกกำลังกายคลาสโนราไทยฟิต และมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะเป็นเหมือนก้าวแรกให้ผู้คนได้รู้จักมโนราห์ของไทย และค่อย ๆ เรียนรู้ ส่งต่อกระแสอนุรักษ์มโนราห์ในวันข้างหน้า เหมือนที่โนราเฟี้ยวพูดไว้ในช่วงท้ายของสารคดีเรื่องนี้
.
“คิดว่าจะเป็นคลาสที่เปิดโลก เปิดใจ และทำให้รู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของโนราได้ทุกคน”
.
#กองทุนสื่อ #โนราไทยฟิต #เล่าสื่อกันฟัง
#บทความเล่าสื่อกันฟัง #ผลงานผู้รับทุนกองทุนสื่อ
#สื่อสร้างสรรค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์