เลือกหน้า

กองทุนพัฒนาสื่อฯ ขานรับนโยบาย “Soft Power” ของรัฐบาล

จัดงาน 2025 ICCC มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมสื่อไทยให้ก้าวสู่สากล

กองทุนพัฒนาสื่อฯ ขานรับนโยบาย “Soft Power” ของรัฐบาล จัดงาน “2025 International Creative Content Creators : 2025 ICCC เปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านคอนเทนต์ระดับนานาชาติ มุ่งขับเคลื่อนทุนทางวัฒนธรรม-ภูมิปัญญาไทย ตั้งแต่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซีรีส์ และสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ให้เป็นที่ยอมรับและรู้จักของคนทั่วโลก เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ  

วันนี้ (13 กุมภาพันธ์ 2568) ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นประธาน พิธีเปิดงาน “2025 International Creative Content Creators” พร้อมกล่าวปาฐกถา “นโยบายและการส่งเสริมสนับสนุน Soft Power ของรัฐบาลไทย” โดยมี ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และผู้บริหารระดับสูงให้การต้อนรับ    

นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า Soft Power หรือ “พลังสร้างสรรค์” เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตของประเทศไทยในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและมีความเชื่อมโยงระหว่างกันมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีเป้าหมายชัดเจนในการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการส่งเสริมและยกระดับ “ซอฟต์พาวเวอร์” 14 สาขาของประเทศไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก

นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนการบูรณาการทุนทางวัฒนธรรมของไทยเข้าไปในสื่อทุกรูปแบบ เช่น ภาพยนตร์ไทย ซีรีส์ และสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งสามารถเป็นช่องทางที่ยอดเยี่ยมในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้คนทั่วโลกได้รู้จัก และเข้าใจมากยิ่งขึ้น การพัฒนา Soft Power ผ่านการส่งเสริมภูมิปัญญาไทยนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ ด้วยการดึงเอาคุณค่าและศักยภาพที่มีอยู่แล้วในสังคมไทยมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

นอกจากนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงวัฒนธรรมถือเป็นกลไกหนึ่ง ในการทำหน้าที่ผลักดัน สนับสนุน และขับเคลื่อนโครงการและงบประมาณ Soft Power โดยเฉพาะการสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ในส่วนของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้ดำเนินการเรื่องการส่งเสริม Soft Power อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการให้ทุนแก่ผู้ผลิตสื่อในประเด็นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากต้นทุนทางวัฒนธรรมหรือ Soft Power ทั้งในรูปแบบของการผลิตละครชุด การผลิตภาพยนตร์หรือสื่ออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่สามารถเผยแพร่ Soft Power ไปยังตลาดต่างประเทศ

ดังนั้น การจัดงานในวันนี้ถือเป็นการตอกย้ำนโยบายและยุทธศาสตร์ของรัฐบาล โดยเป็นการเปิดโอกาสและสร้างพื้นที่ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์ซึ่งกันและกัน รวมถึงการนำผลงานที่กำลังทำอยู่และกำลังจะทำต่อไปขยายผลต่อยอดเพื่อกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมและการตื่นตัวในแวดวงอุตสาหกรรมสื่อสร้างสรรค์และผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีโอกาสในการพัฒนางานและองค์กรให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และหวังว่าจะช่วยผลักดันการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง

ด้านดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงาน “2025 International Creative Content Creators (2025 ICCC)” มีเป้าหมายมุ่งยกระดับทักษะ และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ให้แก่ผู้ผลิตสื่อไทย โดยจัดเวทีสัมมนาตลอด 3 วันเต็ม ให้ทุกท่านได้เรียนรู้เพื่อนำไปต่อยอดสู่คอนเทนต์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะการนำเสนอคอนเทนต์ที่มีความร่วมสมัย สร้างสรรค์ ผ่านไอเดียของผู้ผลิตไทยให้ต่างชาติรู้จัก นำไปสู่การสร้างรายได้  ภายในงานได้รับเกียรติจากวิทยากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตสื่อ Creator, Producer, Script writer, OTT Platform ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ มาแบ่งปันประสบการณ์ อัปเดตเทรนด์ด้านสื่อ กระบวนการสร้างแรงบันดาลใจนำไปสู่แนวคิดและการนำเสนอใหม่ ๆ รวมถึงเทคนิคการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพตั้งแต่ต้นจนจบอันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตสื่อ เพื่อให้ท่านสามารถนำมาประยุกต์ในการพัฒนาศักยภาพกระบวนการผลิต พัฒนาบุคลากรในสายอาชีพสื่อ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อต่อยอดส่งเสริมและสนับสนุนเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมสื่อไทย ให้ไปสู่ระดับนานาชาติได้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

         

ปัจจุบันภูมิทัศน์สื่อในประเทศไทย ได้ถูกเปลี่ยนผ่านหรือทรานส์ฟอร์มมาราว 10 กว่าปี หรือ 1 ทศวรรษแล้วทำให้หลาย ๆ ภาคส่วนต้องมีการปรับตัวเรื่อยมา ในมุมของผม การผลิตสื่อจากวันนั้นจนวันนี้ คอนเทนต์ไทยเปลี่ยนไปไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ สารคดี รายการซีรีส์ ละครต่าง ๆ รวมถึงอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาและโฆษณาดิจิทัล มีความสร้างสรรค์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน”

ดร.ธนกร กล่าวต่อว่า ปัจจุบันต้องยอมรับว่าตลาดสตรีมมิงเป็นสื่อที่ใกล้ตัวทุกคนมาก และมีการแข่งขันกันดุเดือดมาก แต่ละแพลตฟอร์มป้อนคอนเทนต์หลากหลาย เพื่อหวังตรึงกลุ่มเป้าหมายให้เกาะขอบจอ ซึ่งแพลตฟอร์มระดับโลก ล้วนแต่เป็นเจ้าใหญ่ ๆ ทั้งสิ้น ทำให้เล็งเห็นศักยภาพของไทยทั้งศักยภาพของผู้ผลิตคอนเทนต์ และศักยภาพของผู้ชมไทยที่เป็นฐานอินเตอร์แฟนจำนวนมาก ทำไมแพลตฟอร์มเหล่านั้นจึงแข่งขันกันแย่งชิงตลาดไทย เพราะมูลค่าทางการตลาดมหาศาลนั่นเอง สังเกตจากละคร ซีรีส์ไทยที่ได้รับความนิยมมากในบ้านเรา นอกจากจะฉายในฟรีทีวีแล้ว ยังนำไปฉายทางแพลตฟอร์มต่าง ๆ ด้วยเนื่องจากมีแฟนชาวต่างชาติ ที่ชื่นชอบคอนเทนต์ไทย แพลตฟอร์มบางเจ้ามีนโยบายให้ทุนผลิต Thai original content ด้วย ซึ่งข้อมูลจาก Statista ปี 2024 (*Statista เป็นฐานข้อมูลด้านสถิติและบทวิเคราะห์สถิติของอุตสาหกรรม ครอบคลุม 170 อุตสาหกรรม จาก 150 ประเทศทั่วโลก) พบว่าตลาดสตรีมมิงวิดีโอ ออน ดีมานด์ ในภาพรวมของไทย ปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 14,000 ล้านบาท  อัตราการเติบโตเฉลี่ยราว 12%    

ทั้งนี้ ในทุก ๆ ปี กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จะเปิดรับข้อเสนอโครงการฯ ประจำปี และผลการจากเปิดรับข้อเสนอโครงการฯ และสนับสนุนในการผลิตสื่อสร้างสรรค์นี้  ทำให้เกิดผลงานสื่อสร้างสรรค์ในหลากมิติ ให้สอดคล้องและเท่าทันต่อภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น คงจะเป็นเรื่องดี หากเราจะมีผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ดี มีสื่อที่ปลอดภัยเพิ่มขึ้น ที่ช่วยสร้างระบบนิเวศสื่อที่ดีให้กับสังคม ให้ประชาชน เด็กและเยาวชนเข้าถึง และเรียนรู้ได้อย่างปลอดภัย หน่วยงานต่าง ๆ ในประเทศไทยและบุคลากรในสายอาชีพสื่อ ผู้ทำหน้าที่ถ่ายทอดเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็น คนเขียนบท ครีเอทีฟ ผู้กำกับภาพยนตร์ อินฟลูเอนเซอร์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ รวมไปถึง นักสื่อสารมวลชน ที่มีหน้าที่ส่งสารไปยังผู้รับ จำเป็นต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมสูงมาก โดยเฉพาะการเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ หรือสื่อดิจิทัล ที่มีอิทธิพลมากและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว

ดังนั้น ในศตวรรษที่ 21 ผู้ผลิตคอนเทนต์คงจะต้องมาอัปเดตองค์ความรู้ใหม่ ๆ เทคโนโลยีการผลิตสื่อการสร้างคอนเทนต์ให้โดนใจ ไปพร้อม ๆ กับการผลิตเนื้อหาที่นำเสนออย่างมีคุณธรรม และจริยธรรม  ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้ผลงาน “มีความสร้างสรรค์และปลอดภัย” อย่างสมบูรณ์แบบ

“งาน 2025 ICCC  ไม่เพียงแต่เป็นเวทีสำคัญในการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้สร้างสื่อไทยได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต และกระบวนการผลิตสื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังจุดประกายส่งเสริม soft power ของประเทศไทยออกสู่สายตาชาวโลกอีกด้วย และยังเป็นช่องทางในการสร้างเครือข่ายใหม่ ๆ เพื่อเปิดทางให้ผู้ประกอบการ ผู้ผลิต บุคลากรในอุตสาหกรรมสื่อทั้งในประเทศและต่างประเทศได้พบปะ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ อันจะช่วยกระตุ้นและส่งเสริมเศรษฐกิจโลกให้เจริญเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไปดร.ธนกร กล่าวทิ้งท้าย